ตอนที่ 6 : ความจริงที่เหลือเชื่อ
ร่างอรชรสะดุ้งเฮือกมือนิ้วเรียวยาวสัมผัสกับของรักของหวงที่ไม่เคยต้องมือใครมาก่อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะร้องห้าม แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับกลายเป็นเสียงครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อนิ้วเรียวแข็งแรงแหวกกลีบกุหลาบอวบอูมสัมผัสกับยอดเกสรตรงกลางพลางหมุนวนนิ้วไปมา ไม่นานน้ำหวานก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนแฉะเยิ้มนิ้วเขาไปหมด
“ผมขอเอานิ้วเข้าไปนะเขม”
พูดจบนิ้วกลางเรียวยาวแข็งแรงก็ค่อยๆ สอดเข้าไปในถ้ำอันคับแน่นทันที ร่างบางสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อร่างกายถูกรุกกราน ทิ่มเทงเข้ามาสัมผัสความชุ่มฉ่ำข้างใน
“อะ…เจ็บ ฉันเจ็บ!”
เสียงหวานส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางขยับสะโพกหนีเริ่มดิ้นรนต่อต้าน ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องชะงักไปเล็กน้อย
ทัศนัยรู้สึกสับสน คิดไม่ถึงว่าช่องรักของเธอจะคับแน่นบีบรัดนิ้วเขาจนแทบจะขยับเข้าออกไม่ได้ทั้งที่เขาเพิ่งจะสอดนิ้วกลางเข้าไปเพียงนิ้วเดียว ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วจะร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแบบนี้
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชคโชนทำให้ชายหนุ่มต้องตัดใจหยุดการกระทำแล้วดึงร่างอรชรที่กำลังสั่นด้วยความหวาดกลัวเข้ามากอดปลอบ ทัศนัยขบกรามเข้าหากันแน่นเพื่อควบคุมไฟปรารถนาที่กำลังพลุกพล่านจนร่างกายเทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
“เกิดอะไรขึ้นเขม”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม เพราะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะไม่หักหามน้ำใจของเธอ
“ฉัน…ฉันยังไม่เคย”
เสียงหวานตอบอู้อี้ซบหน้างดงามไว้กับอกกว้างเปลือยเปล่าด้วยความรู้สึกอับอาย แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง …จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอยังไม่เคย ก็เธอเคยแต่งงานมีสามีมาแล้วไม่ใช่เหรอ แม้ทัศนัยจะพยายามคิดแบบนั้น แต่ความคับแน่นที่เขาได้สัมผัสกำลังบอกว่าเธอไม่ได้พูดโกหก หรือเล่นละครหลอกเขา
“แล้วอดีตสามีคุณเขา…”
ทัศนัยหยุดคำถามเพียงเท่านั้น เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเธอ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงสายระดับเธอจะถูกเมินจากสามีได้ หากผู้ชายคนนั้นไม่ตายด้านก็คงไม่ใช่ชายแท้แน่ๆ
“เราแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นค่ะ แต่เราไม่เคยใช้ห้องนอนร่วมกัน” หญิงสาวอธิบายเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะถามอะไร
“ผมขอโทษครับ…ผมไม่รู้ว่าคุณไม่เคย” เสียงทุ้มนุ่มบอกพร้อมกดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากมนเป็นการปลอบขวัญ
ทัศนัยแอบรู้สึกดีที่รู้ว่าหญิงสาวที่เขาหลงรักไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้มาก่อน แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคลับวันนั้นไม่ใช่การแสดง แต่เป็นเพราะเธอเสียจูบแรกให้เขาจริงๆ ยิ่งคิดใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งปรากฏรอยยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ
“ผมไม่อยากเร่งรีบกับครั้งแรกของคุณ เพราะผมอยากสร้างความประทับใจครั้งแรกให้คุณจดจำไปทั้งชีวิต คุณจะได้ลองครั้งแรกกับผมแต่เพียงผู้เดียว และคุณต้องเป็นของผมคนเดียวตลอดไปเข้าใจไหมเขม”
‘แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่คำสั่ง’
เขมนิจแอบต่อว่าอีกฝ่ายในใจ เพราะน้ำเสียงแกมบังคับนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่การขอความคิดเห็นสักเท่าไหร่
“ว่าไงเขม ตกลงไหม”
ทัศนัยเอ่ยถามอีกครั้ง พร้อมจับคางมนเชยขึ้นมาสบตา หญิงสาวเพียงพยักให้อย่างเอียงอาย ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาต้องระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะกดจูบหนักๆ ลงบนกลีบปากอวบอิ่มด้วยความพอใจ
ชายหนุ่มมอบจูบดูดดื่มเร่าร้อนให้เธออีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดใจผละออกจากร่างอรชร
“หลังจากกลับมาจากรุงเทพ เราจะมาเริ่มกันอีกครั้ง รอผมกลับมานะครับ…ทูนหัว”
มือใหญ่ช่วยจัดการแต่งตัวให้เธออย่างเดิม ก่อนที่จะคว้านหาเสื้อผ้าของตัวเองจากในกระเป๋าเดินทางมาสวมใส่ให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไปจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มเนียนสวยเป็นการจากลา…
………………………………………..
ณ คฤหาสน์หรู กรุงเทพฯ
“คราวนี้ลงไปดูงานที่ภูเกตเป็นยังไงบ้าง ตานัย”
คุณนายไพลินเอ่ยถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากภูเกตตอนเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม พร้อมหย่อนสะโพกลงบนโซฟาตัวใหญ่ข้างๆ ลูกชาย
“ก็เรียบร้อยดีครับ แล้วนี่คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
ทัศนัยหันมาตอบมารดา พร้อมย้อนถามด้วยความสงสัย เพราะปกติเวลานี้คุณนายของบ้านต้องพักผ่อนแล้ว
“เห็นยายมุกโทรมาเล่าให้แม่ฟังว่ามีเพื่อนจากกรุงเทพไปเที่ยวหา นัยไปหาน้องที่รีสอร์ทได้เจอเพื่อนของยายมุกหรือเปล่า”
คุณนายไพลินไม่ยอมตอบคำถามของลูกชาย หากแต่กลับย้อนถามพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย หลังจากทราบเรื่องจากหลานสาวมุกดาว่าเพื่อนที่ไปพักอยู่กับเธอมีรูปร่างหน้าตาสะสวยจนทัศนัยแอบลอบมองอยู่บ่อยๆ ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะคิดไปว่าเธออาจได้สะใภ้ในเร็วๆ นี้
“เจอครับ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงกับคำถามแปลกๆ ของมารดา แต่ก็พยักหน้าตอบไปตามความจริง
“ได้ข่าวว่าเพื่อนของยายมุกสวยระดับนางเอกละคร แถมยังเป็นลูกสาวไฮโซตระกูลดังด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้ถามถึงเรื่องครอบครัวของเธอ รู้แต่ว่าเธอสวยดี”
ก็คนเพิ่งเคยรู้จักจะให้สืบเรื่องราวของเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็เห็นจะเร็วเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะไม่โกหกคือเธอสวยจริงๆ
“แล้วในสายตาของนัย เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันล่ะ เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ”
คุณนายไพลินยังไม่หยุดซักถามถึงผู้หญิงคนดังกล่าว พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ก็ดีครับ กิริยาอ่อนหวานดูเป็นมิตรกับทุกคน ผมเพิ่งรู้จักกับเธอคงตอบแม่ได้แค่นี้”
“แล้วลูกชอบเธอหรือเปล่าล่ะ”
คำถามที่แสนจะตรงประเด็นอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาอีกต่อไป พร้อมกับดวงตาเป็นประกายขณะรอฟังคำตอบ ทำให้ทัศนัยเพิ่งจะถึงบังอ้อเลยแกล้งบอกไปราวกับไม่เข้าใจความหมายของมารดา
“คุณแม่นี่ก็ถามแปลกดีนะครับ ของสวยๆ งามๆ ใครกันละครับจะไม่ชอบ”
“แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่แม่หมายถึงเราชอบเพื่อนของยายมุกหรือเปล่า ชอบแบบอยากจะคบหาดูใจกันอย่างจริงๆ จังๆ เผื่อได้ตบแต่งกันในอนาคตอะไรแบบนี้”
คุณนายไพลินอธิบายให้กระจ่างด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อลูกชายตีมึนทำเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่นางกำลังพูด
เวลาพูดถึงลูกสะใภ้ที่ไรพ่อหนุ่มตัวดีก็ตีมึนแบบนี้ทุกที ถ้าหากนางยังปล่อยให้ลูกชายใช้ชีวิตเหมือนหนุ่มโสดไม่ยอมผูกมัดชีวิตไว้กับใครอย่างจริงจังเห็นทีชาตินี้จะไม่ได้อุ้มหลานเป็นแน่
“อืม…”
ทัศนัยส่งเสียงในลำคอพลางเอนหลังพิงกับผนังโซฟาในท่าสบายๆ พร้อมทำท่าครุ่นคิดราวกับต้องการแกล้งคนที่กำลังรอฟังคำตอบให้ตื่นเต้นเล่นๆ
“ผู้หญิงที่ผมชอบ และอยากจะแต่งงานด้วย จะต้องสวย เอาใจสามีเก่ง ใส่ใจในทุกรายละเอียด และที่สำคัญอยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายใจครับคุณแม่”
“พูดแบบนี้จะไม่ยอมมีสะใภ้ให้แม่ใช่ไหม”
คุณนายไพลินถามลูกชายเสียงสูงและถลึงตาใส่ด้วยความรู้สึกโมโห
“ผมเปล่าพูดสักหน่อยว่าจะไม่มีสะใภ้ให้แม่”
ทัศนัยแย้งขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาระบายไปด้วยรอยยิ้มขบขันกับท่าทางงอนๆ ของมารดา
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่จะเจอคนที่ชอบ จะต้องให้แม่รออีกกี่ปี หรือต้องรอให้แก่ตายไปเสียก่อน แม่พูดหลายครั้งแล้วนะว่าอยากจะเลี้ยงหลานๆ จนตอนนี้แก่จนจะเข้าโลงแล้วก็ยังไม่ได้อุ้มสักที”
คุณนายไพลินทำหน้าหงิกงอระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองออกมาให้ลูกชายตัวดีฟัง เหมือนจะหมดความอดทนในการรอคอยที่แสนจะยาวนานครั้งนี้เสียแล้ว
“ก็คงเร็วๆ นี้แหละครับคุณแม่ เพราะตอนนี้ผมเจอคนที่ชอบแล้วครับ”
ทันทีที่พูดจบใบหน้าหงิกงอของผู้เป็นแม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันที
“จริงเหรอ! นี่ลูกไม่ได้โกหกแม่หรอกใช่ไหมตานัย”
“ผมจะโกหกคุณแม่ทำไมละครับ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พามาให้แม่รู้จักได้ไหม แม่อยากจะเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว”
คุณนายไพลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขยับมาจับแขนลูกชายพร้อมเขย่าแรงๆ เมื่อไม่อาจเก็บซ่อนความดีอกดีใจเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ใจเย็นๆ สิครับคุณแม่ เราเพิ่งรู้จักกันเอง อดทนอีกหน่อยแล้วจะพามากราบคุณแม่นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกแม่มาก่อนสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ใช่เพื่อนของยายมุกหรือเปล่า”
ที่นางถามแบบนั้นเพราะคิดว่าเพื่อนนักธุรกิจสาวไฮโซที่ลูกชายพามาบ้านบ่อยๆ ต้องไม่ใช่แน่ๆ เพราะทัศนัยไม่เคยแนะนำเธอเป็นอย่างอื่นนอกจากว่าเธอเป็นเพื่อนเพียงเท่านั้น และอีกอย่างผู้หญิงที่สวย เปรี้ยว เก่งในเรื่องงานอย่างญาดาไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของลูกชายนั่นเอง
“ไว้พามาเมื่อไหร่คุณแม่ก็รู้เองนั่นแหละครับ ขอตัวก่อนนะครับคุณแม่ ผมอยากพักแล้ว กูดไนท์ครับ”
พูดจบชายหนุ่มหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ ไม่ยอมหลุดพูดเกี่ยวกับว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของมารดาง่ายๆ ราวกับจะแกล้งให้อีกฝ่ายกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่แบบนั้น ตามแบบฉบับคนชอบแกล้งบุพการีเล่นเป็นชีวิตจิตใจ
“ตานัย เดี๋ยวก่อน! มาบอกแม่ให้เคลียร์ก่อน”
แม้จะตะโกนเรียกดังลั่นบ้าน แต่ทว่าร่างสูงสง่ากลับก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรใดใดทั้งสิ้น ทำให้คุณนายไพลินได้แต่มองร่างสูงๆ ของลูกชายตัวแสบขึ้นบันได้แล้วกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาไม่หาย
…………………………………………….
//แสบจริงๆ ไอ้ลูกชายคนนี้ ทำให้อยากรู้แล้วก็จากไปเฉยๆ แบบนี้เลยเหรอ//
++ ใจเย็นๆ นะทุกคน นางเอกของเรายังโสดยังซิงอยู่นะ แต่คราวหน้าอาจจะไม่รอดง่ายๆ แน่ เอาใจช่วยกันต่อไปนะ++
...ขอหัวใจ กำลังใจ คอมเม้นต์ด้วยนะคะ...