ตอนที่ 6 : ความจริงที่เหลือเชื่อ

1845 Words
ตอนที่ 6 : ความจริงที่เหลือเชื่อ ร่างอรชรสะดุ้งเฮือกมือนิ้วเรียวยาวสัมผัสกับของรักของหวงที่ไม่เคยต้องมือใครมาก่อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะร้องห้าม แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับกลายเป็นเสียงครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อนิ้วเรียวแข็งแรงแหวกกลีบกุหลาบอวบอูมสัมผัสกับยอดเกสรตรงกลางพลางหมุนวนนิ้วไปมา ไม่นานน้ำหวานก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนแฉะเยิ้มนิ้วเขาไปหมด “ผมขอเอานิ้วเข้าไปนะเขม” พูดจบนิ้วกลางเรียวยาวแข็งแรงก็ค่อยๆ สอดเข้าไปในถ้ำอันคับแน่นทันที ร่างบางสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อร่างกายถูกรุกกราน ทิ่มเทงเข้ามาสัมผัสความชุ่มฉ่ำข้างใน “อะ…เจ็บ ฉันเจ็บ!” เสียงหวานส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางขยับสะโพกหนีเริ่มดิ้นรนต่อต้าน ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องชะงักไปเล็กน้อย ทัศนัยรู้สึกสับสน คิดไม่ถึงว่าช่องรักของเธอจะคับแน่นบีบรัดนิ้วเขาจนแทบจะขยับเข้าออกไม่ได้ทั้งที่เขาเพิ่งจะสอดนิ้วกลางเข้าไปเพียงนิ้วเดียว ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วจะร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแบบนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชคโชนทำให้ชายหนุ่มต้องตัดใจหยุดการกระทำแล้วดึงร่างอรชรที่กำลังสั่นด้วยความหวาดกลัวเข้ามากอดปลอบ ทัศนัยขบกรามเข้าหากันแน่นเพื่อควบคุมไฟปรารถนาที่กำลังพลุกพล่านจนร่างกายเทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ “เกิดอะไรขึ้นเขม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม เพราะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะไม่หักหามน้ำใจของเธอ “ฉัน…ฉันยังไม่เคย” เสียงหวานตอบอู้อี้ซบหน้างดงามไว้กับอกกว้างเปลือยเปล่าด้วยความรู้สึกอับอาย แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง …จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอยังไม่เคย ก็เธอเคยแต่งงานมีสามีมาแล้วไม่ใช่เหรอ แม้ทัศนัยจะพยายามคิดแบบนั้น แต่ความคับแน่นที่เขาได้สัมผัสกำลังบอกว่าเธอไม่ได้พูดโกหก หรือเล่นละครหลอกเขา “แล้วอดีตสามีคุณเขา…” ทัศนัยหยุดคำถามเพียงเท่านั้น เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเธอ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงสายระดับเธอจะถูกเมินจากสามีได้ หากผู้ชายคนนั้นไม่ตายด้านก็คงไม่ใช่ชายแท้แน่ๆ “เราแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นค่ะ แต่เราไม่เคยใช้ห้องนอนร่วมกัน” หญิงสาวอธิบายเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะถามอะไร “ผมขอโทษครับ…ผมไม่รู้ว่าคุณไม่เคย” เสียงทุ้มนุ่มบอกพร้อมกดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากมนเป็นการปลอบขวัญ ทัศนัยแอบรู้สึกดีที่รู้ว่าหญิงสาวที่เขาหลงรักไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้มาก่อน แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคลับวันนั้นไม่ใช่การแสดง แต่เป็นเพราะเธอเสียจูบแรกให้เขาจริงๆ ยิ่งคิดใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งปรากฏรอยยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ “ผมไม่อยากเร่งรีบกับครั้งแรกของคุณ เพราะผมอยากสร้างความประทับใจครั้งแรกให้คุณจดจำไปทั้งชีวิต คุณจะได้ลองครั้งแรกกับผมแต่เพียงผู้เดียว และคุณต้องเป็นของผมคนเดียวตลอดไปเข้าใจไหมเขม” ‘แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่คำสั่ง’ เขมนิจแอบต่อว่าอีกฝ่ายในใจ เพราะน้ำเสียงแกมบังคับนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่การขอความคิดเห็นสักเท่าไหร่ “ว่าไงเขม ตกลงไหม” ทัศนัยเอ่ยถามอีกครั้ง พร้อมจับคางมนเชยขึ้นมาสบตา หญิงสาวเพียงพยักให้อย่างเอียงอาย ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาต้องระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะกดจูบหนักๆ ลงบนกลีบปากอวบอิ่มด้วยความพอใจ ชายหนุ่มมอบจูบดูดดื่มเร่าร้อนให้เธออีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดใจผละออกจากร่างอรชร “หลังจากกลับมาจากรุงเทพ เราจะมาเริ่มกันอีกครั้ง รอผมกลับมานะครับ…ทูนหัว” มือใหญ่ช่วยจัดการแต่งตัวให้เธออย่างเดิม ก่อนที่จะคว้านหาเสื้อผ้าของตัวเองจากในกระเป๋าเดินทางมาสวมใส่ให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไปจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มเนียนสวยเป็นการจากลา… ……………………………………….. ณ คฤหาสน์หรู กรุงเทพฯ “คราวนี้ลงไปดูงานที่ภูเกตเป็นยังไงบ้าง ตานัย” คุณนายไพลินเอ่ยถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากภูเกตตอนเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม พร้อมหย่อนสะโพกลงบนโซฟาตัวใหญ่ข้างๆ ลูกชาย “ก็เรียบร้อยดีครับ แล้วนี่คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ทัศนัยหันมาตอบมารดา พร้อมย้อนถามด้วยความสงสัย เพราะปกติเวลานี้คุณนายของบ้านต้องพักผ่อนแล้ว “เห็นยายมุกโทรมาเล่าให้แม่ฟังว่ามีเพื่อนจากกรุงเทพไปเที่ยวหา นัยไปหาน้องที่รีสอร์ทได้เจอเพื่อนของยายมุกหรือเปล่า” คุณนายไพลินไม่ยอมตอบคำถามของลูกชาย หากแต่กลับย้อนถามพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย หลังจากทราบเรื่องจากหลานสาวมุกดาว่าเพื่อนที่ไปพักอยู่กับเธอมีรูปร่างหน้าตาสะสวยจนทัศนัยแอบลอบมองอยู่บ่อยๆ ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะคิดไปว่าเธออาจได้สะใภ้ในเร็วๆ นี้ “เจอครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงกับคำถามแปลกๆ ของมารดา แต่ก็พยักหน้าตอบไปตามความจริง “ได้ข่าวว่าเพื่อนของยายมุกสวยระดับนางเอกละคร แถมยังเป็นลูกสาวไฮโซตระกูลดังด้วยอย่างนั้นเหรอ” “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้ถามถึงเรื่องครอบครัวของเธอ รู้แต่ว่าเธอสวยดี” ก็คนเพิ่งเคยรู้จักจะให้สืบเรื่องราวของเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็เห็นจะเร็วเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะไม่โกหกคือเธอสวยจริงๆ “แล้วในสายตาของนัย เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันล่ะ เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ” คุณนายไพลินยังไม่หยุดซักถามถึงผู้หญิงคนดังกล่าว พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างใจจดใจจ่อ “ก็ดีครับ กิริยาอ่อนหวานดูเป็นมิตรกับทุกคน ผมเพิ่งรู้จักกับเธอคงตอบแม่ได้แค่นี้” “แล้วลูกชอบเธอหรือเปล่าล่ะ” คำถามที่แสนจะตรงประเด็นอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาอีกต่อไป พร้อมกับดวงตาเป็นประกายขณะรอฟังคำตอบ ทำให้ทัศนัยเพิ่งจะถึงบังอ้อเลยแกล้งบอกไปราวกับไม่เข้าใจความหมายของมารดา “คุณแม่นี่ก็ถามแปลกดีนะครับ ของสวยๆ งามๆ ใครกันละครับจะไม่ชอบ” “แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่แม่หมายถึงเราชอบเพื่อนของยายมุกหรือเปล่า ชอบแบบอยากจะคบหาดูใจกันอย่างจริงๆ จังๆ เผื่อได้ตบแต่งกันในอนาคตอะไรแบบนี้” คุณนายไพลินอธิบายให้กระจ่างด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อลูกชายตีมึนทำเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่นางกำลังพูด เวลาพูดถึงลูกสะใภ้ที่ไรพ่อหนุ่มตัวดีก็ตีมึนแบบนี้ทุกที ถ้าหากนางยังปล่อยให้ลูกชายใช้ชีวิตเหมือนหนุ่มโสดไม่ยอมผูกมัดชีวิตไว้กับใครอย่างจริงจังเห็นทีชาตินี้จะไม่ได้อุ้มหลานเป็นแน่ “อืม…” ทัศนัยส่งเสียงในลำคอพลางเอนหลังพิงกับผนังโซฟาในท่าสบายๆ พร้อมทำท่าครุ่นคิดราวกับต้องการแกล้งคนที่กำลังรอฟังคำตอบให้ตื่นเต้นเล่นๆ “ผู้หญิงที่ผมชอบ และอยากจะแต่งงานด้วย จะต้องสวย เอาใจสามีเก่ง ใส่ใจในทุกรายละเอียด และที่สำคัญอยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายใจครับคุณแม่” “พูดแบบนี้จะไม่ยอมมีสะใภ้ให้แม่ใช่ไหม” คุณนายไพลินถามลูกชายเสียงสูงและถลึงตาใส่ด้วยความรู้สึกโมโห “ผมเปล่าพูดสักหน่อยว่าจะไม่มีสะใภ้ให้แม่” ทัศนัยแย้งขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาระบายไปด้วยรอยยิ้มขบขันกับท่าทางงอนๆ ของมารดา “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่จะเจอคนที่ชอบ จะต้องให้แม่รออีกกี่ปี หรือต้องรอให้แก่ตายไปเสียก่อน แม่พูดหลายครั้งแล้วนะว่าอยากจะเลี้ยงหลานๆ จนตอนนี้แก่จนจะเข้าโลงแล้วก็ยังไม่ได้อุ้มสักที” คุณนายไพลินทำหน้าหงิกงอระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองออกมาให้ลูกชายตัวดีฟัง เหมือนจะหมดความอดทนในการรอคอยที่แสนจะยาวนานครั้งนี้เสียแล้ว “ก็คงเร็วๆ นี้แหละครับคุณแม่ เพราะตอนนี้ผมเจอคนที่ชอบแล้วครับ” ทันทีที่พูดจบใบหน้าหงิกงอของผู้เป็นแม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันที “จริงเหรอ! นี่ลูกไม่ได้โกหกแม่หรอกใช่ไหมตานัย” “ผมจะโกหกคุณแม่ทำไมละครับ” “แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พามาให้แม่รู้จักได้ไหม แม่อยากจะเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว” คุณนายไพลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขยับมาจับแขนลูกชายพร้อมเขย่าแรงๆ เมื่อไม่อาจเก็บซ่อนความดีอกดีใจเอาไว้ได้อีกต่อไป “ใจเย็นๆ สิครับคุณแม่ เราเพิ่งรู้จักกันเอง อดทนอีกหน่อยแล้วจะพามากราบคุณแม่นะครับ” “ถ้าอย่างนั้นก็บอกแม่มาก่อนสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ใช่เพื่อนของยายมุกหรือเปล่า” ที่นางถามแบบนั้นเพราะคิดว่าเพื่อนนักธุรกิจสาวไฮโซที่ลูกชายพามาบ้านบ่อยๆ ต้องไม่ใช่แน่ๆ เพราะทัศนัยไม่เคยแนะนำเธอเป็นอย่างอื่นนอกจากว่าเธอเป็นเพื่อนเพียงเท่านั้น และอีกอย่างผู้หญิงที่สวย เปรี้ยว เก่งในเรื่องงานอย่างญาดาไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของลูกชายนั่นเอง “ไว้พามาเมื่อไหร่คุณแม่ก็รู้เองนั่นแหละครับ ขอตัวก่อนนะครับคุณแม่ ผมอยากพักแล้ว กูดไนท์ครับ” พูดจบชายหนุ่มหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ ไม่ยอมหลุดพูดเกี่ยวกับว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของมารดาง่ายๆ ราวกับจะแกล้งให้อีกฝ่ายกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่แบบนั้น ตามแบบฉบับคนชอบแกล้งบุพการีเล่นเป็นชีวิตจิตใจ “ตานัย เดี๋ยวก่อน! มาบอกแม่ให้เคลียร์ก่อน” แม้จะตะโกนเรียกดังลั่นบ้าน แต่ทว่าร่างสูงสง่ากลับก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรใดใดทั้งสิ้น ทำให้คุณนายไพลินได้แต่มองร่างสูงๆ ของลูกชายตัวแสบขึ้นบันได้แล้วกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาไม่หาย ……………………………………………. //แสบจริงๆ ไอ้ลูกชายคนนี้ ทำให้อยากรู้แล้วก็จากไปเฉยๆ แบบนี้เลยเหรอ// ++ ใจเย็นๆ นะทุกคน นางเอกของเรายังโสดยังซิงอยู่นะ แต่คราวหน้าอาจจะไม่รอดง่ายๆ แน่ เอาใจช่วยกันต่อไปนะ++ ...ขอหัวใจ กำลังใจ คอมเม้นต์ด้วยนะคะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD