[ตอน]
เหตุใดถึงเป็นเจ้า
ภายในห้องหอของเรือนเสวี่ยเหมยที่ถูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามกลับเงียบสงัด มิมีแม้บ่าวไพร่ให้เห็นที่หน้าประตูเรือน ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอของท่านอ๋องเก้ากับพระชายาเอก ทว่าเจ้าบ่าวกลับมิมีวี่แววว่าจะปรากฏกายให้เห็นแม้แต่น้อย
ร่างบอบบางของลั่วจินหลิงในชุดเจ้าสาวสีแดงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม นางจึงดึงผ้าคลุมหน้าออก ลมหายใจถูกทอดถอนออกมาเบา ๆ นางหยัดกายยืนขึ้นเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่ และเข้านอนโดยมิได้ปริปากเรียกหาผู้ใดเข้ามารับใช้
"เจ้าทำดีที่สุดแล้ว...เป็นเช่นนี้ถือว่ามิเลวเลย" น้ำเสียงหวานเอ่ยกับตนเองในความมืด
ตลอดเวลาที่ผ่านมานางทำได้ดีนางเชื่อเช่นนั้น เพียงเพื่อให้ตระกูลลั่วสงบสุข นางยินดีตอบรับการแต่งงานกับบุรุษผู้หนึ่งที่นางมิเคยพบหน้า มิมีใจรักใคร่กันมาก่อน
และในคืนเดียวกันนั้น ที่ห้องบรรทมของท่านอ๋องเก้า กลับเต็มไปด้วยกาสุรา เขามิอาจขัดราชโองการของฮ่องเต้ได้ ในที่สุดก็ถูกบังคับให้ต้องแต่งชายาเข้าตำหนัก ทว่าสตรีนางนั้นเขามิเคยพบหน้ามาก่อน หนำซ้ำตอนนี้ในใจของเขากลับเอาแต่คิดถึงสตรีตัวน้อยบนเขาชิงซานนางนั้นซ้ำไปซ้ำมา
เพล้ง!
กาสุราลอยไปกระทบกับแจกันเนื้อดีที่ฮ่องเต้ประทานให้จนแตกกระจายเกลื่อนพื้น เหวินห้าวรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมทันที เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องมิดีขึ้นกับท่านอ๋อง
"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! เอ่อ…" เหวินห้าวมองสภาพภายในห้องก็พอจะเดาอารมณ์ของท่านอ๋องได้ จึงมิเสี่ยงถามสิ่งใดออกไป
"ออกไป…" น้ำเสียงเย็นเหยียบเอ่ยสั้น ๆ ทำเอาเหวินห้าวก้าวขาแทบมิออก
"กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ" เขาค้อมศีรษะให้หนึ่งครั้ง ก่อนจะดึงประตูปิดและพาตัวเองมายืนอารักขาอยู่หน้าห้องตามเดิม
เหวินห้าวมิคิดเลยว่าท่านอ๋องจะละเลยพระชายาในคืนเข้าหอเช่นนี้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงฝ่าบาทและสกุลลั่วคงได้มีปัญหาขึ้นมาอีกเป็นแน่
‘มิมีผู้ใดบังคับใจท่านอ๋องได้เสียด้วย ข้าเองก็จนปัญญายิ่งนัก’
แสงสว่างจากนอกหน้าต่าง ที่ถูกเปิดแง้มไว้ตลอดทั้งคืนลอดเข้ามากระทบดวงหน้างาม เป็นการบอกใบ้ว่ารุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือนนางแล้ว ลั่วจินหลิงหยัดกายลงจากเตียงนอน ก่อนจะเดินมารินน้ำบนโต๊ะใส่แก้วให้ตนเองดื่ม ครู่หนึ่งประตูห้องก็ถูกเปิดออก สาวใช้นางหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าในมือ
"พระชายา บ่าวมีนามว่าเสี่ยวไน่ ตั้งแต่วันนี้ไปมีหน้าที่ติดตามดูแลพระชายาเพคะ" เสี่ยวไน่รายงานตัว นางวางเสื้อผ้าในมือลง ก่อนจะไปตระเตรียมน้ำให้พระชายาอาบ
"ต้องการน้ำอุ่นมากหรือไม่เพคะ" นางหันมาไถ่ถาม
"มิต้องมาก" ลั่วจินหลิงตอบ ก่อนจะเดินไปใกล้อ่างอาบน้ำ นางแกว่งมือไปมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย "แค่นี้พอ"
เสี่ยวไน่ลอบมองใบหน้างามล่มเมืองของพระชายาเอก ก็อดสงสัยมิได้ว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงมิยอมเสด็จมาที่เรือนเสวี่ยเหมยในคืนเข้าหอ
‘พระชายางดงามถึงเพียงนี้เชียว’
"ทำหน้าที่ของเจ้าเถิด" ลั่วจินหลิงรู้ว่าสาวใช้นางนี้กำลังคิดอะไร และเรื่องของนางคงรู้กันไปทั่วทั้งตำหนักอ๋องแล้ว แต่นางก็คร้านจะสนใจ ใครจะว่าเช่นไรล้วนมิมีผลต่อนาง
"บ่าวขออภัยเพคะ บะ...บ่าวมิได้ตั้งใจ" เสี่ยวไน่รู้สึกประหม่ากับท่าทางเรียบเฉยของนางยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่นางก็อายุเพียงสิบเจ็ดปี ทว่าราศีของการเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างนั้นหรือที่ทำให้นางดูสูงส่งกว่าสตรีทั่วไป
ลั่วจินหลิงมิได้เอ่ยอะไรอีก นางปล่อยให้เสี่ยวไน่ปรนนิบัติอาบน้ำ แต่งตัว และทำผมให้จนเสร็จเรียบร้อย
ด้วยความงามที่มีเป็นทุนเดิมของนาง มิว่าจะสวมใส่อาภรณ์ชุดไหนล้วนดูดีมีเสน่ห์ยิ่ง เสี่ยวไน่แทบมิต้องพยายามแต่งเติมเสริมส่งอันใดเพิ่มเลย
"พระชายาเพคะ ที่ตำหนักแห่งนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง คือก่อนที่ท่านอ๋องจะสะสางงาน พระชายารวมถึงพระสนมในตำหนักต้องไปคำนับเช้าทุกวันเพคะ" เสี่ยวไน่ว่า มองดูพระชายาที่อยู่ภายใต้อาภรณ์สีขาวท่าทางงดงามสมกับตำแหน่งของนาง
"เจ้านำทางไปเถิด" ลั่วจินหลิงเอ่ยสั้นๆ มิมีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น ในเมื่อแต่งเข้าตำหนักมาแล้ว มิวันนี้ก็พรุ่งนี้ เช่นไรนางก็ต้องพบหน้าสวามีเข้าสักวัน
ภายในห้องอักษรจ้าวเว่ยหลงรับการคำนับเช้าจากเหล่าสนมผ่านไปแล้ว บุรุษหนุ่มกำลังจะหยิบม้วนรายงานขึ้นมาอ่าน เพราะมิคิดว่าพระชายาเอกจากตระกูลลั่วที่โดนทอดทิ้งในคืนเข้าหอจะกล้ามาพบเขาตั้งแต่วันแรก
"พระชายาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" พ่อบ้านเข้ามารายงานต่อท่านอ๋อง
"ให้นางเข้ามา" จ้าวเว่ยหลงตอบ คงน้ำเสียงราบเรียบมิเปลี่ยน มือเอื้อมหยิบม้วนรายงานขึ้นมาเปิดอ่าน ขณะมุมปากหยักสวยยกยิ้มเหยียดผู้มาเยือนเล็กน้อย
ลั่วจินหลิงหลังได้รับอนุญาตก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าบุรุษผู้เป็นสวามี และเป็นเหวินห้าวที่เห็นโฉมหน้าพระชายาเอกก่อน ทำเอาผู้ติดตามหนุ่มมีสีหน้าตื่นตกใจมิน้อย เมื่อเห็นว่าพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้าตำหนักมา คือสตรีนางเดียวกันกับสตรีโฉมงามบนเขาชิงซาน
"ท่านอ๋อง! พระชายามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เหวินห้าวก้มไปกระซิบบอก ทว่าคนที่กำลังก้มหน้าอ่านม้วนรายงาน นอกจากจะมิเงยหน้ามามองพระชายาแล้ว ยังเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เหวินห้าวยังต้องมองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าบอกมิถูก
"รอเปิ่นหวางอ่านรายงานม้วนนี้จบก่อน" น้ำเสียงทุ้มต่ำแสนเย็นชาเอ่ย
ลั่วจินหลิงได้ฟังก็มิได้เอ่ยตอบสิ่งใด นางทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้น และเก็บความประหลาดใจที่ได้พบหน้าสวามีของตนไว้อย่างมิดชิด ราวหนึ่งก้านธูปจ้าวเว่ยหลงก็วางม้วนรายงานลง ก่อนจะยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ทว่าตอนที่สายตาคมเงยมองสตรีที่ยืนนิ่งอยู่โดยมิตอบโต้สิ่งใด ชาเพียงเล็กน้อยที่เพิ่งไหลผ่านลำคอก็ทำให้เขาสำลักมันออกมา
"แค่ก ๆ ทำไมเจ้า…" จ้าวเว่ยหลงไอออกมาเล็กน้อย ดวงตาคมคร้ามจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ด้วยอาการตะลึงงัน เขาตาฝาดหรืออย่างไร ไยชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาถึงกลายเป็นนางได้
"หม่อมฉันลั่วจินหลิงคารวะท่านอ๋องเพคะ" น้ำเสียงหวานกังวานคุ้นหูเอ่ยพลางยอบกายให้ เมื่อเห็นว่าสายตาคมเลื่อนมาหยุดอยู่ที่นาง
"เหตุใดถึงเป็นเจ้าได้" จ้าวเว่ยหลงเอ่ย ลุกขึ้นเดินมาหานาง พลางโบกมือให้เหวินห้าวออกจากห้องไป
"กระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ" เหวินห้าวเอ่ย รีบออกจากห้องพร้อมปิดประตู เขาส่งสัญญาณมือบอกเหล่าองครักษ์ด้านนอก ให้ถอยออกจากห้องอักษรไปสามจั้ง
"ฝ่าบาทมีรับสั่งขอหม่อมฉันให้กับท่านอ๋อง หม่อมฉันมีหน้าที่ทำตามพระประสงค์เท่านั้นเพคะ" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาสวยมิได้ฉายประกายซุกซนเช่นตอนที่พบกันบนเขาชิงซานครานั้น
การแสดงออกของนางบ่งบอกว่าหญิงสาวเองก็มิได้เต็มใจแต่งงานกับเขาเท่าไรนัก
"เจ้าเป็นบุตรสาวของเสนาบดีลั่วหรอกรึ เปิ่นหวางไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดจึงสืบหาตัวเจ้าไม่พบ" บุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้น
หลังจากวันที่พบกันบนเขา จ้าวเว่ยหลงก็ต้องการรู้ว่านางเป็นใคร จึงให้เหวินห้าวไปสืบความกับชาวบ้านแถวนั้น ทว่าไม่มีผู้ใดรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนางสักคน รู้เพียงแค่นาม 'แม่นางน้อย' เท่านั้น
"ทำให้ท่านอ๋องลำบากเสียแล้ว" นางเอ่ย ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด ตัวตนของนางมิเคยถูกเปิดเผยอยู่แล้ว คนของนางที่ทำงานให้ก็มีประสบการณ์หลบหลีกมิน้อย ผู้ใดที่ต้องการสืบค้นตัวตนนางในระยะเวลาสั้น ๆ จึงทำได้ยากยิ่ง
"คนของตระกูลลั่วเปิ่นหวางประมาทมิได้จริง ๆ" จ้าวเว่ยหลงเอ่ย หรี่ตามองดวงหน้างามที่ฉาบฉายเพียงความเฉยชาให้เห็น
‘นางช่างต่างจากสตรีแสนซนบนเขาชิงซานนัก’