BELOVED 09
SNOW TALK
ทำไมผมต้องแคร์ความรู้สึกเธอขนาดนี้วะ นั่งถามตัวเองอยู่เหมือนกันนะว่าจำเป็นต้องง้อขนาดนี้เลยหรือไงทั้งๆที่ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนจะง้อใคร แต่กับเธอมันต่างกับคนอื่นๆ ผมคงอยากได้เธอมาเป็นไม้กันหมากับไอซ์แหละมั้ง เพราะกี้เป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างเทียบเท่าไอซ์ได้ในทุกๆด้าน หน้าตา ฐานะกี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าไอซ์เลยแค่ไอซ์เด็กกว่ากี้เท่านั้นเอง แต่ผมก็ไม่ได้ชอบไอซ์ ยังไงๆต่อให้ไม่เป็นกี้ผมก็ไม่เลือกไอซ์อยู่ดีแต่ที่ผมเลือกเธอเพราะเธอทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ด้วย อยากอยู่ใกล้ๆคอยมองเธอไม่ว่าเธอจะทำอะไร
ตอนนี้เธอโกรธผม คงคิดว่าผมนอกใจเธอไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นในห้องแน่ๆ ก็วันนั้นน่ะน้องรหัสผมมันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเลยแวะเอาของฝากมาให้ที่คอนโด แล้วน้องมันปวดฉี่ผมเลยให้น้องมันขึ้นมาฉี่บนห้องก็เท่านั้นเอง แต่ก็เจอกับเธอเข้าพอดีตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะก็แค่เดินออกมาส่งน้อง จะมาตกใจตอนเห็นเลือดบนหัวกับน้ำตาที่คลอหน่วยของเธอนั่นแหละที่ทำให้ผมแทบพุ่งเข้าไปหาแต่ก็โดนปาด้วยถุงสปาเก็ตตี้เข้าซะก่อน สมองเลยเริ่มประมวลจากคำพูดของเธอทีละคำ
คงกินกันอิ่มแล้วสินะ สปาเก็ตตี้นั่นฉันฝากทิ้งด้วย..
ชัดเจน...
คำพูดที่ได้ยินประกอบกับน้ำตาของเธอแล้วมันกลับมีผลต่อความ รู้สึกของผมซะอย่างนั้น หัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะกลัว กลัวเธอจะเข้าใจผิดแล้วเกลียดผมอะไรแบบนั้น ผมยืนกดออดอยู่กับอลิสน้องรหัสผมเพื่อจะอธิบาย น้องมันก็งงกับเหตุการณ์ที่เจออยู่เหมือนกันแต่กี้ไม่มีท่าทีจะเปิดมาฟังอะไรเลย ผมเลยให้อลิสกลับไปก่อน จริงๆผมก็รู้สึกดีใจนะที่เธอคงจะคิดอะไรกับผมมากพอสมควรไม่งั้นคงไม่โกรธผมขนาดนั้นแถมยังร้องไห้ให้ผมอีก เธอต้องชอบผมแน่ๆ
ผมตามง้อเธอมาสองอาทิตย์เต็มๆจนวันนี้วันเปิดเทอมวันแรก อุตส่าห์ตื่นเช้ามารอหน้าห้องเพื่อจะไปเรียนพร้อมกัน สองอาทิตย์นะที่ผมไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ก็เธอพยายามหลบหน้าผมนั่นแหละ พอเจอก็ไม่คุยกับผมอีกแต่ผมก็ง้อจนกว่าเธอจะยอมฟัง
ก็ผมไม่ได้ทำอย่างที่เธอคิดทำไมผมต้องยอมให้เธอคิดกับผมด้านลบด้วยล่ะ ถ้าผมไม่ง้อเธอก็มองผมไม่ดีไปตลอดใช่ไหมล่ะ
คนหล่อยอมไม่ได้...
“พี่สโนว์ เรียกอลิสมาทำไมเนี่ย”
“เรียกมาอธิบายเรื่องวันนั้นให้ที จะได้จบๆ”
เมื่อพูดจบผมก็บุ้ยปากไปทางกี้ที่นั่งข้างๆผมเป็นเชิงให้น้องมันอธิบายเรื่องวันนั้นให้กี้ฟัง คือผมพากี้ออกมานั่งรอที่โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ตึก
แล้วเรียกอลิสมา ส่วนเพื่อนๆของผมก็รีบไปดูรถที่อู่เพราะเพิ่งลงอะไหล่ใหม่ วิถีลูกผู้ชายอย่างพวกเราก็เป็นอย่างนี้ล่ะ
“พี่แฟนพี่สโนว์สวัสดีนะคะ คือหนูชื่ออลิสเป็นน้องรหัสพี่สโนว์ แล้วที่พี่เห็นอลิสอยู่ที่ห้องพี่สโนว์วันนั้นเพราะว่าอลิสเพิ่งกลับจากเกาหลีเลยซื้อของมาฝากพี่รหัสเท่านั้นเอง อ่อๆ ที่เห็นอยู่ห้องพี่สโนว์เพราะอลิสปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องพี่ จริงๆนัดรับของกันที่ล็อบบี้ข้างล่าง อลิสกับพี่สโนว์ไม่ได้ตึ่งโป๊ะกันอย่างที่พี่เข้าใจนะ”
กี้ฟังที่อลิสพูดพร้อมทำหน้าสับสนเหมือนกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ มองหน้าผมกับอลิสสลับกันไปมาประหนึ่งชั่งใจและจะจับพิรุธเราสองคน แต่ความจริงก็คือความจริงรึเปล่า ต่อให้จะจับพิรุธยังไงก็ไม่มีอะไรเผยออกมาให้เห็นหรอก
“แล้ว...ทำไมสภาพทั้งสองอย่างกับผ่านอะไรมา?”
เมื่อเธอเปิดปากถามคำถามแรกออกมาทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้กับความใส่ใจและช่างสังเกตของเธอ
“อลิสวิ่งตากฝนเข้าคอนโด ตอนนั้นรถติดเลยบอกให้แท็กซี่จอดฝั่งโน้นแล้วเดี๋ยวอลิสจะข้ามมาเอง”
“ฉันเพิ่งไปอู่รถกับเพื่อนมาไงสภาพเลยไม่ดีเท่าไร”
กี้พยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามคำถามต่อมา
“รอยที่คออลิสล่ะ?”
“อ๋อ คิสมาร์กนี่เหรอ? ก็แฟนอลิสทำสิ ที่ไปเกาหลีก็ไปหาแฟน”
“เชื่อฉันหรือยังล่ะกี้ บอกแล้วเธอเข้าใจผิด”
“พี่ชื่อกี้ใช่ไหม อ่า พี่กี้นี่อลิสจะบอกอะไรให้เลยนะว่าพี่สโนว์ไม่เคยง้อผู้หญิง ต่อให้สวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ไม่ง้อแต่กับพี่นี่ง้อคนแรกเลย”
อลิสพูดได้ดี...
“ขอบใจมากอลิส ไปได้แล้วไป”
“โอเค อลิสไปแล้วนะพี่กี้ พี่สโนว์”
เธอยิ้มให้อลิสแล้วเหล่ตามามองผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ยังไม่พูดสักที จนผมต้องเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“เชื่อฉันหรือยัง? เราดีกันได้แล้วใช่ไหม?”
“อืม เชื่อก็ได้”
“แล้ววันนั้นที่หัวเธอแตก.. ตอนนี้เป็นไงบ้าง”
“หายดีแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอวันนั้น?”
“ก็รถชน ตอนนี้ส่งเข้าศูนย์ยังไม่ได้เลย กลัวนายรอกินสปาเก็ตตี้เลยวิ่งกลับมาที่คอนโดแล้วทิ้งรถให้ประกันดู”
“เพราะฉันสินะเธอถึงต้องเจ็บตัว”
เรื่องนี้ผมก็สงสัยมาตั้งแต่วันนั้นแหละแต่ไม่มีโอกาสได้รู้ เพิ่งมาได้รู้วันนี้แหละว่าที่เห็นเธอหัวแตกกับสภาพตัวเปียกปอนวันนั้นมันเพราะอะไร
ถ้าจะหาคนผิดคงเป็นผมเองนี่แหละ เพราะผมอยากกินสปาเก็ตตี้ไงเลยเขียนโพสอิทแปะไว้ว่าอยากกินเธอเลยออกไปซื้อของมาทำให้แล้วเกิดอุบัติเหตุ
เธอต้องลำบากเพราะผม
“นายจะกลับยัง? ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนแป๊บนะ”
“อื้ม เดี๋ยวเธอมาก็กลับห้องกัน”
มองตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กไปจนสุดสายตา สายตาตัวผู้ทั้งหลายที่มันทอดมองไปยังเธอทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจ มันไม่ใช่สายตาปกติทั่วไปที่เพื่อนมนุษย์เขามองกันแต่มันเป็นสายตาอ้อร้อที่ผู้ชายใช้มองผู้หญิง
ถึงเธอจะไม่ได้สนใจสายตาใครก็เถอะแต่ผมก็หงุดหงิดอยู่ดี
นี่ผมชอบเธอจริงๆจังๆเข้าแล้วเหรอ?...
ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง...
“สโนว์! นั่งเหม่ออะไรของนาย กลับกันเถอะ”
“กี้ เรามาคบกันจริงๆจังๆดูไหม เป็นแฟนกันจริงๆจังๆแบบคนรักกันน่ะ ฉันว่าฉันคิดเกินเลยกับเธอมากขึ้นทุกวันว่ะ”
“ฮ้า! อยู่ๆก็พูด... คบก็คบแต่นายทำตัวให้มันดีๆแล้วกันล่ะ”
“อืม ไม่รู้จะดีได้แค่ไหนแต่จะดีกับเธอแล้วกันนะ”
เสร็จแน่ๆ คบกัน จูบกัน เอากัน ....
ไม่ดิ ผมต้องเก็บซิงไว้ มั้ง
ทุกอย่างสำหรับเราเริ่มต้นใหม่ได้ดีมาตลอดเกือบหนึ่งเดือน เราไปไหนมาไหนด้วยกันจนจะกลายเป็นคนคนเดียวกันอยู่แล้ว ผมมีความสุขกับเธอนะ เธอดูแลเอาใจใส่ผมดีมากๆ ผมได้แทะโลมเธอทุกวันก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้เหมือนกัน ชอบผิวนุ่มๆกับกลิ่นกายหอมๆนั่น
“อื้อ”
พูดแล้วอดใจไม่ไหว ผมต้องดึงเธอที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารให้หันหน้ามาให้ผมจูบ ผมบดเบียดริมฝีปากอย่างเนิบนาบ บดคลึงช้าๆอย่างยั่วยวนก่อนจะส่งลิ้นไล้เลียกลีบปากอย่างกระหาย ปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยทำให้ผมมีช่องว่างในการสอดลิ้นร้อนเข้าโพรงปากเธอ ลิ้นไล่ต้อนกันพัลวันสลับดูดดึงลิ้นให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
เอาเป็นว่าหนึ่งเดือนมานี้เราจูบกันทุกวัน วันละหลายครั้ง...
มือหนาค่อยๆลูบที่บั้นท้ายก่อนจะสอดเข้าสาบเสื้อสัมผัสกับผิวเนียนนุ่มของคนตัวเล็ก ผมชักจะอดใจไม่ไหวแล้วนะ อยากลองเปิดซิงตัวเองแล้วเนี่ยแต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆอยู่เหมือนกัน ผมจำใจต้องผละออกจากริมฝีปากบางอย่างเสียดาย ไว้รอพร้อมก่อนพ่อจะทิ่มไม่เลี้ยงเลย!!
“ขอปล้ำได้ไหมล่ะ อยากลองปล้ำเธอดู”
“มันลองกันได้เหรอนายนี่!!”
“ถึงเวลาจะเอาจนเธอร้องไม่หยุดเลยคอยดูสิ หึๆๆ”
“ไม่ต้องรีบหรอกน่า เรื่องแบบนี้ถ้าวันหนึ่งมันจะเกิดมันก็เกิด”
แสดงว่าวันหนึ่งเธอต้องสมยอมผมสินะ คิกๆ
เมื่อวานผมบ่นอยากกินผัดซีอิ๊ว เธอเลยชวนผมไปซื้อวัตถุดิบที่
ซุปเปอร์มาร์เก็ตมาทำให้ผมกิน ทั้งที่เธอก็ทำไม่เป็นนั่นแหละเธอถนัดกับอาหารฝรั่งมากกว่าแต่ก็ไม่ได้ทำเก่งอะไรแค่ทำเป็นบ้าง อย่างผัดซีอิ๊ววันนี้ก็เปิดสูตรการทำจากอินเทอร์เน็ตเอา ดูความพยายามเธอสิ
น่ารักเนอะ...
“ว้ายยยยยยยยย ไหม้ๆๆๆ สโนว์!!!”
มัวแต่จูบกันเพลินจนลืมสนใจผัดซีอิ๊วไปเลย ทำไมเส้นมันหดๆแข็งๆแบบนั้นวะ! ผมได้แต่ยืนขำท้องแข็งกับสภาพผัดซีอิ๊วที่มันกรอบเหมือนเส้นมาม่าที่ยังไม่ได้ต้ม
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราออกไปกินที่ห้างก็ได้ ไปเถอะหิวแล้วเนี่ย”
“โอเคๆได้”
หลังจากรอเธอจัดการกับความวุ่นวายของกระทะและเส้นซีอิ๊วเสร็จเราก็ออกมาห้างกัน รถเธอเสร็จแล้วแต่ว่าผมก็ใช้รถผมเวลาไปไหนมาไหนตลอด ก็รถผมมันเท่กว่า เฟี้ยวกว่าไง ไปไหนใครก็มอง
“วันนี้กินผัดซีอิ๊วที่ห้างไปก่อนนะ วันหลังฉันจะตั้งใจทำให้กินใหม่ รับรองว่าครั้งหน้ากินได้แน่นอน”
“กินเธอแทนได้ปะล่ะ อยากกิน”
“เห้อ.. นายนี่มันทะลึ่งจริงๆเลย”
“รู้ได้ไงว่าทะลึ่ง ลองกับฉันแล้วเหรอ?”
เธอส่ายหัวให้ผมแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างไม่อยากจะสนใจ รู้นะว่าเขิน รู้นะว่าแอบยิ้ม แล้วรู้ตัวไหมว่าน่ารัก...
“สวัสดีค่ะพี่สโนว์ ไอซ์กลับมาไม่ไปหาเลยนะคะ”
“อะ ไอซ์”
ผมแทบจะกลั้นหายใจเมื่อไอซ์มายืนอยู่ตรงนี้ ตรงโต๊ะที่ผมนั่งกินข้าวกับกี้ ไม่ได้เตรียมใจมาว่าถ้าสองคนนี้เจอกันผมจะต้องทำยังไง ทีแรกคิดจะเอากี้มาไว้เป็นไม้กันหมาแต่ตอนนี้จริงจังแล้วไงเลยลืมไอซ์ไปเลย ลืมไปสนิทว่าผมมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว
“ไม่ยอมมาเจอไอซ์นี่พี่ติดสาวที่ไหนอยู่เหรอคะ? คนนี้หรือเปล่า”
“เอ่อ นี่ป๊อกกี้ แฟนพี่!”
ถึงผมจะพูดจาติดๆขัดๆแต่ผมก็จริงใจนะ อยากให้ไอซ์รู้ว่าผมคบกับคนนี้อยู่จริงๆ อีกอย่างอยากให้กี้รู้สึกได้ว่าผมหนักแน่นกับเธอ
“ป๊อกกี้? ชื่อเหมือนหมาเลยนะคะ ดีค่ะ รีบคบรีบเลิก ยังไงพี่ก็ต้องหมั้นกับไอซ์อยู่ดี อ่อ เผื่อเธอยังไม่รู้นะว่าผู้ชายคนนี้ที่เธอกำลังควงเขาเป็นคู่หมั้นฉันเราจะหมั้นกันทันทีที่ฉันเรียนจบ ฉันไปล่ะ”
มาวางระเบิดไว้ให้ผมแล้วไอซ์ก็จากไป...
เธอขบกรามข่มอารมณ์จนสันกรามเกร็งไปหมด ไม่เคยเห็นกี้ในลุคเกรี้ยวกราดแบบนี้เลย ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะผมก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วจริงๆ แต่จะอธิบายถึงความเป็นมาให้เธอเข้าใจก็แล้วกัน
“มีอะไรจะสั่งเสียไหมสโนว์!!”
“เอ่อ คือ... กลับไปคุยกันที่ห้องได้ไหมล่ะ”
“งั้นลุกเลย ไปจ่ายเงินแล้วกลับห้องเดี๋ยวนี้!!”
END TALK