Chapter.3

3032 Words
ณ.ชั้นบนสุดของคาสิโนในเมืองซาเวโรนาตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นน้ำกามคละคลุ้ง ผสานเสียงร้องของหญิงสาวครวญครางระงมก้องห้อง “อูย เสียว เสียวมากค่ะ แทงมาแรงๆเลยค่ะ .. อู้ยฉันรักดุ้นคุณจังเลยค่ะผัวขา” เปรี๊ยะ! ฝ่ามือหนาฟาดลงบั้นท้ายเต็มแรง เร้าอารมณ์ดิบให้เจ้าหล่อนยิ่งนัก “ฉันไม่ใช่ผัวแกนั่งร่าน” โมนิก้า นางแบบสาวผมทองสู้ศึกหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเปลี่ยนท่วงท่าให้เธอนั่งควบม้าอยู่ด้านบน “ควบแรงๆ อาห์ดีมาก เร็วๆ ... เด็ดดวงเหลือเกินโมนิก้า” “ของคุณทั้งยาวทั้งใหญ่อย่างนี้ โอ้ยแน่นไปหมดแล้ว” เธอสูดปากราวกับทานของเผ็ดร้อน บั้นท้ายกระแทกครอบครองบนความใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย สองมือบีบขยำหน้าอกตัวเองรุนแรงจนเขาเอื้อมมือช่วยขยำอีกแรง “นายครับมีเรื่องแล้วครับ” และแล้วเสียงลูกน้องจากด้านนอกทำเขาอารมณ์เสีย ท่อนเอ็นถอนออกจากร่องสวาททำเอาเธอเสียดาย “อื้ออ อย่าๆทรมานค่ะ” “ใครบอกล่ะ นอนลงแหกแคมออก” “ได้ค่ะ” เธอนอนหงายอ้าขาออกกว้างทำตามอย่างว่าง่าย “แหกให้กว้างอีก” “ค่ะๆ” ท่อนเอ็นใหญ่พรวดเข้าไปร่องเยิ้มอีกครั้ง ทั้งสองครวญครางประสานกัน “เดี๋ยวกูออกไป” แม้จะคาด้ายคาเข็มอยู่ เขายังไม่ลืมสั่งลูกน้องเสียงสั่นพร่า “ตื่นเต้นจังเลยค่ะ” “กูรู้น่า” ภาษากายที่ตอดเขาหนุบหนับมันบอกแทนแล้ว จังหวะท่อนเอ็นสอยเข้าออกนั้นเป็นไปอย่างหนักหน่วง นางแบบสาวหัวสั่นหัวคลอนกรีดร้องเสียแหลมเมื่อใกล้จะแตะขอบสวรรค์ เธอร่ำร้องไม่ขาดปากทั้งคำหวานและคำหยาบโลนอย่างไม่อาย “อูย เสียวรู” “ขยี้ติ่งให้ฉันดูสิ” “ค่ะ” เธอทำตามพร้อมสูดปากครวญครางจนเขาเอานิ้วแหย่เข้าปากให้เธอดูด เสียงน้ำอาบรูที่ถูกเอ็นใหญ่กระแทกบวกกับเสียงดูดนิ้วและเสียงสะโพกปะทะโหนกนูนเกิดขึ้นพร้อมกันดังสนั่น ทำเอาลูกน้องที่ยืนหน้าห้องพลอยงุ่นง่านไปตามกัน ดาวิเด้สาวท่อนเอ็นออกจากร่องเลื่อนกายขึ้นไปจ่อใบหน้าให้น้ำขาวขุ่นพุ่งกระฉูดจนเลอะเต็มไปหมด แม่โมนิก้าอ้าปากเลียน้ำพลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าเปื้อนน้ำสีขุ่นของเขาอย่างลุ่มหลง “มีอะไร” ดาวิดออกมาหาลูกน้องที่รออยู่หน้าประตู “เอ่อ คนของเราตายแล้วครับ คาดว่าพวกนั้นจะรู้แล้วว่านายสั่งมัน” “Shitt!! ..อยู่เฉยๆว่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร” เขาสบถเสียงดังลั่น เดินหันหลังกลับเข้าห้อง แล้วก็ต้องตื่นตัวอีกรอบเมื่อเห็นนางแบบสาวยังอยู่ที่เดิมแถมเธอยังช่วยตัวเองด้วยนิ้วทั้งสาม “โอ้วว โมนิก้า เธอกำลังจะปั่นหัวฉัน” เธอสาวเข้าออกพร้อมส่งสายตาชักชวนมาเฟียหนุ่ม เจอแบบนี้มีเหรอเขาจะอดใจไหว เขาเคลื่อนใบหน้าคมสันจ่อปากแอ่งสวาทที่มีน้ำไหลเยิ้ม...มันน่าชิมชะมัด แต่เขาไม่ทำ แถมยังใช้สามนิ้วยัดเข้าแทน “โอ๊ย เสียวรู” หล่อนกระเด้งขึ้นสู้มือที่ชักเข้าชักออกรุนแรง “อู้ย อย่าแทงแรง” โมนิก้าหวีดจนเสียงแหบแห้งก่อนเกร็งกระตุกเฮือกใหญ่ “ต่อกันอีกรอบก่อนค่อยพัก กูจะเอาให้รูมึงบานเลย” พูดจบเขาเสือกลำดุ้นใหญ่พรวดเดียวมิดลำ “โอ้ว ฟัค” แล้วสาวออกจนเกือบหลุด หล่อนยกสะโพกขึ้นตามกลัวจะหลุด เขาเสียบเข้าๆออกๆ จนโมนิก้าแทบสำลักรสสวาทที่ถูกปลุกเร้าปั่นป่วนจวนจะขาดใจตาย “ขมิบสิ เร็ว” เขาออกคำสั่งเมื่อเครื่องกำลังร้อนได้ที่ แต่ติดตรงที่ร่องฉ่ำเยิ้มของหล่อนยังแน่นไม่พอ คาดว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายที่จะใช้บริการหล่อน เขายกร่างเปลือยไปนั่งบนหัวเตียงแล้วสั่งให้เธอขยำนมตนเอง “โมนิก้า ฉันจะส่งท้ายเธอให้หนัก ไหวมั้ย?” “แทงมาค่ะ แทงมาเลยฉันยังไหว” สะโพกสอบอัดเข้าใส่โหนกเนื้อไร้ขนอย่างเอาเป็นเอาตายกระทั่งใกล้เสร็จ “ดูดกินน้ำฉัน” เขาฟาดแก้มให้อ้าปากรอรับ เธอรีบลุกนั่งอ้าปากหวอปล่อยให้น้ำขาวพุ่งเข้าปากกระเด็นกระดอนเต็มหน้าอีกครั้ง “สบายตัวเป็นบ้า” เขาสบถออกมาหลังสิ้นเกมสวาท ร่างสูงเดินไปหยิบเช็คให้นางแบบสาว “ถ้าเธออยากได้มากกว่านี้สองเท่าและมีงานเดินแบบตลอดปีช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย?” “หูย ได้อยู่แล้วค่ะ สั่งมาเลยฉันจะทำให้คุณทุกอย่าง” โมนิก้าตาโตกับข้อเสนอที่เธอจะได้รับ “พยายามเข้าหา ดาเรนเต้ ราฟาเอลโล่แล้วหาทางแบล็กเมล์มัน นั่นคืองานของเธอ” พูดจบก็เดินตรงมายังหล่อนแล้วจับร่างอ่อนเปลี้ยจัดแจงหันหลังในท่าหมา “ฉันจะเอาเธอให้หลวมเลยแม่ร่านสวาทของฉัน” เขาได้ที่ระบายความโกรธชั้นดีแล้วคืนนี้อย่าหวังว่าโมนิก้าจะได้นอน เวลาที่เธอจะเป็นอิสระคงเป็นเวลารุ่งสางเท่านั้น ........................ สามวันแล้วที่พิมรภาหวาดกลัวจนไม่ไปทำงานที่โรงแรมนั่นอีก ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปลาออกด้วยตนเองถึงรู้ว่าไม่เหมาะสมที่เลือกลาออกผ่านทางโทรศัพท์จนใครต่อใครค่อนขอดว่าเธอทำไม่ถูกก็ช่างเถอะ สิ่งที่ต้องการคืออยากทำงานที่ไกลๆเผื่อสภาพจิตใจเธอจะดีขึ้น และที่สำคัญ เธอต้องการหนีไอ้คนใจโหดคนนั้น “สู้สิพิม จะมาเศร้าอะไรมากมาย” พิมรภายิ้มให้ตัวเองในกระจกแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปหาพ่อหมูแม่อ้อยอย่างอารมณ์ดี “อ้าว หายดีแล้วสินะลูกถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” แม่อ้อยเห็นลูกสาวอาการดีขึ้นก็พลอยดีใจไปด้วย “วันนี้ไม่ห่มผ้าห่มอีกเหรอลูก สองสามวันก่อนนี่ห่มผ้าเดินรอบบ้าน พ่อนึกว่าคนบ้า” คนพ่อเอ่ยติดตลก “พ่อก็แซวลูกสาวเราจัง ดูสิเมื่อกี้หน้าบานตอนนี้หน้าบูดเป็นตูดเป็ดแล้ว” “พ่อคะแม่คะ มาๆนี่มาหนูมีเรื่องจะขอพ่อแม่หน่อยค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ท่านทั้งสองคงไม่อนุญาต “หนูได้ลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วนะคะ ข่าวดีคืองานใหม่ที่จะทำนั้นอยู่ในญี่ปุ่นค่ะ” “ห๊ะ ทำไมอ่ะ” คนเป็นพ่อสงสัย “หรือว่าหนูโกหกพ่อกับแม่ ว่าหนี้ของฟ้าใสที่ทำงานมันมากกว่าสองแสนใช่มั้ยลูก รถหนูที่เอาไปขายมันไม่พอใช้ใช่มั้ย” คนเป็นแม่เค้นถามและคาดเดาไปต่างๆนาๆอย่างเป็นห่วง “ถ้ามันไม่พอจริง ที่หลังบ้านเราก็เกือบสิบไร่พ่อจะเอาไปจำนอง ไม่ก็ขายมันเล้ย เนอะแม่เนอะ” “แล้วครอบครัวฟ้าใสเค้าไม่คิดจะช่วยหนูใช้หนี้สักแดงเลยหรือลูก พ่อแท้ๆเค้าก็อยู่ทำไมไม่สงสารเราเลย” “โหยพ่อ เราอุตส่าห์บากหน้าไปพร้อมลูกเค้าปัดป่ายไม่ใยดีแถมโบ้ยว่าเราโกหกอีก ใบสัญญงสัญญาอะไรก็ไม่มีแล้วจะเอาหลักฐานที่ไหนไปให้เขาดู เฮ้อ” คนเป็นแม่บ่น “ไปกันใหญ่แล้วค่ะพ่อกับแม่เนี่ย” เธอกรอกตา พลางยกมือห้ามให้ทุกคนฟังเธอก่อน “พอๆค่ะ ฟังหนูนะคะ หนูขายรถใช้หนี้แทนฟ้าใสหมดแล้ว แต่หนูแค่อยากไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และอยากลืมเรื่องราวไม่ดีด้วยค่ะ เผื่อ หิมะกับอากาศหนาวๆ อาจทำให้หนูดีขึ้นก็ได้นะคะ” “นะๆ พ่อแม่เนอะ กอดกันๆ” เธอออดอ้อนอย่างหนัก “ที่สำคัญที่นั่นปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์ เจ้าของเป็นคนไทย เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันก็อยู่นั่นได้สองปีแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือรายได้ดีด้วยค่ะ นะคะพ่อแม่” “ทำงานอะไร” ทั้งสองเอ่ยถามพร้อมกันโดยบังเอิญ “เป็นพนักงานต้อนรับค่ะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติหนูเก่งภาอังกฤษอยู่แล้ว พ่อแม่ก็รู้ นะๆ..พ่อแม่เนอะ” “หนูสัญญาจะโทรหาทุกวันเลย” “เอาไงแม่” พ่อหมูหันไปถามภรรยา “ไม่รู้ ไปตลาดกันป่ะพ่อ ขอเวลาพ่อแม่คิดละก่อนกัน” พ่อแม่เธอตัดบทสนทนาไปดื้อๆ เพราะเป็นห่วงลูกสาว เพล้ง!! เสียงแก้วบรั่นดี กระทบพื้นสนั่นทำเอาบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย เขาคงคิดถึงฟ้าใสจับใจ แม้จะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแสดงออกมากมายแต่แววตาเศร้าปนแค้นและอารมณ์หงุดหงิดที่ตวาดลูกน้องบ่อยๆ ทำให้เดฟและโทนี่เป็นห่วงมาก ดวงตาสีอำพันปนเศร้าเฝ้าคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเขากับฟ้าใสอย่างอาลัยอาวรณ์ ‘เอ่อ..คุณคะ ดิฉันขออนุญาตถ่ายรูปคุณได้มั้ยคะเพื่อนของฉันชอบคุณมากเลยค่ะ’ “ไม่ได้!” “ถอยออกไปซะอย่าให้ต้องใช้ความรุนแรง” เดฟและโทนี่ ตวาดเสียงเข้มพร้อมกันหญิงสาวให้ออกห่าง เพราะกลัวว่าหล่อนจะเป็นหญิงผู้โชคร้ายที่ทำให้เจ้านายหนุ่มโมโห ‘ไม่เอาน่าเดฟโทนี พวกแกอย่าเสียมารยาทสิ เธอมาดี’ เขาดุลูกน้องพร้อมส่งยิ้มให้กับหญิงสาวร่างอรชรน่าทะนุถนอมกับใบหน้าสวยหวานราวตุ๊กตาของหล่อนทำให้เขาเปลี่ยนโทนเสียง เขาเป็นลูกค้าประจำที่นี่เพราะ ฟรังค์โก เมแกน มอนเดอริโอ เพื่อนของเขาเป็นเจ้าของภัตตาคารหรูแห่งนี้ เขาและผองเพื่อนกลุ่มดาร์คต่างมาพบปะกันที่นี่ประจำ เขาคอยมองสาวเสิร์ฟคนนี้ได้เกือบเดือนแล้ว ความน่ารักปนแววตาเศร้าทำให้เขาสนใจและอยากรู้จักเธอมากกว่านี้จึงให้คนสืบประวัติของเธอจากเพื่อนร่วมงาน ทราบคร่าวๆว่าเธอเกิดในครอบครัวยากจน มีหนี้สินมากมายจนจัดสินใจมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง เธอมักคุยปัญหาเรื่องเงินๆทองๆผ่านมือถือกับทางบ้านเสมอจนเพื่อนร่วมงานต่างเห็นใจ ให้ตายสิ ทำไมเขาต้องสนใจสาวเอเชียคนนี้มากขนาดนั้น อารมณ์เขาเหมือนเด็กหนุ่มเพิ่งเริ่มจีบสาว ไปทานข้าวที่นั่นแทบทุกวันเพื่อได้เจอหน้าหล่อน จนผ่านมาเป็นเดือนหล่อนกลับเป็นคนเข้าหาก่อนโดยการมาขอถ่ายรูปขนาดนี้ มีหรือเขาจะปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป ‘ถ่ายรูปได้ แต่มีข้อแม้นะ’ ‘ข้อแม้อะไรคะ?’ ‘เธอต้องไปล่องเรือกับฉันในคืนนี้ รับรองว่าได้ถ่ายรูปให้เพื่อนสาวดูอย่างจุใจแน่นอน” และนั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ จวบจนผ่านมาได้สี่เดือนเขาจึงสั่งให้หญิงสาวลาออกจากงานเพื่อมาอยู่กับเขา แม้เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ดังที่เคยคาดเดา แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรถือสา เป็นปกติหากเธอจะผ่านมือชายมาเพราะคงหาสาวบริสุทธิ์ได้ยากในสมัยนี้ และเขารู้ดีว่าฟ้าใสไม่ใช่คนใจง่ายยอมให้ใครไปทั่วเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา ‘คุณราฟคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ฟ้าทำซุปให้ทานกำลังร้อนเลยนะคะ’ เสียงหวานที่คุ้นหูปลุกเขาในยามเช้า ‘รู้มั้ยเธอทำให้ราฟน้อยตื่นด้วย’ เขาพูดพร้อมรูดมันโชว์ให้เธอดู ‘บ้าอ่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้’ เธอเขินหน้าแดงก่ำ ‘ที่รัก ช่วยฉันที ขอรอบเดียวนะๆ ทำเสร็จแล้วจะทานฝีมือเธอ สัญญา” ‘อ้อนขนาดนี้คงต้องยอมสินะคะ’ เธอเลื่อนมือไปกอบกุมความใหญ่และยาวของเขาเลื่อนขึ้นลงพร้อมดูดเลียจนเขาครางกระเส่า “ที่รัก” สูดปากครางเสียงแหบพร่า ....! ไม่นานกลับมีเสียงโทรเข้าจากมือถือฟ้าใสดังขึ้น ทำให้เธอจำใจไปรับแล้ววิ่งออกไปคุยที่นอกระเบียงคอนโดสุดหรูที่เขาเป็นเจ้าของ และยกให้พื้นที่ชั้นบนสุดทั้งชั้นให้เธออาศัย ‘ใครวะ!’ เขาบ่นให้คนที่โทรมาขัดจังหวะความสุข พร้อมท่าทีมีพิรุธนั้นเขาจึงเดินไปแอบฟังให้รู้เรื่อง ‘ว่าไงจ๊ะพิม’ แม่พิมรภาอีกแล้วหรือ?! เพื่อนสาวคนเดิมที่โทรมาขัดจังหวะบ่อยจนเขาเริ่มไม่ถูกชะตากับเธอเข้าแล้ว ‘ไง คงจะสบายดีไหมได้ข่าวว่าลาออกจากงานแล้วสงสัยแฟนรูปหล่อคงให้ออกสินะโอยฉันล่ะอิจฉาชีวิตเธอที่สุดเลย ชีวิตเธอช่างโชคดีจริงๆแค่ขอถ่ายรูปให้ฉันไหงมาเป็นแฟนกันซะนี่’ เธอเอ่ยแซวปนประชดประชัน แต่ใจจริงนั้นทั้งดีใจและรู้สึกเซอร์ไพรส์มากที่เพื่อนเธอโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก ‘นี่เลิกแขวะซะที ว่าแต่มีธุระอะไร’ ‘ก็เรื่องเดิม ตั้งแต่แกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อแล้วที่บ้านแกมาหาฉันที่ทำงานรบเร้าให้ฉันติดต่อแกให้ได้ เรื่องเงิน เรื่องเดิมๆแหละแก’ ‘และพัฒน์ก็อีกคนนึง เห็นว่าติดพนันออนไลน์ตั้งห้าล้านบ่นว่าติดต่อแกไม่ได้อีก เฮ้อ ฉันจะบ้าตาย’ ก็แน่นอนล่ะเธอมาอยู่กับราฟาเอลแล้วจะให้พัฒน์ติดต่อคุยกับเธอเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้ ‘หา ห้าล้าน ฉันจะไปเอาที่ไหนมาให้เนี่ยพัฒน์นะพัฒน์ ขนาดสองแสนยังไม่ได้คืนที่ทำงานเลยแก’ คนแอบฟังได้ยินดังนั้นจึงสงสารฟ้าใสจับใจ หล่อนมีปัญหาเรื่องเงินและหนี้สินทำไมถึงไม่บอกเขา ร่างใหญ่หันหลังกลับไปเขียนเช็คให้เธอจำนวนสิบห้าล้านเพื่อต้องการให้เพื่อนสาวจอมขูดรีดเลิกโทรมารบกวนหล่อนสักที ฟ้าใสวางสายเสร็จต้องตกใจหนัก เมื่อเขายืนอยู่ด้านหลังและยื่นเช็คนั่นให้เธอ พร้อมประโยคคำถามที่ทำให้เธอตกใจอย่างหนัก ‘พัฒน์ คือใคร?’ ‘ออ แฟนของยัยพิมค่ะ เค้าติดหนี้พนันบอลตั้งห้าล้านยัยพิมเลยต้องโทรมาเล่าปัญหาทุกข์ใจให้ฟัง’ คิ้วหนาขมวดขึ้นเป็นปม เพ่งมองคนตัวเล็กอย่างสงสัย เงินแค่นี้เป็นแค่เศษเงินของเขา ทำไมเธอไม่เอ่ยปากขอกับเขาบ้าง? ‘ทำไมทำหน้าอย่างนั้นคะ หรือว่าแอบเสียดายที่รู้ว่าเพื่อนสาวหน้าหวานของฟ้ามีแฟนแล้ว?” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเคยเอารูปพิมรภาเพื่อนสนิทที่คลั่งไคล้เขานักหนาให้เจ้าตัวดู สีหน้าเขาดูตะลึงในความสวยของพิมรภาแถมยังแกล้งหยอกเธอว่าน่าจะเจอพิมรภาก่อนจนสาวเจ้าเคยงอนไปสามวันกว่าจะหาย ‘ต่อให้สวยกว่านี้สักสิบเท่าก็ไม่รัก ถ้าไม่ใช่เธอ โอเค๊?’ บทสนทนาจบลงมีเพียงจูบอันดูดดื่มของเขาและเธอเนิ่นนาน ฝ่ามือทั้งสองต่างลูบไล้สัดส่วนพร้อมแลกลิ้นกันพัลวัน บทสวาทเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ทั้งบนเตียงและห้องครัว เพราะครั้งเดียวคงไม่พอสำหรับเขา “อื้อ เสียวค่ะ” ร่างบางดิ้นเร่านอนส่ายหัวไปมาบนโต๊ะรับประทานอาหาร ‘เป็น อะไร หืม’ เขาหยุดขยับสะโพกพร้อมแกล้งหญิงสาว ‘ยะ อย่าทรมานฟ้าสิคะ’ ‘ไหนบอกรักฉันสิ’ ‘ฟะ ฟ้ารักคุณราฟนะคะ’ เขาสอดใส่เข้าไปใหม่อีกครา ส่วนมือบีบเคล้นหน้าอกหล่อนสลับกับการใช้ปลายนิ้วบดบี้ติ่งเสียว ‘อ๊าส์ เสียว’ ‘โอ้วที่รัก ใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย’ “อูยยส์ค่ะ ฟ้าใกล้เสร็จแล้ว" เขารัวสะโพกขยี้ร่องสาวรุนแรง ทั้งสองไปถึงสวรรค์พร้อมกัน น้ำกามสีขุ่นฉีดใส่โพรงนุ่มจนเอ่อล้นน้ำเจิ่งนองไหลมาตามซอกขา ราฟาเอลก้มลงไปดูดดื่มโพรงสวาทของเธออย่างไม่นึกรังเกียจ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน เขาเว้นให้แค่เธอคนเดียว เขาอ่อนโยนต่อเธอมาก นั่นเพราะเธอคือคนที่เขารักมากที่สุด เมื่อผงกหัวขึ้นไปมองหน้าหล่อนที่กำลังเคลิบเคลิ้มช่างหวานเยิ้มอะไรอย่างนี้ ราฟาเอลสะบัดศีรษะไปมาอย่างแรงเพื่อพยายามควบคุมความขุ่นแค้นไม่ให้คลุ้มคลั่งไปมากกว่านี้ ไม่นานภาพพิมรภาที่กำลังร้องไห้ขณะโดนเขาข่มเหงก็ผุดทับซ้อนใบหน้าของฟ้าใสขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขากุมขมับที่กำลังปวดหนึบขึ้นอย่างกะทันหัน “โอ๊ย ปวดหัวชิบ!” “นายครับ เอ่อผมว่านายไปพักก่อนเถอะนะครับ” โทนี่รวบรวมความกล้าก่อนเสนอแนะออกไป "ไม่ กูขอนั่งอีกสักพัก" “นายครับ มีความคืบหน้ามาบ้างแล้วครับ” เสียงเดฟที่พึ่งออกไปรับโทรศัพท์มาหมาดๆเดนกลับมาแจ้งข่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่ามา” “เอ่อ เรื่องนายพัฒน์น่ะครับ เราสืบได้ว่ามันเอามือถือไปขายที่โรงรับจำนำในวันเกิดเหตุครับ” ราฟาเอลเปิดดูข้อมูลในสมาร์ทโฟนทันทีที่สายของเขาส่งไฟล์ข้อมูลมาให้ เขาเจอแต่รูปพิมรภาเต็มไปหมด ที่มีทั้งถ่ายตอนเธอเผลอและตั้งใจยิ้มหวานใส่กล้อง “ส่วนพิมรภาตอนนี้เธออยู่ที่ญี่ปุ่นครับ” เดฟพูดขึ้นแทรกขณะที่ราฟาเอลกำลังเลื่อนดูรูปหล่อนอยู่อย่างนั้น หากแต่หูยังรับฟังลูกน้องอยู่ “เมื่อไหร่?” “สองวันแล้วครับ” “แล้วเพิ่งมาบอกกู?” “ผมเห็นสองสามวันมานี้นายดื่มหนักและอยากอยู่คนเดียวเลยไม่กล้าขัดครับ” “ต่อไปนี้ต้องบอกกูทุกอย่างเกี่ยวกับพิมรภา เพราะนั่นอาจเป็นตัวล่อให้ไอ้พัฒน์โผล่หัวออกมา” “ครับ” “พวกมึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะไป กูอยากอยู่คนเดียว” สายตาคมนั่งจ้องมองรูปของเธอจากมือถือพิพัฒน์ทั้งคืนด้วยความเคียดแค้น ‘พิมรภา เธอคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD