“ปล่อยฉันนะ!” น้ำแข็งบิดมือที่ถูกรัดไว้โดยชายตรงหน้าที่มือของเขาใหญ่กว่ามือเธอมาก เธอหลบหลีกไม่ทันเมื่อเขาเข้ามาในระยะประชิดอย่างรวดเร็ว
“บอกจุดประสงค์ของเธอมา” ไมล์ เสียงแข็งกร้าวใส่น้ำแข็ง
“จุดประสงค์บ้า จุดประสงค์บอ อะไร”
“เธอนี้มันเป็นเด็กไร้สัมมาคารวะจริงๆ”
“เออ! ถ้างั้นก็ปล่อยฉันเสียที” น้ำแข็งเสียงแข็งใส่ และออกแรงในการดึงข้อมือตัวเองมากขึ้น
“ถ้าอยากให้ปล่อย ก็บอกมา ว่าต้องการอะไร เธอต้องการอะไรที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวของฉัน!” ไมล์เสียงแข็งกร้าวมากขึ้น เพราะยังไงวันนี้เขาต้องรู้ให้ได้
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณด้วย เพราะคนที่ต้องการให้ฉันเข้ามา คือ คุณแม่กับคุณตาของคุณ”
“อย่ามายอกย้อนนะ! ยายเด็กบ้า!” ไมล์ แข็งกร้าวมากขึ้นเท่าทวี เขาไม่เคยเจอใครที่ดื้อและไร้ซึ่งความเกรงกลัวและเกรงใจในตัวเขามาก่อนเลย
“บ้า! คุณนั้นแหละที่บ้า เค้าอยู่ของเค้าเฉยๆ ก็ถูกเข้ามาหาเรื่อง ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่า คุณต้องการอะไรจากฉันคุณไมล์” น้ำแข็ง แข็งสมชื่อแต่เธอก็ไม่เย็นพอในเรื่องอารมณ์ตามชื่อสักเท่าไหร่ แม้เธอจะตกเป็นรองคนตรงหน้าพอดูก็ตามทีเถอะ
“ฉันต้องการรู้ว่าเธอต้องการอะไร ที่เข้ามายุ่งกับคุณแม่และคุณตาของฉัน” น้ำแข็งถอนหายใจครั้งใหญ่ ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ จะให้เธอตอบไปแบบไหนล่ะ ก็ในเมื่อเธอไม่มีอะไรที่ต้องการในครอบครัวนี้ ครอบครัวที่มีแต่ให้เธอมาตลอดหลายปีมานี้
“ไม่มี” ไมล์คิ้วขมวด ไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“โอ้ย!!! อะไรของคุณเนี่ยะ ฉันต้องมาแปลไทยเป็นไทยอีกเหรอ ก็เข้าใจนะว่าคุณมันลูกครึ่ง แต่คุณก็เติบโตมาที่เมืองไทยนานหลายปี ถึงจะไปๆมาๆ บ้างก็ตามทีเถอะ”
“นี่เธอ รู้เรื่องของฉันด้วยเหรอ?” ไมล์ถามกลับด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมา
“ไม่รู้! ปล่อยฉันสักที ฉันต้องไปเรียนแล้ว” น้ำแข็งเบื่อที่จะต้องมาสาธยายอะไรต่อมิอะไรให้กับเขาคนตรงหน้าได้ฟังในสถานการณ์แบบนี้ ที่นี่มันบนเตียงนอนนะ
“นี่เธอ!!!...ฉันไม่ได้น่ารำคาญแบบนั้น อย่ามาทำหน้าตาแบบนั้นกับคนอย่างฉันนะ” น้ำแข็งอ้าปากหวอ เหลือเชื่อเอาเข้าไป ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรมากมั้ย เขาจะเอายังไงกับเธอเนี่ยะ
“แล้วจะปล่อยฉันได้เหรอยัง?”
“แล้วเธอตอบคำถามฉันมาแล้วเหรอ?”
“ตอบไปแล้วไงว่า ไม่มี ไม่มีอะไรในครอบครัวของคุณที่ฉันต้องการ จบป๊ะ” น้ำแข็งย้ำถามกลับ
“หน้าฉันดูปัญญาอ่อนมากมั้ย?” น้ำแข็งถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมมองบนตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้
“แล้วอยากได้คำตอบแบบไหนไม่ทราบ ว่ามา จะพูดให้ได้ยินจะได้แยกย้ายกันสักที” ไมล์ยิ้ม
“ต้องการฉัน”
! น้ำแข็ง ดึงดวงตากลับมามองหน้าเขา เขาคนตรงหน้า ที่ยิ้มให้กับเธอ “หลงตัวเองมากเกินไปแล้วนะคะ”
“เธอยังมีหน้ามาว่าฉันหลงตัวเองอีกเหรอ หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้”
“หลักฐาน หลักฐานอะไร?”
“เธอบอกว่าจะไปเรียนโดยที่ใส่ชุดนี้ไปอย่างงั้นเหรอ ก้มมองตัวเองหน่อย” น้ำแข็งเงียบเสียงลง และก้มหน้าหลบสายตาของไมล์ ใบหน้าเธอแดงก่ำ บอกแล้วมันยากจริงๆ กับการที่เธอเองก็แอบพึงพอใจเขาไม่น้อย แต่ต้องแสร้งเป็นไม่พึงพอใจ
“ออกไปเลยนะ ออกไปจากห้องฉัน” น้ำแข็งที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงคิดว่าการไล่เขาให้ออกไปจากห้องนี้ดีที่สุด
“บ้านเธอเหรอไง?” เสียงตอบกลับอย่างเย้ยหยั้น
“งั้นฉันไปเอง” น้ำแข็งบิดข้อมือตัวเอง และพยายามจะขยับตัวเองให้ออกจากบนเตียงนอน
“เรามาตกลงกันดีกว่า” น้ำแข็งหยุดการดิ้นรนที่ไมล์ไม่ยอมให้เธอแยกไปง่ายๆ
“ตกลง ตกลงอะไร?”
“เราสองคนต่างรู้ดีว่า คุณแม่อยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้” น้ำแข็งหน้าร้อนวูบเฉียบพลัน “เราแสร้งมาทำให้คุณแม่สบายใจดีกว่า” น้ำแข็งยังเงียบอยู่ แต่ดวงตาจับจ้องมองตอบไมล์อย่างใคร่รู้ “เราก็แสร้งเป็นแฟนกันเฉพาะต่อหน้าคุณแม่และคุณตา เป็นไง”
“ไม่เอา” น้ำแข็งปฎิเสธทันที จะให้เธอกลอกลวงผู้ใหญ่ที่มีพระคุณกับเธอได้ยังไง
“ฉันรู้นะว่าเธอไม่อยากโกหก แต่เคยได้ยินมั้ย โกหกสีขาว การโกหกที่ทำให้คนที่เรารักมีความสุขมากขึ้น” ไมล์ยังรู้สึกติดตากับสีหน้าของมารดาเมื่อวานนี้ได้ดี ตอนที่เขาประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้ำแข็งออกไป ตอนนั้นเขารู้สึกแย่ไม่ต่างไปจากมารดาเลย และเขาก็ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แน่นอนว่าการทำข้อตกลงกันกับน้ำแข็งเป็นทางออกที่ดีที่สุด
น้ำแข็งครุ่นคิดอยู่สักพัก ไมล์เงียบลงอย่างอดทน รอคำตอบ “ตกลงค่ะ แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง” มุมปากหยักกดลึกก่อนตอบว่า...
“ก็ต้องร่างข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนามรับทราบด้วยกันทั้งสองฝ่าย” น้ำแข็งเบิกตากว้าง ทำข้อตกลง มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอแต่คิดไว้ในใจเป็นดีที่สุด
น้ำแข็งไม่มีคอมพิวเตอร์ในห้องนอนและไมล์ก็เช่นกันเพราะเขายังไม่อยากได้มันในตอนนี้ เขาจึงให้น้ำแข็งเป็นผู้เขียนข้อตกลงตามคำบอกของเขา
“ในข้อตกลงฉบับนี้ เรียกฉันว่า ‘ฝ่ายชาย’ ส่วนเธอ ‘ฝ่ายหญิง’...” น้ำแข็งทำตามที่ไมล์บอกทุกอย่าง แบบเงียบๆ จนมาถึงข้อแรกในข้อตกลง
มีอยู่ว่า ฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะร่วมมือกันแสดงออกถึงความรักใคร่ที่มีต่อกันให้กับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายประจักษ์เห็นอย่างไร้ข้อกังขา
“เอ่อ ข้อถามได้มั้ยคะ?” ไมล์พยักหน้าเป็นการอนุญาต “การแสดงความรักใคร่แบบที่คุณว่ามันแค่ไหนคะ?”
“ต่อหน้าคุณแม่คุณตาก็แค่ยิ้ม และทำหน้าว่ามีความสุขมากๆ ฉันว่าไง เธอก็ว่าตามกัน” น้ำแข็งพยักหน้า
ข้อที่สอง มีอยู่ว่า ต่อหน้าญาติของฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงต้องเอ่ยเรียกฝ่ายชายว่า ‘พี่ไมล์’
“แล้วคุณจะเรียกฉันว่าอะไรคะ?” น้ำแข็งที่รอฟังอยู่นานจำต้องเอ่ยถาม เมื่อไมล์เงียบไปนาน
“ถามโง่ๆ ฉันก็ต้องเรียกชื่อเธอนะสิ” น้ำแข็งมุ่นคิ้ว หันหน้าไปมองไมล์ เธอก็แค่ถามดีๆ ทำไมต้องมาประชดประชันด้วย น้ำแข็งจึงหันกลับและก้มหน้าเขียนต่อความในข้อที่สองว่า และฝ่ายชายก็ต้องเรียกฝ่ายหญิงว่า จู่ๆน้ำแข็งก็หยุดเขียน เมื่อไมล์ที่ก้มมองลงมาเห็นบทความที่เธอเขียนและเขาก็พอจะเดาออก แต่เขาไม่ได้หยุดเธอ แต่เป็นเธอเองที่หยุดเขียนเอง
ไมล์เลิกคิ้วทันที เมื่อน้ำแข็งเปิดกระดาษหน้าใหม่ และเริ่มต้นลอกข้อตกลงใหม่ตั้งแต่บรรทัดแรก จนมาจบข้อสองเท่าที่เขาบอกเพียงแค่นั้น
“มีต่อมั้ยคะ ข้อสาม”
“ข้อสาม ในช่วงระหว่างที่ยังไม่มีการบอกเลิกหรือยุติข้อตกลง ฝ่ายหญิง ห้ามมีเพื่อนชายในฐานะคนพิเศษ” เมื่อไมล์กล่าวจบ น้ำแข็งจึงก้มหน้าเขียนตามที่เขาบอกไม่มีท้วงติงใดๆ
“จบเหรอยังคะ?” น้ำแข็งถามเมื่อเสร็จข้อสามแล้ว
“ข้อที่สี่ ฝ่ายหญิงมีหน้าที่เชื่อฟังฝ่ายชาย...”
“เดี๋ยวนะคะ มันจำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องระบุไว้”
“ใช่ เพราะฉันเบื่อที่จะต้องมาอธิบายและชี้แจงเหตุผลในคำสั่งที่ฉันบอกให้เธอทำ”
“ฉันจะต้องทำอะไร เราก็แค่แสร้งทำเป็นว่ารักกันต่อหน้าคุณท่านกับคุณป้าก็เท่านั้นเอง”
“คัดค้านข้อนี้อย่างงั้นเหรอ” น้ำแข็งหลบตาเบี่ยงหน้าหลบ เมื่อจู่ๆไมล์เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หน้าเธอเรื่อยๆ
“ก็แค่คิดว่าไม่จำเป็นก็ได้มั้งคะ”
“ก็ถ้ามันไม่มีสาระอะไรกับเธอ แล้วจะโต้แย้งทำไม ก็แค่เขียนๆมันไป และจำใส่สมองก็พอ” น้ำแข็งค้อนวงใหญ่ใส่ไมล์อย่างไม่รู้ตัวก่อนที่จะก้มหน้าเขียนตามความต้องการของเขา “ข้อห้า ฝ่ายหญิงไม่มีสิทธิแสดงกรรมสิทธิในตัวฝ่ายชายในทุกกรณีทั้งที่เป็นคำพูดหรือท่าทาง” น้ำแข็งยิ้มมุมปากเล็กๆอย่างเหลือเชื่อว่าคนตรงหน้าเธอจะหลงตัวได้อย่างร้ายกาจ แต่เอาเถอะ! ก็อย่างเขาทำได้อยู่แล้ว
“หมดแล้วเหรอคะ”
“สมองเธอคิดได้อย่างเดียวเหรอไง ว่าคนอย่างฉันจะเอาเปรียบเธอ ในเมื่อฉันคิดห้าข้อได้ เธอก็มีสิทธิคิดได้ห้าข้อเช่นกัน ตามสบาย...เอาเลย” น้ำแข็งนิ่งมองหน้าไมล์