[ตอน] สตรีบังอาจ

1591 Words
[ตอน] สตรีบังอาจ "ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้วเพคะ คนเพียงหยิบมือจะมีอะไรไปสู้อำนาจล้นมือของท่านอ๋องและฝ่าบาทได้ หม่อมฉันเองก็เป็นเพียงราษฎรในแคว้นเท่านั้น" นางว่า คำพูดคำจาเกินอายุไปเสียหน่อย แต่ก็แปลกใหม่มิน้อย จ้าวเว่ยหลงอยากรู้เสียจริงว่าตัวตนของคุณหนูตระกูลลั่วผู้นี้เป็นเช่นไรกันแน่ "พูดได้ดี...เช่นนั้นกองกำลังปักษาอัคคีของตระกูลเจ้าเล่า มีเพียงหยิบมือจริงรึ" จ้าวเว่ยหลงย้อนถาม ทำเอาหญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น แม้เคยเห็นศักยภาพของกองกำลังปักษาอัคคีประจำตระกูลลั่วมาแล้ว แต่จ้าวเว่ยหลงก็ไม่รู้ว่าคนของนางทั้งหมดเก็บตัวอยู่ที่ใด และมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน "ทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องที่พร้อมทำศึกเพื่อฝ่าบาท ที่ผ่านมายังไม่ชัดเจนหรือเพคะ ท่านอ๋องเองก็เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในสนามรบกับพวกเขามาแล้ว" นางเอ่ยย้ำ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเป็นเชิงคลางแคลงใจในความภักดีของตระกูลลั่ว ทั้งหมดเพียงเพราะความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน นางถึงต้องเดินมายังจุดนี้ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจได้รับความไว้วางใจจากคนของราชวงศ์ อำนาจ...ช่างน่ากลัวยิ่งนัก! จ้าวเว่ยหลงยื่นมือมาบีบปลายคางหญิงสาวให้เชิดขึ้น สายตาจับจ้องดวงหน้างามล่มเมืองที่ฉาบฉายเพียงความเรียบเฉย มีเพียงนัยน์ตากลมสีนิลที่มองสบกับสายตาของเขาอย่างไร้ความหวั่นเกรง ‘สายตาดื้อรั้นเช่นนี้ เจ้ากำลังท้าทายเปิ่นหวางอยู่รึ’ "ในเมื่อมาเพื่อเป็นของเปิ่นหวาง เจ้ารู้รึไม่ว่าต้องทำตัวเช่นไร ทั้งเจ้า...และตระกูลลั่วของเจ้า" จ้าวเว่ยหลงเอ่ยเน้นเรื่องตระกูลของนาง เพื่อต้องการย้ำเตือน ว่าเมื่อมาอยู่ใต้อาณัติของเขาก็อย่าได้กล้าต่อต้านเขา "หม่อมฉันเชื่อในความซื่อสัตย์ของตนเอง ในเมื่อบัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของท่านอ๋อง ย่อมต้องซื่อสัตย์ต่อท่านอ๋องเพคะ" ลั่วจินหลิงตอบฉะฉาน ประสานสายตากับบุรุษหนุ่มอย่างไร้แววขลาดกลัว เกิดมาลั่วจินหลิงไม่เคยคิดคดทรยศต่อแผ่นดินและวงศ์ตระกูล ในเมื่อนางเข้ามาที่นี่แล้ว นางย่อมผ่านการตัดสินใจมาก่อน เช่นไรถ้าเขาต้องการ เพียงแค่เอ่ยมานางก็จะคอยเกื้อหนุนเขาอย่างมิอิดออด "เช่นนั้นก็ลองพิสูจน์มาว่าเจ้าซื่อสัตย์กับเปิ่นหวางอย่างไร" จ้าวเว่ยหลงว่า สายตาคมคร้ามที่โลมเลียไปทั่วร่างนาง ราวกับเปลวไฟร้อนที่แผดเผาลงบนผิวกายอ่อนนุ่มของลั่วจินหลิง นางรู้ว่าเขามีเสน่ห์และรูปงามมากเพียงใด มิว่าจะอยู่ในกิริยาใดล้วนดูแตกต่างจากบุรุษทั่วไปอย่างสิ้นเชิง "จะให้หม่อมฉันพิสูจน์เช่นไร ขอท่านอ๋องเอ่ยได้เลยเพคะ" นางกล่าว เสหน้าไปอีกทางราวมิยากมองสบตากับเขาต่อ และยิ่งนางทำเช่นนั้น จ้าวเว่ยหลงก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนนางหมางเมินใส่ ยากนักที่ท่านอ๋องผู้มีรูปโฉมงดงามอย่างเขาจะถูกสตรีละเลยเช่นนี้ จ้าวเว่ยหลงตวัดวงแขนแกร่งโอบเข้าที่เอวบาง ก่อนรั้งนางเข้ามาสู่อ้อมอกกว้าง กลิ่นหอมละมุนจากกายโฉมสะคราญลอยมาทักทายมิหยุดหย่อน เขาใคร่รู้ยิ่งนักว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกัน ไยจึงหอมยั่วยวนใจถึงเพียงนี้ "ครั้งนี้เหตุใดจึงขัดขืนเล่า หวางเฟยมิคุ้นชินกับการใกล้ชิดบุรุษหรอกรึ" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยชิดใบหูคล้ายดูแคลน เมื่อเห็นนางดิ้นไปมาในอ้อมแขนมิหยุด ครั้งนั้นบนเขานางยังให้เขาโอบอุ้มโดยมิขัดเขินอยู่เลยมิใช่รึ "คงเพราะไม่เหมือนกันกระมัง พี่ชายผู้นั้นกับท่านอ๋อง ไม่เหมือนกันเพคะ" ลั่วจินหลิงตอบเสียงเรียบ นางยกมือยันแผงอกแกร่งของเขาไว้ตลอดเวลา ราวกับมิอยากชิดใกล้ชัดเจน "เปิ่นหวางเป็นเช่นไร ชายผู้นั้นเป็นเช่นไร หวางเฟยเองก็มีหลายด้าน เหตุใดจึงปักใจมองเปิ่นหวางเพียงด้านเดียวเล่า" จ้าวเว่ยหลงเอ่ยมามิผิด นางเองก็มีหลายด้านมิต่างจากเหรียญ อยู่ที่ว่าจะหยิบด้านใดมาแสดงให้เห็นก็เท่านั้น "ท่านอ๋องต้องการเห็นด้านใดหรือเพคะ หม่อมฉันจะได้…" นางยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกน้ำเสียงเข้มขรึมแทรกขึ้น "จะได้เสแสร้งได้ถูกรึ เปิ่นหวางมิยอมให้เจ้าเล่นเล่ห์ได้อีกคราหรอก" พูดจบร่างนางถูดรัดรึงจนเจ็บไปหมด นัยน์ตาคมประดุจกริชของจ้าวเว่ยหลงฉายเพลิงโทสะออกมาชัดเจน "ถ้ามิอยากเห็นการเสแสร้ง เหตุใดมิปล่อยให้หม่อมฉันอยู่ในที่ของตัวเองล่ะเพคะ หากจำเป็นต้องเรียกใช้ค่อยให้คนไปตามมา แบบนั้นจะสบายพระทัยได้หรือไม่" ลั่วจินหลิงเอ่ยเสียงขุ่น นางดิ้นขลุกขลักให้หลุดพ้นจากวงแขนบุรุษ ทว่าจ้าวเว่ยหลงหาใช่จะปล่อยนางโดยง่าย "เสียใจที่เปิ่นหวางหมางเมินเมื่อคืนรึ เหตุใดถึงเอ่ยราวกับน้อยใจเช่นนั้น" จ้าวเว่ยหลงถามพลางมองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่งามของนาง ‘มารดาเจ้าเถิด! เหตุใดถึงเข้าข้างตัวเองได้ถึงเพียงนี้’ นางหรือน้อยใจเขา นางแค่รู้สึกเหมือนถูกทำให้ไร้เกียรติก็เท่านั้น เกียรติของคุณหนูตระกูลใหญ่ เกียรติของพระชายาเอกเขายังหยามเหยียดได้ แล้วจะมาถามหาคำตอบอะไรจากนางตอนนี้ มิใช่เขาหรอกหรือที่ตั้งใจทำให้นางขายหน้าคนในตำหนัก มิใช่เขาหรอกหรือที่ทำให้นางกลายเป็นขี้ปากบ่าวไพร่ "ปล่อย…" หญิงสาวมิตอบ พยายามจะพาตัวเองออกจากห้องนี้ให้ได้ ทว่าอีกฝ่ายเมื่อเห็นนางตั้งท่าจะไปก็มิอาจพอใจได้ สตรีในล้าล้วนต้องการเข้าหาเขา แต่นางกลับพยายามจะไปจากเขานางปกติดีรึไม่ "เจ้าจะไปที่ใด ในตำหนักทุกที่ล้วนเป็นของเปิ่นหวาง ตอนนี้หวางเฟยก็เช่นกัน ถ้าเปิ่นหวางไม่อนุญาต เจ้าก็ไปไม่ได้" จ้าวเว่ยหลงทำตามใจตนเสมอ เขาบอกไปซ้าย ผู้ใดก็อย่าคิดไปขวาเชียว "แล้วจะเอาอย่างไร! จะยืนรั้งไว้เช่นนี้รึ ท่านอ๋องมิมีราชกิจให้ทำหรืออย่างไร เหตุใดจึงทำตัวเป็นเด็กอยากเอาชนะหม่อมฉันเช่นนี้" ลั่วจินหลิงแผดเสียงลั่น แม้แต่เหล่าองครักษ์ด้านนอกยังได้ยินถ้อยคำบังอาจของนางชัดเจน สติของลั่วจินหลิงขาดผึงแล้วจริง ๆ นางมิเคยทนต่อการข่มขู่ใด และจ้าวเว่ยหลงเองก็มินับเป็นข้อยกเว้น "ลั่วจินหลิง!" เพียงพริบตาเดียวที่จ้าวเว่ยหลงขยับตัว นางก็ถูกมือใหญ่บีบเข้าที่ลำคอระหง เขาดันร่างนางไปชนเข้ากับชั้นวางตำราอย่างแรง จนหญิงสาวรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง ลั่วจินหลิงหายใจอย่างยากลำบาก มือกำเข้าที่หลังมือทั้งสองข้างของเขา กดกรงเล็บจิกข่วนจนเกิดเป็นรอยถลอกและมีเลือดไหลซิบออกมา ทว่าจ้าวเว่ยหลงกลับมิยอมคลายมือออก "ปล่อยข้า! จ้าวเว่ยหลง...คนน่าไม่อาย เจ้าคิดจะรังแกข้าให้ได้ใช่รึไม่" หญิงสาวแผดเสียงลั่นจนรู้สึกแสบในคอ ทำเอาเหวินห้าวที่ฟังเสียงอยู่ด้านนอกร้อนใจนัก แต่ก็มิสามารถผลีพลามเข้าไปด้านในได้ โดยที่ท่านอ๋องยังมิเรียกหา "สตรีบังอาจ! ช่างวอนตายยิ่งนัก!" ถ้อยคำก่นด่าของนางทำจ้าวเว่ยหลงออกแรงมือหนักขึ้น จนใบหน้าของนางมีเหงื่อผุดซึม เรียวปากที่เคยระเรื่อแดงเอิบอิ่มแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวลงจู่ ๆ ร่างของลั่วจินหลิงก็เย็นเหยียบอย่างฉับพลัน มือบางที่เคยจิกข่วนหลังมือเขาร่วงลงข้างลำตัวราวสิ้นกำลัง ลมหายใจของนางค่อย ๆ แผ่วลงทุกขณะ "ข้า...เกลียดเจ้า" น้ำเสียงพร่าเอ่ยประโยคสุดท้ายราวคนกำลังจะสิ้นใจ น้ำตาใสไหลรินลงจากหางตา หยดลงบนบาดแผลหลังมือของจ้าวเว่ยหลง จนสร้างความรู้สึกแสบเล็ก ๆ ให้เขา ก่อนที่ภาพตรงหน้าของนางจะมืดดับลงไปในที่สุด "ลั่วจินหลิง!" จ้าวเว่ยหลงเรียกสตินางด้วยอาการตื่นตะลึง ทว่ากลับไร้การตอบรับจากหญิงสาว ‘ไยนางถึงหมดสติไปเช่นนี้’ "เหวินห้าวรีบไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!" เสียงเข้มของท่านอ๋องเก้าตะโกนเรียกองครักษ์หนุ่มด้านนอก เมื่อตอนที่ปล่อยมือออกจากลำคอนาง ร่างบอบบางของหญิงสาวก็ทรุดกายลงต่อหน้าต่อตาเขา “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” "...." "ลั่วจินหลิง…" บุรุษหนุ่มรีบคว้าร่างไร้กำลังช้อนขึ้นอุ้มสู่อ้อมอกแกร่ง ร่างของนางบัดนี้เย็นเหยียบราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งมิมีผิด แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่นางยังคงหายใจอยู่ แล้วเหตุใดเนื้อตัวถึงเย็นราวคนสิ้นใจไปแล้วเช่นนี้ ‘เจ้าอย่ามาล้อเล่นกับเปิ่นหวางเช่นนี้’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD