[ตอน] หมอเทวดาบนเขาชิงซาน

1583 Words
[ตอน] หมอเทวดาบนเขาชิงซาน ท่านอ๋องยกมือขึ้นจับผิวแก้มนุ่มที่เย็นจัดของนางอย่างเฉียบพลันผิดวิสัย ก็ร้อนรนในใจขึ้นมา เขามิได้คิดจะทำร้ายนาง เพียงแค่อยากสั่งสอนนางที่เอาแต่ดื้อรั้นใส่เท่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งหมอหลวงหยูประจำพระราชวังหลวงก็รีบเร่งรุดมาดูอาการของพระชายาเก้าที่ตำหนักชินอ๋องทันที และข่าวที่ท่านอ๋องเก้าลงมือปลิดชีพพระชายาเอกก็ไปถึงฝ่าบาทและคนของตระกูลลั่ว "เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!" ฮ่องเต้จ้าวเซียงหลงที่เสด็จมาพร้อมกับพระสนมเจียงลี่ถิง อดมิได้ที่จะตำหนิพระอนุชา นัยน์เนตรรัตติกาลประทุไปด้วยเพลิงโทสะ เพียงวันเดียวที่ลั่วจินหลิงเข้ามาในตำหนัก พระอนุชากลับก่อเรื่องใหญ่สร้างความบาดหมางให้พระองค์และตระกูลลั่วถึงเพียงนี้ "ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยก่อนเถิดเพคะ ให้หมอหลวงหยูตรวจอาการของพระชายาเก้าอย่างละเอียดเสียก่อน แต่ไหนไรมาน้องหญิงจินหลิงหาใช่คนอ่อนแอง่าย ๆ ไม่" เจียงลี่ถิงเอ่ยปลอบพระทัยฝ่าบาท ด้วยตัวนางนั้นมีความสนิทสนมกับลั่วจินหลิง เพราะตระกูลเจียงและตระกูลลั่วถือเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ที่เป็นเครือญาติกัน พวกนางจึงไปมาหาสู่กันตั้งแต่ยังเยาว์ เจียงลี่ถิงจึงเอ็นดูลั่วจินหลิงราวน้องสาวแท้ ๆ ของนางเสมอมา ยิ่งมาเห็นหญิงสาวนอนนิ่งเนื้อตัวเย็นเฉียบเช่นนี้ ก็ทำให้หัวใจผู้เป็นพี่สาวกังวลได้มิน้อย "ฮึ่ม! ข้าส่งนางให้เจ้าดูแลในฐานะชายา เหตุใดเจ้าต้องลงไม้ลงมือกับสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนี้" ฝ่าบาทตำหนิพระอนุชาอีกครั้ง เพราะพระองค์ทรงโปรดลั่วจินหลิงที่ฉลาดเฉลียวและงดงามหาใดเปรียบ เป็นคู่เดินหมากที่ทำให้ต้องใช้สติปัญญามากกว่าผู้ใด แต่พระอนุชานอกจากจะมิลองศึกษาทำความรู้จัก ก็ดันลงไม้ลงมือกับนางจนกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว จ้าวเว่ยหลงหาได้โต้แย้งสิ่งใดไม่ เขาทำเพียงยืนนิ่งเงียบมองดูหมอหลวงหยูตรวจอาการของหญิงสาวเท่านั้น ทว่าผ่านไปค่อนชั่วยามก็ยังมิมีอะไรเปลี่ยนแปลง "เหตุใดยังมิฟื้นอีก! เจ้าเป็นหมอหลวงประสาอะไร ทำสิ่งใดสักอย่างให้นางฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้" ท่านอ๋องหนุ่มตวาดลั่น กระชากตัวหมอหลวงให้ถอยออกจากข้างเตียง โทสะร้ายทำให้รอบกายบุรุษหนุ่มแผ่ไอสังหารดำทะมึนคละคลุ้งทั่วห้อง ทำเอาหมอหลวงหยูถึงกับหน้าซีดตัวสั่นขึ้นมาในบัดดล แต่เขาก็จนปัญญาจริง ๆ เป็นหมอมาหลายสิบปียังมิเคยพบพานอาการแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย "ขอฝ่าบาทลงโทษ กระหม่อมมิทราบจริง ๆ ว่าเหตุใดพระชายาจึงเนื้อตัวเย็นราวน้ำแข็งเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ" หมอหลวงหยูหมอบกราบใต้ฝ่าพระบาทอย่างจนปัญญา ในขณะที่เจี้ยนหาวพาท่านเสนาบดีลั่วมาถึงตำหนักอ๋องพอดี "ลั่วเหลียงเว่ยถวายพระพรฝ่าบาท" ชายสูงวัยทำความเคารพบุรุษแห่งแผ่นดินอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าลั่วตามสบายเถิด” ฝ่าบาทตรัสสั้น ๆ ทำให้ลั่วเหลียงเว่ยยืดตัวขึ้น ด้วยโทสะกรุ่นโกรธใต้เท้าลั่วจึงมิมองหน้าจ้าวเว่ยหลงแม้แต่น้อย เขารีบตรงไปยังข้างเตียงที่มีร่างของบุตรสาวนอนแน่นิ่งอยู่ทันที "หลิงเอ๋อร์! ได้ยินเสียงพ่อหรือไม่" ยามเห็นบุตรสาวที่เป็นดั่งดวงใจนอนนิ่งมิไหวติงก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ น้ำเสียงเจือแหบพร่าเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ ความระทมทุกข์ของใต้เท้าลั่วสะท้อนกระแสโศกาเข้ามาในอกของผู้ที่ยืนอยู่รายรอบเตียง เจียงลี่ถิงเม้มริมฝีปากงามแน่นอย่างอดกลั้น นางเสหน้าไปซับน้ำตาอยู่เงียบ ๆ ทว่าฝ่าบาทก็ยังคงเห็นความเศร้าโศกของนาง จึงได้ตามไปโอบกอดปลอบประโลมสนมอันเป็นที่รัก "กุ้ยเฟยอย่าได้เสียใจ เราจะต้องหาคนมารักษานางเป็นแน่" ฝ่าบาทตรัสปลอบประโลมพระสนม "จินหลิงเป็นดั่งน้องสาวของหม่อมฉัน เห็นนางเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันปวดใจยิ่งนักเพคะฝ่าบาท" เจียงลี่ถิงร่ำไห้ในอ้อมกอดอุ่น ด้วยนางมีรูปโฉมอ่อนหวานน่าทะนุถนอมเป็นทุนเดิม ยามที่ร่ำไห้จึงดูน่าสงสารจับจิต "เรารู้ว่าเจ้าห่วงนาง" ฝ่าบาทตรัสอย่างอ่อนพระทัย "กระหม่อมเจี้ยนหาวขอบังอาจกราบทูล ตอนนี้พระชายาอาการกำลังแย่ ขอฝ่าบาทให้กระหม่อมนำตัวพระชายาออกไปรักษานอกตำหนักอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" เจี้ยนหาวเข้ามาหมอบกราบต่อฝ่าบาท สีหน้านั้นจริงจังจนทุกคนหันไปให้ความสนใจในถ้อยคำของผู้ติดตามหนุ่ม จ้าวเว่ยหลงได้ฟังถ้อยความก็ก้าวพรวด ๆ เข้าไปกระชากคอเจี้ยนหาวขึ้นมา แววตารัตติกาลคมกริบจ้องเขม็งอย่างหาคำตอบ "เจ้ารู้ว่านางเป็นอะไรรึ รีบพูดเดี๋ยวนี้!" ท่านอ๋องส่งเสียงดุดัน จนคนในห้องสะดุ้งน้อย ๆ ทว่าเจี้ยนหาวกลับควบคุมความรู้สึกหวาดเกรงท่าทางนั้นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มกำหมัดแน่น ในใจได้แต่ตั้งคำถาม ไยบุรุษป่าเถื่อนผู้นี้ต้องมาแต่งงานกับคุณหนูของเขาด้วย "พระชายาบัดนี้เข้าสู่สภาวะเยือกแข็งร่าง พระนางจงใจแช่แข็งตนเองไว้เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม ไยท่านอ๋องต้องทำร้ายจิตใจพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ" เจี้ยนหาวอดที่จะเอ่ยมิได้ ชายหนุ่มเติบโตมาพร้อมกับคุณหนู คอยดูแลนางเป็นอย่างดีเรื่อยมา แม้แต่มดสักตัวยังไม่เคยปล่อยให้คุณหนูถูกกัด ทว่าเพียงแต่งเข้าตำหนักอ๋องมาแค่วันเดียว คุณหนูกลับถูกทำร้ายจนเลือกวิธีที่เลวร้ายต่อชีวิตเช่นนี้ จะไม่ให้เขาโมโหบุรุษตรงหน้าได้อย่างไร พลั่ก! ร่างของเจี้ยนหาวถูกฝ่ามือของท่านอ๋องจ้าวเว่ยหลงซัดจนกระเด็นไปกระแทกกับบานประตู แรงปะทะสร้างความบอบช้ำจนเขากระอักลิ่มเลือดสีแดงสดออกมา แต่ด้วยเจี้ยนหาวเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จึงยังคงฝืนลุกขึ้นยืนไหว ผู้ติดตามหนุ่มรู้ว่าท่านอ๋องไม่ได้ใช้กำลังเต็มสิบส่วน ไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว "โอหังนัก! เปิ่นหวางใช่คนที่เจ้าจะต่อว่าได้รึ รีบบอกวิธีรักษานางมา" น้ำเสียงดุดันเค้นหาคำตอบอีกครั้ง เป็นแค่ผู้ติดตามต่ำต้อย กล้าสามหาวถามหาความผิดจากท่านอ๋องเช่นเขา ความห่วงใยเช่นนี้ช่างขัดกับหน้าที่เสียเหลือเกิน "ต้องพาพระชายาไปพบท่านหมอเทวดาบนเขาชิงซานพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวังเพียงว่าท่านหมอจะช่วยเหลือพระนางได้" เจี้ยนหาวตอบ ยามที่บังอาจมองไปยังร่างไร้สติของหญิงสาว เขาทำเพียงกำหมัดแน่นขึ้น เพื่อข่มความเศร้าตรมไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจเท่านั้น ‘ข้าน้อยจะมิยอมให้คุณหนูเป็นอะไรไปแน่’ จ้าวเว่ยหลงยกยิ้มเหยียด ด้วยเป็นบุรุษเหมือนกัน จึงมองออกว่าสายตาของผู้ติดตามหนุ่มที่มองดูชายาของเขานั้น...ช่างไม่บริสุทธิ์ใจ "หมอเทวดาบนเขาชิงซานรึ" ฝ่าบาทได้ฟังก็ทวนคำของเจี้ยนหาว จ้าวเว่ยหลงเองเคยไปตามหาหมอเทวดาผู้นั้นครั้งหนึ่งแล้วแต่ก็คว้าน้ำเหลว แต่เมื่อครู่เจ้าคนบังอาจนี่กลับบอกว่าต้องพานางไปหาหมอเทวดานั่นอย่างนั้นรึ "เจี้ยนหาวเจ้ารู้ที่อยู่ของหมอเทวดาอย่างนั้นรึ" ใต้เท้าลั่วหันมาไถ่ถามด้วยเริ่มมีความหวังรำไร "ข้าน้อยเคยตามพระชายาไปครั้งสองครั้ง ยังจดจำเส้นทางได้ดีขอรับนายท่าน" เจี้ยนหาวชี้แจง ท่านอ๋องหนุ่มที่ฟังความอยู่จึงคิดได้ วันนั้นที่ได้พบนางบนเขา ที่แท้นางก็ไม่ได้ขึ้นไปเก็บสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ไม่คิดเลยว่านางจะรู้จักมักคุ้นกับหมอเทวดาด้วย "พาเปิ่นหวางไป" จ้าวเว่ยหลงตรงเข้าไปอุ้มร่างเย็นยะเยือกสู่อ้อมอกแกร่ง เหลือบสายตามองไปยังพระเชษฐาที่มองมาอย่างตำหนิแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ข้ากำลังจะแก้ไขสิ่งที่ทำ ท่านก็กลับวังไปก่อนเถิด เช่นไรจะให้คนไปส่งข่าว" "อย่าให้นางเป็นอะไรไป เพราะข้าโปรดนางยิ่งนัก ใต้เท้าลั่วเองก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้อ๋องเก้าได้แก้ไขสิ่งที่ทำได้หรือไม่" ฝ่าบาทจ้าวเซียงหลงตรัสกับทั้งสอง "กระหม่อมมิอาจวางใจได้ จนกว่าจะเห็นบุตรสาวฟื้นคืนสติพ่ะย่ะค่ะ" เสนาบดีลั่วกราบทูล "รอให้อ๋องเก้าพานางไปพบหมอเทวดาผู้นั้นก่อนเถิด ข้าเองก็ใช่ว่าจะละเลยเรื่องนี้ ย่อมต้องให้ความเป็นธรรมกับบุตรสาวของใต้เท้าเป็นแน่" ฝ่าบาทจ้าวเซียงหลงตรัสย้ำอีกครั้ง "เป็นพระกรุณายิ่งนัก กระหม่อมจะรอฟังข่าวอยู่ที่จวน ขอท่านอ๋องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำด้วยพ่ะย่ะค่ะ" แม้จะรู้ว่าเป็นการบังอาจ แต่ท่านเสนาบดีลั่วมิมีสิ่งใดจะเสียอีกแล้ว นางเป็นดั่งแก้วตาของเขา ต่อให้ต้องขัดแย้งกับราชวงศ์จ้าวเขาก็ยินดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD