ตอนที่ 7 : เกาะมุก เกาะสวรรค์

2056 Words
ตอนที่ 7 : เกาะมุก เกาะสวรรค์ ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่น้ำทะเลสีฟ้าครามตรงหน้าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพความสวยงามเอาไว้ เพราะอยู่ในเมืองกรุงมีแต่รถราและตึกสูงๆ ให้ดูต่างหน้า นานทีปีหนจะได้เห็นภาพความสวยงามของท้องทะเล แต่แล้วเสียงแหลมปี๊ดของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ส่งผลให้มือเล็กต้องลดโทรศัพท์ลงพร้อมหันไปมอง “เขมเพื่อนรัก วันนี้ฉันมีข่าวดีจะมาบอก” “ข่าวดีอะไรเหรอมุก” เขมนิจขมวดคิ้วขึ้นสูง ถามด้วยความสงสัย “ข่าวดีที่ว่าคือพี่นัยให้ฉันมาบอกให้แกเตรียมตัวเดินทางไปกับเขาที่เกาะมุกเย็นนี้ยังไงล่ะ” “เกาะมุก?” “ใช่! เป็นเกาะส่วนตัวของพี่นัย ที่ไว้ใช้พักผ่อน ปกติพี่นัยจะไม่อนุญาตให้ใครไปหรอกนะ ขนาดฉันที่เป็นน้องสาวจะขอไปทียังยากเลย เท่าที่จำได้เคยไปที่นั่นแค่สองครั้งเอง” “ถ้าเขาหวงเกาะมากขนาดนั้น เขาจะชวนฉันไปทำไม” “ก็นั่นนะสิ จะชวนไปทำไม” มุกดาทำหน้าตาล้อเลียนเพื่อนสาวราวกับจะจับผิดอีกฝ่าย “นอกเสียจากว่าแกต้องเป็นคนพิเศษมากๆ ของเขา” “พิซงพิเศษอะไร ฉันเพิ่งจะรู้จักกับเขาไม่นานนี้เองนะ” เขมนิจรีบพูดกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเอง แต่มุกดาไม่เชื่อว่าระหว่างเพื่อนสนิทกับพี่ชายไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่ ลองได้ชวนสาวไปเกาะส่วนตัวและสุดหวงแบบนี้ ไม่ใช่แค่พิเศษธรรมดาแล้วกระมัง “เอาน่า ไม่ต้องมาทำเป็นอายหรอก ฉันเป็นเพื่อนแกนะไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อย มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้” “ฉันไม่มีอะไรเล่าให้แกฟังจริงๆ นะมุก” “ได้ ถ้าไม่เล่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพี่นัยเขาจริงจัง ยังไงแกก็ลองเปิดใจศึกษาดูกับพี่นัยสักครั้งก็ไม่เสียหาย” “ดูแกจะสนับสนุนให้ฉันได้รักกับคุณทัศนัยเขาจังเลยนะยายมุก” “ก็แน่นอนสิ มีเพื่อนดีๆ อย่างแกฉันก็อยากจะแนะนำคนดีๆ ให้รู้จักและที่สำคัญฉันอยากจะให้เพื่อนเสียตัวจะแย่ จะได้รู้ว่าเรื่องเซ็กมันดีมากจริงๆ” “ยายมุก นี่แกหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า” “ก็เรื่องมันน่าหมกมุ่นนี่นา ไว้แกได้ลองแล้วจะติดใจ เผลอๆ บางทีอาจจะอาการหนักกว่าฉันก็ได้ ไปเกาะมุกครั้งนี้ขอให้แกได้แกโดนนะเพื่อนรัก” มุกดาบอกพลางหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ที่เห็นแก้มขาวๆ ของเพื่อนสาวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นมา “อ๊ายยย! ไอ้เพื่อนบ้า!” เขมนิจอยากจะหยิกแขนเพื่อนสาวสักทีแรงๆ กับคำอวยพรชวนคิดลึกนั้น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายวิ่งหนีไปเสียก่อนราวกับรู้ว่าถ้าอยู่ต่ออีกแค่วินาทีเดียวจะโดนทำร้ายร่างกาย ………………………….. และแล้วในเย็นวันนั้นทัศนัยก็ส่งคนมารับเธอด้วยเรือสปีดโบ๊ทเพื่อข้ามไปยังเกาะมุกที่ว่า โดยมีเพื่อนสาวมายืนส่งเธอริมหาด ส่วนทัศนัยนั้นยังคงติดธุระอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาจะตามไปทันทีที่เสร็จธุระ หลังจากมาถึงเกาะ ก็ใกล้จะมืดแล้ว มีชายหญิงวัยกลางคนชื่อครามกับสุรินสองสามีภรรยามาแนะนำตัวในฐานะคนที่คอยดูแลความสะอาดเรียบร้อยของบ้านพักหลังงามริมทะเลที่เธอถูกพามา เมื่อพูดคุยกันได้สักพัก สุรินก็พาเธอมายังห้องนอนที่เจ้าของบ้านสั่งให้จัดเตรียมไว้สำหรับเธอ เมื่อได้อยู่ตามลำพังหญิงสาวในฐานะแขกก็เดินสำรวจบ้านพักที่คนของเขาพามาด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ บ้านพักที่อยู่ติดริมทะเลงดงามราวกับหลุดมาอยู่ในเทพนิยาย ภายในบ้านที่ทำจากหินอ่อนสีขาวทั้งหลังดูโออ่า กว้างขวาง ทุกพื้นที่ถูกแบ่งอย่างเป็นสัดเป็นส่วนแลดูสบายตา บ่งบอกถึงนิสัยของผู้พักอาศัยที่รักความสะอาดและมีระเบียบไปในครา ภายในห้องนอนถูกออกแบบให้ดูหรูหรา มีกระจกบานใหญ่รอบด้านสามารถทอดสายตามองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน ราวกับชมวิวอยู่ที่ริมหาดยังไงอย่างนั้น แม้แต่ห้องน้ำยังเป็นกระจกทั้งหมด หากไม่ปิดม่านก้านก็ไม่ต่างจากอาบน้ำอยู่ท่ามกลางทะเล หลังจากเดินชมห้องอยู่พักใหญ่ เขมนิจก็เดินมาหย่อนสะโพกลงบนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์กลางห้อง เธอไม่ได้นำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวติดกระเป๋ามามากมายเลยไม่รู้สึกกังวลกับการจัดข้าวของเข้าตู้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้านาทีก็น่าจะเสร็จ ฉะนั้นเธอเลยยังไม่คิดที่จะเก็บเข้าของใส่ตู้ในตอนนี้ เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับตัวเองตามลำพังก็เหมือนจะได้ทบทวนอะไรเงียบๆ จะว่าไปแล้วเธอไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจตกลงมาที่เกาะนี้ เพราะปกติเธอไม่เคยไว้ใจคนแปลกหน้าหรือทำอะไรผลีผลาม ตัดสินใจวู่วามแบบนี้มาก่อน แล้วถ้าเกิดทัศนัยมองเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ แต่ถึงจะคิดได้และเปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะเธอมาถึงที่นี่แล้วนั่นเอง ……………….…………………… หลายชั่วโมงผ่านไปที่หญิงสาวเผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆ ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางข้ามเกาะ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ และแล้วจู่ๆ ร่างบางก็สะดุ้งตื่น ดวงตาคู่สวยพริบปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนจะพบว่ามีใครบางคนนั่งจ้องเธออยู่เงียบๆ “เออ…คุณนัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เป็นไงบ้างเพลียมากไหม” เสียงทุ้มนุ่มตอบ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “ก็นิดหน่อยค่ะ ฉันไม่คิดมาก่อนว่าการนั่งเรือจะทำให้เหนื่อยมากขนาดนี้” “ไว้นั่งบ่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ว่าแต่หิวหรือยังครับ ผมให้เด็กเตรียมอาหารไว้แล้ว” เขมนิจพยักหน้าแทนคำตอบเมื่อรู้สึกว่าน้ำย่อยในท้องเริ่มส่งเสียงประท้วงมาเป็นระยะ เพราะนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมาพักใหญ่แล้วนั่นเอง “ไว้พรุ่งนี้ผมจะพาคุณเดินชมเกาะ คืนนี้ทานอาหารเสร็จก็พักผ่อนก่อน คุณจะได้หายเพลีย” “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามชายหนุ่มออกมาจากห้อง แล้วตรงมาที่ห้องอาหาร ซึ่งแม่บ้านได้จัดวางอาหารไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมนูแต่ละอย่างถูกคัดสรรมาอย่างดี สังเกตจากล็อบสเตอร์ตัวโตๆ และอาหารทะเลอีกหลายจานที่เรียงรายจนเลือกไม่ถูกว่าจะทานอันไหนก่อนดี ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งก่อนที่ตัวเองนั้นจะเดินอ้อมมานั่งฝั่งตรงข้าม “แพ้อาหารทะเลหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ฉันทานได้หมดค่ะ” “ดีเลย ทานเยอะๆ นะ เพราะอาหารที่ปรุงมานี้เป็นอาหารทะเลสดๆ หวังว่าคุณจะชอบ” “ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวนั่งทานอาหารเงียบๆ โดยมีทัศนัยคอยตักอาหารให้เป็นระยะๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะทานไม่อิ่ม ทั้งที่ตอนนี้ท้องเธอจะแตกอยู่แล้ว จนหญิงสาวต้องเอ่ยปรามไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะตักปูผัดผงกะหรี่มาเพิ่ม “คุณนัยคะ ฉันอิ่มแล้ว” “ทานของหวานอีกนิดนะ ผมให้เด็กเตรียมไว้แล้ว ไม่ทานคงเสียดายแย่” “ก็ได้ค่ะ” เมื่อของคาวถูกเก็บ ของหวานก็ทยอยตามมา และแล้วหญิงสาวก็ต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นเมนูของหวานที่ว่า “นี่เป็นไอศกรีมไข่ปลาคาเวียร์ราดไวน์แดงเคยลองหรือยัง” “ไม่เคยค่ะ ว่าแต่เอาของคาวมาทำไอศกรีมแบบนี้มันจะเข้ากันเหรอคะ” เขมนิจทำหน้าแปลกใจ เพราะเธอไม่คิดว่าของคาวจะนำมาทำไอศกรีมได้ แต่ทัศนัยกลับเลื่อนถ้วยไอศกรีมมาตรงหน้าเธอพลางเอ่ยบอก “อยากรู้ก็ต้องลองเอาเองครับ” และเมื่อตักไอศกรีมเข้าปากหญิงสาวก็ต้องทำตาโต กับรสชาติแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน “อื้ม…อร่อยจังเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อ” “อร่อยก็ทานเยอะๆ สิครับ” “แล้วคุณนัยไม่ทานของหวานด้วยกันเหรอคะ” เขมนิจเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเธอ โดยที่ตัวเองนั้นไม่แตะต้องของหวานรสชาติอร่อยเล่อค่าแม้แต่น้อย ราวกับว่าแค่ได้มองเธอกินก็อิ่มแล้ว “ผมมีของหวานที่จะทานแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบแต่แววตาเป็นประกาย ส่วนคนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทานไอศกรีมไม่ทันได้สังเกต แถมยังเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา “แล้วไหนละคะของหวานของคุณ” ถามพลางกวาดสายตามองหา เพราะบนโต๊ะอาหารก็เห็นจะมีแต่ไอศกรีมถ้วยเดียวที่เธอกำลังทาน หรือว่าเด็กยังไม่มาเสิร์ฟ หญิงสาวคิดในใจ แต่แล้วไม่กี่วินาทีเธอก็ได้รับความกระจ่าง เมื่อร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อยๆ โน้มลงมาดูดเลียไอศกรีมที่เลาะติดปากเธอ คนถูกฉกริมฝีปากทำตาโตด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่สุ่มเสียงต่ออาการหัวใจวายเช่นนี้ หากที่นี่มีแค่เธอกับเขาตามลำพังความอับอายก็คงไม่ทวีรุนแรงเช่นตอนนี้ “คุณนัย! ทำอะไรคะเนี่ย!” หญิงสาวร้องถามทันทีที่อีกฝ่ายถอนรีมฝีปากถอยกลับนั่งลงที่เดิม ขณะเดียวกันก็หันไปมองสุรินกับครามสองสามีภรรยาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยใบหน้าแดงๆ “ก็ทานของหวานไง” ทัศนัยตอบหน้าตายพลางระบายิ้มอ่อนรู้สึกเอ็นดูหน้าตาแดงๆ ของคนตรงหน้า “คุณนัย!” เขมนิจเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดุ อยากจะตบแขนเขาแรงๆ สักที ทำโทษคนน่าไม่อายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายอยู่ห่างเกินไป “ถ้าคุณเล่นแบบนี้อีก ฉันโกรธคุณจริงๆ นะ” “เล่นที่ไหน ผมเอาจริง!” ทัศนัยยังไม่เลิกแกล้ง ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกก็ยิ่งชอบใจ “คุณนัย! ฉันไม่คุยด้วยแล้ว” เขมนิจลุกเดินหนีอีกฝ่ายไปดื้อๆ เมื่อถูกล้อไม่เลิก แค่นี้เธอก็อายจนจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว “เดี๋ยวก่อนสิเขม กลับมานี่ก่อน” เรียกไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่คิดจะเดินตาม เพราะยังไงเสียคืนนี้เธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี ทัศนัยเอนหลังพิงเก้าอี้พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ที่เขาต้องรีบเคลียร์งานแทบจะไม่ได้พักก็เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอ และยิ่งรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ไม่นานด้วยแล้วก็ยิ่งต้องหาเวลาอยู่กับเธอให้ได้มากที่สุด ................................................................... คือไรท์เข้าใจว่าเว็บนี้สามารถลงฉาก 18+ ได้แบบไม่ต้องตัดออก ก็เลยลงไปเมื่อตอนที่แล้วซึ่งมันแค่น้ำจิ้ม สำหรับไรท์แล้วนิยายเรื่องนี้มีฉาก 18+ ค่อนข้างหนักหน่วง เพราะเป็นเรื่องแรกที่เขียนฉากรักลึกกว่าทุกเรื่อง ก็เลยรู้สึกกังวล เมื่อไม่เห็นรีดคอมเม้นต์ หรือพูดอะไร ถ้าผิดกฎช่วยบอกด้วยนะคะ ไรท์จะได้ตัดฉากพวกนั้นออก แต่จะเอาไว้ให้อยู่แค่ใน *****คพอ รบกวนแจ้งก่อนที่ตอนหน้าจะเจอฉากเลือดพุ่งนะคะ55
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD