bc

ภาวะจำยอมรัก

book_age18+
395
FOLLOW
3.5K
READ
contract marriage
friends to lovers
heir/heiress
blue collar
drama
bisexual
mystery
city
tricky
like
intro-logo
Blurb

โปรย

“ขอบคุณฉันบ้างก็ดี…” ติณณภพขยับเข้าไปใกล้ฐานิตา ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของเธอ “หรือไม่ก็…ลอง ‘อ้อน’ ฉัน เหมือนอย่างที่พ่อเธอสั่งมาก็ได้”

ฐานิตากำมือแน่น เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ความอายและความโกรธแทรกผ่านความกลัวเข้ามา เมื่อติณณภพยกเอาเรื่องนี้มาพูด ฐานิตาเลยจ้องตาเขากลับ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ติณณภพพอใจมากกว่าที่จะโกรธเธอ

“ขอบคุณนะคะสำหรับการช่วยเหลือ…หนูทำงานให้คุ้มแน่นอนค่ะ คุณติณไม่ต้องกลัวว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปนะคะ” ฐานิตาพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น แม้ในใจจะยังรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์นี้ ขณะที่ติณณภพมองเธอด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความซับซ้อน

“ดี ฉันชอบคนที่รู้จักค่าของสิ่งที่ได้รับ…หวังว่าเธอจะทำได้คุ้มค่าอย่างที่พูดก็แล้วกัน” เขาพูดก่อนจะก้าวถอยหลังเล็กน้อย จ้องฐานิตาด้วยสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นหมากอยู่ในเกมที่เขาวางไว้

ซึ่งหมากตัวนี้กลับทำให้เขารู้สึกสนใจมากขึ้น ความสู้ดีที่ฐานิตารับปากว่าจะทำงานให้ดี ทำให้ติณณภพถือเป็นคำมั่นที่เขาต้องเก็บไว้ในใจ…รอดูว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูด…หรือเป็นเพียงแค่คำพูดไร้สาระ

chap-preview
Free preview
บทที่ 1 ลูกชายที่ไม่เชื่อฟัง
ห้องนั่งเล่นกว้างสว่างไสวด้วยแสงไฟสีนวล ภายในถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราโทนสีขาวทองกลมกลืนไปกับผนังสีขาวและพื้นหินอ่อนเงาวับสีเดียวกัน ซึ่งถ้าหากมองเข้ามาด้วยสายตาของคนนอกก็ไม่ยากเลยที่จะนิยามฐานะของบ้านหลังนี้จากห้องเพียงห้องเดียวว่ามั่งคั่งเพียงใด และนั่นก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นไปอีกด้วยภาพของหญิงสาววัยกลางคนในชุดเดรสเรียบง่ายสีโอลด์โรส แต่ทว่าในความเรียบง่ายนั่นเมื่อเทียบกับราคาของชุดแล้วนั้นกับไม่ใช่น้อย ๆ เลย กรรณิการ์ หรือที่ใคร ๆ รู้จักหล่อนในนามของคุณหญิงกรรณิการ์ ชวลิตหิรัญ เศรษฐีผู้ดีเก่าในวัยหกสิบปีกับชายผู้เป็นที่รักของหล่อน ทินกร ชวลิตหิรัญ นักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ผู้ร่ำรวยสมฐานะไม่แพ้กัน “ฉันรอจนรากจะงอกอยู่แล้วเมื่อไหร่มันจะโผล่หน้ามาเสียที” ริมฝีปากอมชมพูเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ดวงตาสวยแม้จะมีริ้วรอยตามวัยทอดมองออกไปยังโถงกว้างจากในห้องนั่งเล่น ก่อนที่หล่อนจะหันมากระแทกเสียงสั่งผู้เป็นสามี “คุณทินโทรถามเจ้าติณซิว่าเมื่อไหร่มันจะมาถึง” เจ้าติณ หรือ ติณณภพ ชวลิตหิรัญ คือชื่อของลูกชายเพียงคนเดียวที่กรรณิการ์ คนที่เธอกำลังกล่าวถึงอย่างไม่สบอารมณ์ “โธ่ คุณกรรณอย่าใจร้อนนักสิ ลูกเราก็ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องคอยให้ตามแล้วนะคุณ” ทินกรกล่าวกับภรรยาเสียงอ่อน พร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยาดูจะทนไม่ได้เอาเสียเลยกับการต้องมานั่งรอลูกชายกลับบ้านแบบนี้ “ก็เพราะไม่ใช่เด็กฉันถึงได้ต้องคอยตามไงคะ แล้วก็เพราะโตแล้วนี่ไงลูกชายคุณมันถึงได้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน ๆ” กรรณิการ์ที่เข้าใจว่าทินกรกำลังเข้าข้างลูกชายเธอก็ไม่ปล่อยผ่าน พูดประชดประชันสามีผ่านสีหน้าและแววตาขึงขังเอาเรื่อง “เฮ้อ! คุณก็พูดแปลก ๆ ลูกผมมันก็ลูกคนไหมล่ะ” ทินกรถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาได้จี้ใจคนเป็นแม่เข้าให้เสียแล้ว “ทุกวันนี้มันเห็นฉันเป็นแม่มันเหลือเกินนี่คะ ทำอะไรมันไม่เคยเห็นหัวฉันสักครั้ง ดื้อรั้น! เอาแต่ใจเหมือนใครก็ไม่รู้” พูดจบกรรณิการ์ก็ตวัดหางตามองสามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะมองออกไปทางอื่น ส่วนคนที่ต้องมารับเคราะห์อย่างทินกรก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงได้แต่คิดอยู่ในใจเท่านั้น ว่าที่ภรรยากล่าวถึงลูกชายมาทั้งหมดนั่น รวม ๆ แล้วนิสัยเกือบทั้งหมดก็ได้มาจากคนเป็นแม่อย่างเธอนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เหมือนเต็มร้อยก็ตาม แต่ทินกรก็รับรองได้เลยว่า ‘ดื้อรั้น’ และ ‘เอาแต่ใจ’ กันทั้งคู่นั่นแหละ เพียงคนเป็นลูกชายจะสุขุมกว่าไม่แสดงออกโต้ง ๆ เท่าแม่ของเขาก็เท่านั้น แต่ก็อย่างว่าลูกเสือก็ย่อมเป็นลูกเสือนั่นแหละ หรือต่อให้เป็นก็เป็นลูกไม้ใต้ต้นอยู่ดี “ขออนุญาตค่ะ” บรรยากาศตึงเครียดภายในห้องนั่งเล่นถูกขัดจังหวะหลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นานนัก บัวริน แม่บ้านสาววัยสามสิบปี เป็นแม่บ้านประจำตระกูลชวลิตหิรัญเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของสองสามีภรรยาผู้เป็นนายของบ้านอย่างสงบเสงี่ยมด้วยคำนึงในสถานะของตน “ว่าไงบัว” ทินกรเอ่ยถามแม่บ้านสาวที่ยืนรออยู่ ทั้งเมื่อได้ยินคำถามจากผู้เป็นนายบัวรินก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากรายงานตามหน้าที่ทันที “คุณติณกลับมาแล้วค่ะ” บัวรินกล่าวเสียงอ่อน สายตาเหลือบมองไปทางกรรณิการ์อย่างเกรง ๆ “โผล่มาได้แล้วเหรอ” กรรณิการ์พูด สายตามองหาลูกชายที่ยังไม่เห็นเดินเข้ามาหาเธอที่รออยู่ในห้องนั่งเล่นเสียที “คือว่า...คุณติณขึ้นห้องไปแล้วค่ะ” บัวรินเอ่ยเสียงแผ่ว เมื่อเห็นว่านายหญิงกำลังมองหาลูกชายที่มาให้ได้ยินเพียงแค่ชื่อ แต่ว่าไม่รู้เธอคิดถูกหรือเปล่าที่บอกออกไปตรง ๆ แบบนั้น เพราะทันทีบรรยากาศรอบตัวก็เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างน่าใจหาย พร้อมกับกลิ่นอายที่ชวนให้ขนหัวลุก ซึ่งบรรยากาศที่ว่าก็แผ่ฟุ้งออกมาจากหญิงกรรณิการ์ไม่ใช่ใคร ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างบอกไม่ถูก “จะให้ไปตามไหมคะ” บัวรินถามอย่างใจเย็น ทั้งที่รู้สถานการณ์ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในไม่ช้า “ไอ้ลูกคนนี้นี่! มันไม่เห็นหัวฉันบ้างเลยหรือไงกัน!” กรรณิการ์เลือดขึ้นหน้าด้วยความไม่พอใจขั้นสุดที่ถูกลูกชายเมินกันแบบนี้ ทั้งที่เธออุตส่าห์อยู่รอจนดึกดื่นแท้ ๆ ซึ่งหล่อนก็ไม่เพียงแค่พูดเปล่า เพราะเมื่อพูดจบกรรณิการ์ก็รีบลุกออกจากโซฟา เดินตัวปลิวไปจากห้องนั่งเล่นทันที สีหน้าของเธอก็บึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ชัด…ชนิดที่ว่าถ้าหากมองเข้าไปในตาก็คงเห็นเป็นลูกไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ซึ่งช่างต่างไปจากทินกรผู้เป็นสามีของเธอราวฟ้ากับเหว เขายังคงนิ่งสงบอย่างใจเย็นอยู่ที่เดิม ไม่ตามไปถึงแม้ว่าจะอ่อนใจอยู่บ้าง “ไปพักเถอะบัว” ทินกรพยักหน้าบอกเสียงเรียบ ซึ่งเธอก็เข้าใจเขาดี “ค่ะ” บัวรินตอบรับ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนั่งเล่น เดินตรงตามโถงกว้างของบ้านหลังใหญ่เพื่อไปยังบ้านพักแม่บ้านที่อยู่แยกออกไปในสวนหลังบ้านอีกที และถึงแม้ว่าที่พักของเธอจะแยกออกไปอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะทุกครั้งที่ติณณภพกลับมาบ้าน แทบจะไม่มีครั้งไหนที่เขากับแม่จะไม่ทะเลาะกัน บางครั้งก็ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรงจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตด้วยซ้ำ ปึง! ปึง! ปึง! เสียงเคาะประตูรุนแรงเอามาก ๆ ขนาดที่ว่าถ้าประตูบานตรงหน้าของกรรณิการ์ไม่ได้ทำมาจากไม้เนื้อดีหรือแน่นหนาไม่พอ ก็คงจะทะลุกลวงเป็นโพรงไปแล้ว “ติณ! นี่แกจะหลบหน้าฉันไปถึงเมื่อไหร่!” กรรณิการ์แผดเสียงเรียกลูกชายที่นาน ๆ จะกลับบ้านที แต่พอกรับมาก็หนีหน้าเธอเข้าไปหลบอยู่ในห้องนอนอย่างไม่พอใจ ขณะที่ฝ่ามือของเธอก็ยังคงกระหน่ำเคาะลงซ้ำ ๆ แต่ทว่าก็ยังคงไร้วี่แววว่าคนในห้องจะเปิดประตูให้เธออยู่ดี “แกจะออกมาดี ๆ หรือต้องให้ฉันไขกุญแจเข้าไปฮะ!” แกร๊ก! สิ้นประโยคสุดท้ายของกรรณิการ์ ประตูห้องสีขาวงาช้างบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกมาโดยคนร่างสูงที่อยู่ข้างใน “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้” ติณณภพเอ่ยเสียงเรียบ เขายังคงสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คตัวเดิมที่ใส่กลับมาบ้าน ก่อนจะถามแม่สั้น ๆ “มีอะไร” “มีอะไร!?” กรรณิการ์เอ่ยซ้ำ เธอขมวดคิ้วแน่น ขณะที่ลมหายใจถี่รัวและร้อนฉ่าจนรู้สึกได้ “ที่แกถามนี่ไม่รู้จริง ๆ หรือว่าไม่เคยใส่ใจอะไรเลยกันแน่ฮะ!” “ถ้ารู้อยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องถาม” ติณณภพเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาสีนิลที่มองคนเป็นแม่อ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “นี่แกจะทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่” กรรณิการ์ถาม เธอพยายามควบคุมอารมณ์โกรธด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ แต่ทว่าพอได้คำตอบจากลูกชายเส้นอารมณ์ของเธอก็ขาดผึ่งลงในทันที “หยุดบังคับผมสิ ถ้าทำได้ผมก็จะยอมรับเอาไว้พิจารณา...แม่ทำได้ไหมล่ะ?” ติณณภพแสยะยิ้มเย็น เหมือนกับแววตาของเขาที่เย็นชาชวนให้ใจหาย “ฉันเนี่ยนะบังคับแก…ฉันเคยบังคับแกได้ด้วยเหรอติณ! และที่ผ่านมาเพราะฉันก็ไม่เคยบังคับแกได้เลยไง แกถึงได้เป็นแบบนี้ไง! เป็นตุ๊ดเป็นเกย์! อยู่แบบนี้นี่ไง!” ถ้อยคำร้ายกาจและเหยียดหยามมากมายจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม่ที่ไม่เคยคิดถึงใจของลูกชายเลย ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนติณณภพคงจะเจ็บจนจุกเข้าขั้วหัวใจไปแล้ว แต่พอนานวันเข้าแม้แต่เจ็บ เขายังแทบไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ “หึ…งั้นก็ขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ผมเป็นลูกชายแบบที่แม่ต้องการไม่ได้” ติณณภพเค้นหัวเราะ เขาแสยะยิ้มพร้อมกับมองกรรณิการ์นิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวประโยคสุดท้ายออกมา “แต่ขอให้รู้ไว้ว่าที่ผมเป็นแบบนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดผมเหมือนกัน” ติณณภพพูดจบเขาก็กลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะออกมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือและกุญแจรถยนต์ในมือ และเดินผ่านหน้าแม่ของเขาออกไปทันที “ติณแกจะไปไหน! กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ!” กรรณิการ์ระเบิดเสียงเรียก พร้อมกับรีบเดินตามคนหนุ่มที่ตอนนี้เดินทิ้งระยะห่างลงบันไดไปถึงชั้นล่างก่อนเธอแล้ว ด้านทินกรที่ได้ยินเสียงดังโวยวายแต่ เขาก็รีบเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นในทันที ซึ่งก็เป็นในจังหวะเดียวกับที่ลูกชายของเขากำลังจะเดินผ่านหน้าไปพอดี “ติณจะไปไหน” ทินกรถามลูกชายด้วยน้ำเสียงปกติแต่แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองกรรณิการ์ที่กำลังเดินลงบันไดมา “ติณ! กลับมานะ!” “ผมจะไปนอนคอนโดนะครับ” ติณณภพหยุดตอบผู้เป็นพ่อจบเขาก็เดินออกจากบ้านไปในทันที โดยไม่สนใจกรรณิการ์ที่บอกให้เขาหยุด “ติณ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ติณ! นี่คุณทินห้ามลูกหน่อยสิ!” “พอเถอะคุณกรรณ” ทินกรคว้าแขนของภรรยาที่กำลังสาวเท้าตามลูกชายเอาไว้ พร้อมกับบอกให้เธอหยุดด้วยน้ำเสียงแกมดุเล็กน้อย “สงสารเจ้าติณมันบ้างเถอะคุณ” ทินกรหมายความอย่างที่พูด เขาต้องการให้ภรรยาเห็นใจลูกชายบ้างสักนิดก็ยังดี เพราะสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ภรรยากลายเป็นคนเอาแต่ใจ ที่ต้องการบังคับให้ลูกชายเป็นได้ดั่งใจมากจนเกินไปแล้ว มากเสียจน...ตอนนี้บ้านแทบจะไม่ใช่บ้านของติณณภพอย่างที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว “ปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตของมันไปได้ไหมคุณ” “ไม่ค่ะ!” กรรณิการ์ที่ยังคงเลือดขึ้นหน้าหันขวับไปปฏิเสธคำขอของสามีทันที โดยไม่หยุดคิดไตร่ตรองใด ๆ ปล่อยงั้นเหรอ...ไม่มีทาง “ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมให้มันทำตามใจตัวเองอีกแล้วค่ะ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นเกย์...ยังไงซะมันก็ต้องแต่งสะใภ้เข้าตระกูล!” คำประกาศกร้าวนี้ ทำให้ทินกรถึงกับต้องถอนหายใจออกมาพร้อมกับกุมขมับ เพราะภรรยาดูจะไม่ฟังเขาเอาเสียเลย มิหนำซ้ำครั้งนี้เธอยังดูเอาจริงมากกว่าครั้งไหน ๆ จนเขาไม่รู้ว่าติณณภพจะเอาตัวรอดไปได้อีกสักกี่น้ำกันเชียว กับการที่ต้องคอยมารับมือกับแม่หัวโบราณอย่างกับมะพร้าวทึนทึกที่ต้องการให้ลูกชายหันมาชอบผู้หญิงแทนผู้ชายอย่าง...กรรณิการ์คนนี้

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.6K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.3K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.9K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
8.4K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.5K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook