“คุณน้าอย่ากังวลไปเลยครับ คุณน้าอาจจะยังไม่ทราบ คนไทยในอังกฤษไม่มีใครที่ไม่รู้จักไมล์ ต่างก็พูดว่า ไมล์จับงานอะไรไม่มีอะไรที่จะหลุดพ้นความสำเร็จได้เลย เท่าที่ผมทราบมาจากพรรคพวก สี่ปีที่นั่นไมล์ไม่เคยหยุดเรื่องเรียนและทำงานเลย ธุรกิจที่เขาร่วมกับเพื่อนที่นั่นประสบความสำเร็จอย่างมาก ผมยังแปลกใจที่ไมล์ขายหุ้นให้กับหุ้นส่วนทั้งหมด น่าเสียดายมากครับ” ศศิกานต์มองนับแสนอย่างเหลือเชื่อ เธอไม่ค่อยรู้เรื่องบุตรชายมากนั่นช่วงสี่ปีที่เขาอยู่ที่นั่น เวลาไปเยี่ยมเขาก็อยู่กับเธอตลอดในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่เคยพูดและเล่าอะไรให้เธอฟังเลย
“ไมล์ เราน่าคุยกันหน่อยนะจ๊ะ” ศศิกานต์เอ่ยกับบุตรชายที่นอนดูทีวีแบบเรื่อยเปื่อย
“ครับ คุณแม่มีอะไรเหรอครับ”
“ตั้งแต่ที่ลูกกลับมา มีอะไรหลายอย่างในตัวลูกเปลี่ยนไปมาก”
“เปลี่ยนดี หรือ เปลี่ยนไม่ดีละครับคุณแม่”
“ก็ทั้งสองอย่าง”
“ไม่ดีคือะไรครับ”
“ปกปิด มีความลับมากไปนะสิ”
“ผมเนี่ยนะครับ มีความลับ”
“ใช่ แม่รู้นะว่าไมล์ไม่พอใจหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ปีนี้ ตอนที่ไมล์ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“คุณแม่คิดมากไปเหรอเปล่าครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”
“รวมถึงเรื่องของน้ำแข็งด้วยอย่างงั้นเหรอ” ไมล์เงียบลงทันทีไปสักพักก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“คุณแม่ต้องการอะไรจากผมในเรื่องของเด็กคนนั้น”
“ไมล์มองออกมาตลอดว่าแม่คิดยังไงกับน้ำแข็ง”
“ครับ” ไมล์ยอมรับ
“ไมล์ฟังแม่นะ น้ำแข็งก็คือน้ำแข็ง เธอไม่ใช่ตัวแทนของใคร แม่ไม่ได้เอาเธอมาเป็นตัวตายตัวแทนให้กับใคร จริงอยู่ว่าด้วยความเหมือนของทั้งสองคนในตอนแรกดึงดูดแม่ให้เข้าไปหาเธอ แต่ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา น้ำแข็งก็คือน้ำแข็งเธอทั้งน่ารัก กตัญญู แม่อยากให้ลูกมองน้ำแข็งคนนี้ มองอย่างเป็นธรรม”
“เป็นธรรม? ผมให้ความเป็นธรรมกับใครไม่ได้หรอกครับ เพราะทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าเธอ น้ำแข็งของผมก็อยู่ตรงหน้าผม ผมต้องย้ำบอกตัวเองในทันทีว่า ไม่ใช่ ได้โปรดเข้าใจผมด้วยนะครับ”
“ไมล์ ลูกกำลังจะหมายความว่า ลูกไม่ยอมรับน้ำแข็ง แม้ในฐานะอื่นก็ไม่ได้อย่างงั้นเหรอ” ไมล์หันไปมองทางอื่น ไม่ตอบคำถามนั้นออกไปให้มารดาได้ยิน แม้เขาจะได้คำตอบอยู่ในใจแล้วว่า ‘ ไม่ได้’
“ไม่มีฐานะอะไรจะให้ทั้งนั้นครับ”
ศศิกานต์ร้องบอกตัวเองไว้ว่าให้ใจเย็นๆ สี่ปีที่ไมล์ไปจากเมืองไทย เธอคิดว่าหลังจากที่เขากลับมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่เวลาและระยะทางไม่ได้ช่วยเยียวยาไมล์เลย เธอคงต้องทำอะไรสักอย่าง และจะช้าไม่ได้ด้วยและในเย็นวันนั้น ศศิกานต์เดินทางไปหาน้ำแข็งที่บ้านของเธอ
“คุณป้า!” น้ำแข็งแปลกใจ ไม่ใช่ว่าผู้มีพระคุณจะไม่เคยมาที่นี่ แต่เวลาแบบนี้มันน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“ถ้าป้าไม่มาคุยกับน้ำแข็งวันนี้ คืนนี้ป้าคงนอนไม่หลับแน่ๆ” คิ้วเรียวของน้ำแข็งขมวดเข้าหากันทันที และหลังจากที่ศศิกานต์กลับไป น้ำแข็งได้แต่นั่งเหม่อและครุ่นคิดเรื่องที่ศศิกานต์มาคุยแกมขอร้องแบบที่เธออยากจะปฎิเสธแต่ก็ทำไม่ได้
“เป็นอะไรไป” ป้านัน เอ่ยถามหลานสาวที่นั่งเหม่อมาสักพักจนเธออดเป็นห่วงไม่ได้
“ป้า น้ำแข็งจะทำยังไงดีคะ?”
“เรื่องที่คุณศศิกานต์ทาบทามหนูไว้ให้กับคุณไมล์ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“แล้วน้ำแข็งมีใครอื่นที่ให้คิดเป็นพิเศษเหรอยัง?”
“เรื่องแบบนั้น ป้าก็รู้ว่่าหนูยังไม่ได้คิดเลย”
“ถ้างั้นก็ลองดูกับคุณไมล์ไม่ได้เหรอ”
“ป้าก็รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วหนูเป็นแค่อะไร ผู้หญิงแบบหนูมันจะคู่ควรกับเขาเหรอคะ”
“เรื่องฐานะ ป้าไม่เถียงหนูหรอก แต่คุณค่าของคนเราไม่ได้วัดกันตรงนั้น ความดีมันคงทนถาวรกว่าไม่ใช่เหรอ และป้าคิดว่าคุณศศิกานต์ก็คิดแบบนี้ วันนี้เขาถึงมาคุยกับหนูไง”
“ป้าไม่รู้หรอกค่ะ ในแต่ละครั้งที่หนูกับคุณไมล์ได้เจอกัน เขาแทบจะไม่มองหน้าหนูเลย สาเหตุหนูก็รู้อยู่ แต่หนูผิดอะไรเหรอคะ” ป้านันยิ้มเล็กๆออกมา
“ถ้างั้นหนูก็ทำให้เขารู้สิว่าหนูเป็นใคร” น้ำแข็งหันมามองป้านัน อย่างไม่อยากเชื่อว่าป้านันจะพูดออกมาแบบนี้
การแสร้งว่ารักโดยที่ไม่รักมันก็ยากมากอยู่แล้ว แล้วการที่เรารักแต่แสร้งว่าไม่รักโดยที่ภายใต้การแสร้งว่าไม่รักนั้นต้องแสร้งว่ารัก มันไม่ง่ายเลย
ในเช้ารุ่งขึ้นน้ำแข็งที่ไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษากำลังเดินมาตามทางเหมือนทุกวันในตอนเช้า แต่วันนี้มือเธอสองข้างหอบหิ้วถุงขนาดใหญ่ซึ่งด้านในบรรจุกล่องพลาสติกใสๆข้างในบรรจุขนมไว้มากมาย น้ำแข็งรู้สึกเพลียอย่างมากเพราะเมื่อคืนเธอนอนแทบไม่หลับ สมองคิดแต่เรื่องของไมล์วนเวียนไปหมด
“หน้าซีดๆ เป็นอะไรไปเหรอเปล่าครับ” ลุงใบที่วิ่งเข้ามาช่วยน้ำแข็ง เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะ เมื่อคืนน้ำแข็งนอนไม่ค่อยหลับ เช้านี้ก็เลยเพลียมากค่ะ” น้ำแข็งพูดพร้อมกับส่งถุงในมือให้ลุงใบ
“งั้นเดี๋ยวทั้งหมดนี้ ลุงเอาไปส่งที่ร้านให้เองแล้วกัน คุณไปพักเสียหน่อยเถอะครับ” น้ำแข็งยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ และเร่งฝีเท้าเข้าสู่อาคารบ้าน สมองของเธอเริ่มคิดถึงที่นอนนุ่มๆเสียแล้ว
ไมล์ที่ยืนมองอยู่ มองตามการเคลื่อนไหวของน้ำแข็งตลอด เขาสวมชุดออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปยังประตู เมื่อเขาเปิดประตูเป็นช่วงที่น้ำแข็งกำลังเปิดประตูห้องนอนของคุณแม่เขาพอดี ไมล์ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ห้องนอนคุณแม่เขาจำได้ แม้ตั้งแต่กลับมาไมล์ยังไม่เคยเข้าไปในห้องนั้นเลยก็ตามที และด้วยความสงสัยไมล์จึงเดินไปยืนอยู่หน้าประตูห้อง มือค่อยๆเอื้อมเพื่อเปิดประตู และมันไม่ได้ล็อค ไมล์จึงผลักเข้าไป แน่นอนเขามีสิทธิอยู่แล้วที่จะเข้าห้องนี้ โดยที่ไมล์ไม่รู้ว่าห้องนี้แม่ของตนได้ยกให้กับน้ำแข็งแล้ว
! ไมล์ที่เดินเข้าไป ไม่คิดว่าจะเห็นภาพอะไรแบบนี้ น้ำแข็งในชุดเดรส ตอนที่เธอสวมขณะเดินและยืนมันก็ยาวพอดีเข่า แต่พอเธอนอนทั้งๆที่สวมชุดนี้อยู่ ชายกระโปรงมันเลิกสูงขึ้นมากเผยเรียวขาขาวเล็กๆ กับขอบบราสีชมพูหวานกลางลำตัว ไมล์ยืนนิ่งค้างสายตาจับจ้องมองอย่างลืมตัว ก็เขามันคือมนุษย์ และเป็นมนุษย์ที่เป็นผู้ชายแข็งแรงมากด้วย
ไมล์สะบัดศีรษะไปมา เรียกสติของตัวเองคืนกลับมา และพยายามคิดทบทวนว่าทำไมน้ำแข็งถึงมานอนบนเตียงของแม่เขาได้ แต่แล้วเมื่อไมล์มองรอบๆห้อง ทุกอย่างแปลกตามาก เขาจำห้องของแม่ได้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ แล้วอย่างอื่นก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
น้ำแข็งที่หลับไปทันทีเมื่อหัวถึงหมอน ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังเดินไปรอบๆห้องด้วยความสงสัย ในห้องนี้มีภาพกลุ่มสามคนที่มีแม่เขา คุณตาและน้ำแข็ง และอีกสองสามภาพก็เป็นภาพแม่เขากับน้ำแข็ง ที่ให้ใครมองภาพนั้นก็จะเห็นความรักใคร่ที่แม่เขามีให้กับน้ำแข็งอย่างไม่ปิดบัง แต่ที่แปลกคือทำไมต้องมีภาพเดี่ยวของเขาอยู่ในกรอบรูปคู่กับเธอด้วย ไมล์หยิบขึ้นมาและมองภาพตัวเองกับน้ำแข็งสลับกัน
และจู่ๆ ไมล์ก็ตัดสินใจแกะกรอบรูปนั้นเพื่อจะดึงภาพของตัวเองออกมา เสียงที่ไม่ดังมากของวัตถุกระทบกัน แต่ก็ทำให้น้ำแข็งรู้สึกตัว เมื่อดวงตาของเธอเปิดกว้างขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือลูกชายอดีตเจ้าของห้อง
“คุณไมล์!” ไมล์แค่หันกลับมา และเห็นว่าน้ำแข็งรีบลุกขึ้นนั่งและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองไว้จนถึงเอว
“ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้น เพราะว่าฉันเห็นจนจินตนาการได้หมดแล้ว” น้ำแข็งอ้าปากค้าง แก้มแดง เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกไว้ตรงไหน
“ต่อมความเป็นสุภาพบุรุษของคุณมันชำรุดเหรอยังไง” น้ำแข็งตอกกลับอย่างอดไม่ได้
ไมล์ขยับเพียงสองก้าวเขาก็มาอยู่บนเตียงนั่งคร่อมทับขาน้ำแข็งไว้ทันที พร้อมกับคว้ามือเธอไว้ด้วยมือที่ว่างอยู่