เผยมู่ซีพาเสี่ยวลิ่งย้อนกลับไปร้านเครื่องเขียนอีกครั้งหนึ่ง นางกล่าวขอบคุณเถ้าแก่เนี่ยแล้วขอซื้อกระดาษอย่างดีอีกห้าแผ่น
“เงินที่เหลือทั้งหมดข้าจะให้ท่านแม่เอาไว้ใช้...นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าหาเงินได้เอง ข้ารู้แล้วล่ะเสี่ยวลิ่งว่าความภูมิใจในตนเองเป็นอย่างไร?”
เสี่ยวลิ่งมองหน้าคุณหนูของตนแล้วยิ้ม นางรีบหอบเอาม้วนกระดาษเข้าไว้ในอกอีกมือก็เอื้อมไปหยิบกระดาษห่อหมึกที่ถูกผูกด้วยเชือกป่านเป็นหูหิ้ว “คุณหนูอย่าหักโหมเลยเจ้าค่ะ เพิ่งจะหายป่วยทำเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
เผยมู่ซีส่ายหน้าแล้วหันไปแย่งเอาห่อหมึกมาถือไว้เอง “ให้ข้าช่วยบ้างเถอะ เสี่ยวลิ่ง เจ้าเองทำเพื่อข้ามามากแล้ว”
“คุณหนูอย่าพูดเช่นนั้นเลย พระคุณตระกูลจังนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าก็คงใช้ไม่หมด”
“อยู่กับพวกเราสองแม่ลูก ค่าจ้างเจ้าก็มิได้ กินอยู่ก็ขาดเขิน เช่นนี้แล้วมิใช่ว่าพวกเราหรอกหรือที่ทำให้เจ้าลำบาก”
“มิได้ๆ ขอเพียงข้าได้อยู่รับใช้ฮูหยินกับคุณหนู ข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวลิ่งข้ารับปากว่าวันหน้าจะต้องหาเบี้ยหวัดให้เจ้าได้อย่างแน่นอน” เผยมู่ซีทำสีหน้าจริงจังจนเสี่ยวลิ่งอดหัวเราะไม่ได้
“คุณหนู ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นะ เจ้าคะ ขอเพียงท่านกับฮูหยินร่างกายแข็งแรงอยู่มีความสุขก็พอแล้ว”
สองนายบ่าวเดินคุยกันมาจนถึงหน้าเรือนเป็นยามตะวันกำลังจะตกดินพอดี เหล่าลู่ออกมาจุดคบไฟหน้าเรือนและออกมายืนรอเสี่ยวลิ่งกับคุณหนูหน้าประตูจวน เมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินมาถึงก็รีบกุลีกุจอเข้าไปรับ
“คุณหนูกลับมาแล้ว...เหนื่อยหรือไม่ขอรับ?”
“เดินแค่นี้เองจะเหนื่อยได้อย่างไรกัน? ว่าแต่ข้าหิวแล้วล่ะ”
ได้ยินคุณหนูเอ่ยว่าหิวเหล่าลู่กับเสี่ยวลิ่งถึงกับยิ้มออกมาพร้อมกัน ตลอดห้าปีที่คุณหนูป่วยออดๆ แอดๆ พวกเขาต้องคอยกระตุ้นให้คุณหนูกินอาหารอยู่ทุกวัน
“ฮูหยินตั้งโต๊ะรอคุณหนูอยู่แล้วขอรับ”
“ท่านแม่คงมิได้ต้มข้าวให้ข้ากินอีกหรอกนะ ข้าน่ะเบื่อข้าวต้มจะแย่แล้ว”
“มิได้ๆ ฮูหยินเห็นคุณหนูเดินไปกลับตลาดเองได้ก็ทำขาหมูอบไว้รอเทียวนะขอรับ”
สีหน้าเผยมู่ซีร่าเริงขึ้นในทันที “จริงหรือ? ดีๆ ข้าจะกินให้เต็มคราบเลย” นางยื่นถุงหมึกให้กับเหล่าลู่
“เจ้าส่งม้วนกระดาษมาสิข้าจะเอาไปเก็บที่ห้องหนังสือให้เอง”
“เหล่าลู่ท่านระวังกระดาษของคุณหนูหน่อยนะ คุณหนูจะใช้วาดภาพไปขายน่ะ วันนี้ภาพที่คุณหนูวาดได้ตั้งหนึ่งตำลึงเทียว”
บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ทำตาโต คาดไม่ถึงว่าคุณหนูที่เอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องมาหลายปี หลังฟื้นจากความตายกลับมีความสามารถในการวาดภาพอย่างน่าประหลาดใจ เขาเองก็ได้เห็นภาพที่คุณหนูวาดอยู่แวบหนึ่งก็รู้สึกว่าสวยงามดีแต่มิได้คิดว่าจะมีราคาถึงหนึ่งตำลึง
ยังไม่ทันที่เผยมู่ซีจะได้เอ่ยปาก เสี่ยวลิ่งก็ทำหน้าที่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับจังฮูหยินได้ทราบ
“เจ้าเก่งถึงเพียงนั้นเทียวหรือลูกแม่!”
“ต่อไปข้าจะวาดภาพแล้วเอาไปขายช่วยท่านแบ่งเบาภาระดีหรือไม่เจ้าคะ?” เผยมู่ซีหยิบเอาเงินที่เหลือจากการซื้อกระดาษออกมาวางต่อหน้าจังฮูหยิน “เงินที่เหลือจากการซื้อกระดาษ ท่านแม่เก็บเอาไว้เถอะ”
แม้จะรู้ว่าสตรีงดงามตรงหน้ามิใช่มารดาที่แท้จริงของตนเอง แต่สำหรับนางที่ไม่เคยเห็นมารดามาทั้งชีวิตการได้อยู่ในร่างของชิงหลานแล้วได้เรียกคนตรงหน้าว่าแม่ก็นับว่าเป็นความอบอุ่นเล็กๆ ที่พอจะทำให้ลดความเศร้าโศกจากการอำลาชาติที่แล้วไปได้บ้าง
จังฮูหยินเก็บเอาถุงเงินที่บุตรสาวให้ไปเก็บในสาบเสื้อ “วันหน้าหากเจ้าต้องใช้เงินซื้อหมึกกับกระดาษก็มาเบิกกับแม่ได้ทุกเมื่อ แม่จะทำบัญชีไว้ให้เจ้าเอง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“รีบกินเถอะ ขาหมูอบกำลังร้อนๆ เจ้าจะได้มีกำลังไว้วาดรูป”
แม้ว่าเผยมู่ซีอยากจะวาดภาพหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทว่าจังฮูหยิน กลับไม่ยินยอมด้วยห่วงว่าร่างกายของชิงหลานจะทนไม่ไหว เผยมู่ซีจึงเอาหนังสือสอนวาดภาพออกมาเอกเขนกอ่านอยู่ห้องโถง ไม่นานนักมารดาก็ไล่นางเข้านอน ภายหลังนางจึงรู้จากเสี่ยวลิ่งว่าในยามกลางคืนจังฮูหยินให้ทุกคนรีบเข้านอนเพื่อการประหยัดเทียนและขี้ไต้ หลังยามซวีเหล่าลู่จะดับคบไฟทั่วทั้งบ้าน เผยมู่ซีแอบย่องมาเปิดหน้าต่างดูยามดึกจึงได้เห็นสภาพรอบเรือนอันมืดมิด ไม่อาจทำได้กระทั่งการจุดคบไฟเพื่อป้องกันโจร
....จังฮูหยินต้องประหยัดถึงเพียงนี้ เผยมู่ซีได้แต่สลดใจ....
เมื่อยามที่ต้องนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงตามลำพัง เผยมู่ซีคิดย้อนถึงจวนสกุลเผยในเมืองหลวง ชีวิตของนางเติบโตขึ้นมาได้ด้วยความเมตตากรุณาของท่านย่า นางลืมตาดูโลกพร้อมกับการจากไปของมารดาที่เป็นฮูหยินเอก ไม่นานนักใต้เท้าเผยก็ตบแต่งคุณหนูตระกูลใหญ่เข้ามาเป็นฮูหยินคนใหม่ เผยมู่ซีถูกย้ายเข้าไปนอนร่วมเรือนกับท่านย่า ท่านพ่อในความทรงจำของนางราวกับเป็นเพื่อนบ้านที่เห็นอยู่บ่อยครั้งแต่มิได้สนิทชิดเชื้อ นางต้องคอยยืนชะเง้อมองดูบิดาที่อุ้มน้องๆ เดินเล่นในสวนกลางบ้านจากเรือนของท่านย่า
นางจำได้ว่าท่านพ่อมักจะเล่นกับบุตรของฮูหยินคนใหม่แต่ห่างเหินกับลูกอนุอีกสองคน อนุหม่ามีบุตรสาวหนึ่งคนที่นางไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อด้วยสักเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะฐานะของครอบครัวอนุหม่าค่อนข้างร่ำรวยนางจึงมิค่อยออกมาสุงสิงกับผู้ใดนัก ยิ่งท่านย่าของเผยมู่ซีมิได้เคร่งครัดธรรมเนียมที่ต้องออกมาคารวะแม่สามีทุกเช้าจะให้ทำเพียงบางครั้งโดยจะให้สาวใช้มาแจ้งให้ทราบล่วงหน้า อนุหม่าจึงมักจะอยู่แต่ในเรือนและออกไปซื้อหาสิ่งของมีค่ามาตกแต่งจนแทบจะกลายเป็นเรือนหลักของจวน ไปแล้ว
เผยมู่ซีสนิทกับอนุฉิวสตรีที่เป็นบุตรขุนนางท้องถิ่นที่หวังในลาภยศ บิดาของอนุฉิวต้องการอิงอำนาจขุนนางใหญ่ของใต้เท้าเผยเพื่อจะได้เลื่อนขั้นได้เร็วขึ้น ฉิวเจียวซือเป็นคนกตัญญูจึงยอมแต่งงานตามคำสั่งของบิดาและติดตามใต้เท้าเผยมายังเมืองหลวง นางมีบุตรชายหนึ่งคนคือเผยสือถงอายุเพิ่งแปดขวบ
ฮูหยินเอกของใต้เท้าเผยคือถังหนิงหวงเป็นคนที่วางตนต่อหน้าผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมแต่ลับหลังกลับอารมณ์ร้ายและพร้อมจะกำจัดผู้ขวางทาง นางแต่งเข้าสกุลเผยในช่วงที่มีเพียงอนุหม่า ภายหลังด้วยการขัดขวางหลายวิธีทำให้สามีมิค่อยไปเยือนเรือนอนุหม่า ส่วนตัวนางเองก็มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน แม้ภายหลังอนุฉิวจะมีบุตรชายเช่นกันแต่กลับมิได้รับความสำคัญ
ก่อนฟ้าสางเผยมู่ซีได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านหน้าห้องของตนจึงลุกขึ้นเดินออกไปสมทบกับมารดาและเสี่ยวลิ่ง
“เจ้าตื่นขึ้นมาทำไมกัน? แม่กับเสี่ยวลิ่งสองคนเตรียมอาหารเสร็จก็จะไปปลุกเจ้าให้ลุกขึ้นมากินเอง กลับไปนอนพักเถอะนะลูก”
“ท่านแม่ ข้าแข็งแรงแล้วให้ข้าแบ่งเบาภาระท่านบ้างเถอะ”
“คุณหนูในครัวมีฟืนไฟอันตรายนัก เอาไว้ให้คุณหนูอ้วนท้วนยิ่งกว่านี้ข้าจะสอนคุณหนูทำอาหารเองเจ้าค่ะ”
เผยมู่ซีได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นเต้น ที่ผ่านมานางไม่เคยเฉียดเข้าใกล้ห้องครัวเลย สักครั้ง ไม่ว่านางอยากจะกินสิ่งใดแค่ออดอ้อนท่านย่าก็พอแล้ว ชาติก่อนนางไม่เคยคิดจะเข้าครัวแต่ชาตินี้ที่ได้เห็นจวนที่มีคนเพียงสี่คนอยู่อาศัย นางจึงได้เห็นว่าการดูแลจวนเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงใด หากจะให้นั่งกินๆ นอนๆ เหมือนที่เคยทำ เผยมู่ซีที่เห็นความยากลำบากของคนทั้งสามก็รู้สึกละอายยิ่งนัก แต่เมื่อก้มลงมองดูมือเท้าแขนขาผอมแห้งของชิงหลานแล้วก็จำยอมถอยออกไปจากห้องครัวแต่โดยดี นางจึงเดินไปยังห้องหนังสือคลี่กระดาษที่เพิ่งซื้อมาใหม่ที่เริ่มโค้งงอลงบนโต๊ะก่อนจะหาหนังสือมาวางทับเพื่อให้เรียบ
เมื่อนึกถึงสีหน้าเปี่ยมสุขในยามที่มองนางนั่งพุ้ยข้าวของจังฮูหยิน เผยมู่ซีก็มีความสุขราวกับได้แม่ของตนเองคืนมา แม้จะละอายใจที่ตนยึดเอามารดาของชิงหลานผู้ล่วงลับแต่จะทำอย่างไรได้? ชะตาฟ้าลิขิตมาเช่นนี้...สิ่งที่นางพอจะตอบแทนจังฮูหยินได้ก็คงมีเพียงแต่ใช้ความสามารถที่มีช่วยนางหาเงินนับจากนี้!
‘ท่านแม่...ต่อไปให้ลูกคนนี้ได้ทำมาหากินเลี้ยงดูท่านเถิดนะ’
********************