ตอนที่ 4 : ผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงาน

1233 Words
ตอนที่ 4 : ผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงาน “แต่แววตาที่พี่มองเขมคงไม่ใช่แค่ชื่นชมความสวยเพียงอย่างเดียวหรอกจริงไหมคะ มุกว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น” มุกดายังไม่หยุดถาม เพราะเธอมั่นใจว่าทัศนัยต้องมีความรู้สึกพิเศษกับเพื่อนสาวของเธอ ผู้ชายที่เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน มาหลงเสน่ห์แม่หม้ายป้ายแดงเนี่ยนะ แค่คิดมุกดาก็รู้สึกตื่นเต้นแทนเพื่อนสาวแล้ว “รู้ดีนะเรา แล้วจะมีปัญหาไหมถ้าพี่สนใจเพื่อนเราขึ้นมาจริงๆ” “มุกไม่มีปัญหาปัญหาเหรอค่ะ แต่พี่นัยต้องถามตัวเองก่อนดีกว่าว่ารับผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาได้หรือเปล่า ถ้าพี่นัยรับไม่ได้มุกไม่อนุญาตให้พี่จีบเขม เพราะมุกไม่อยากให้เพื่อนที่แสนดีของมุกต้องเสียน้ำตาเพราะผู้ชายอีก” คำบอกเล่าของมุกดาทำให้คิ้วดกเลิศขึ้นเล็กน้อย เมื่อคิดถึงรสจูบไร้เดียงสาของเธอเมื่อคืน ‘หรือว่าจูบเด็กอนุบาลนั้นจะเป็นเพียงการเล่นละคร’ ชายหนุ่มพึมพำถามตัวเองในใจด้วยความสับสน เพราะเขาเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยมีสามีแล้ว ต้องเคยผ่านศึกรักมาบ้าง ไม่ใช่ทำตัวไร้เดียงสาจนเขาแยกไม่ออกว่า อันไหนจริงอันไหนหลอก “ว่าไงคะพี่นัย พี่ยอมรับผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานได้หรือเปล่า” “ถ้าพี่จะรักใครสักคน อย่าว่าแต่เคยผ่านการแต่งงานมาเลย แม้ว่าเธอจะมีลูกติดพี่ก็รับได้ทั้งนั้น” เสียงทุ้มหนักแน่น จริงจังของทัศนัยทำให้มุกดาต้องระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะเธอรู้จักลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ดี ว่าเป็นคนที่เด็ดขาดและตรงไปตรงมาแค่ไหน “งั้นมุกอนุมัติไฟเขียวให้พี่เดินหน้าจีบเขมเลยค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ห้ามหักอกเพื่อนของมุกเด็ดขาด! ไม่งั้นมุกเอาเรื่องพี่แน่” ………………………………….. ก๊อก…. ก๊อก… ก๊อก… เสียงประตูห้องพักของเขมนิจดังขึ้น ทำให้ร่างอรชรบนเตียงหลุดจากห้วงภวังค์ความคิดก่อนจะรีบมาเปิดประตู แต่เมื่อพบว่าคนที่มาเคาะประตูเป็นใคร มือเล็กก็รีบดันประตูปิด แต่ก็ช้ากว่ามือใหญ่ที่ดันประตูไว้ได้ทัน “เดี๋ยวสิคุณ ทำไมต้องหลบหน้าหลบตาผมด้วย!” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันเปล่าหลบหน้าคุณสักหน่อย” “แล้วการที่เดินหนี ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาผมแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรละครับ หรือว่าคุณยังโกรธที่ผมจูบคุณเมื่อคืน” ทัศนัยเอ่ยถามตรงๆ กับเรื่องที่เขายังคงค้างคาใจหลังจากที่ได้พบกับเธออีกครั้ง หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่งกับคำถามตรงๆ ของเขาเพราะคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มเอาเรื่องเมื่อคืนนี้มาพูดอีก แต่ถ้าเธอไม่ตอบเขาต้องไม่หยุดถามแน่หญิงสาวเลยตอบปัดไปให้จบๆ “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ” ตอบออกไปทั้งที่ยังก้มหน้างุด “แล้วทำไมต้องรีบเข้าห้องด้วย ไม่เห็นทักทายผมสักคำ” ทัศนัยยังคงไม่หยุดถาม “ฉันปวดหัวค่ะ” ตอบสั้นๆ ราวกับไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยสักเท่าไหร่ “ไม่สบายเหรอ แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?” ทัศนัยขมวดคิ้วถามพลางยกหลังมือขึ้นมาแตะลงบนหน้าผากมนอย่างอ่อนโยนเพื่อเช็คดูอาการของเธอ เขมนิจสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่สัมผัสลงบนหน้าผากเธออย่างถือวิสาสะ รู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องที่ต้องมายืนใกล้ชายหนุ่มร่างกำยำในระยะประชิดเช่นนี้ “ค่ะ ดีแล้ว” หญิงสาวควบคุมเสียงไม่ให้สั่นตอบเขาเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เหตุการณ์เมื่อคืนกำลังผุดขึ้นมาในหัวเธออีกแล้ว “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ผมพักอยู่ห้องข้างๆ คุณ ต้องการอะไรก็ไปเรียกได้ตลอดเวลา” “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือฉันบอกกับมุกเองก็ได้” เธอปฏิเสธอย่างระวังตัว ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องเหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าไปมากับความขี้ระแวงของเธอ “ที่ผมอยากช่วยเหลือ ก็เพราะผมสนใจคุณ อยากเรียนรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ครั้งแรกที่เราเจอกันผมอาจจะแสดงกิริยาไม่ดีกับคุณ แต่ถ้าคุณรู้จักผมจริงๆ คุณอาจจะตกหลุมรักผมก็ได้นะ” เมื่อได้ยินประโยคที่แสนจะตรงประเด็นอีกทั้งหลงตัวเองโดยไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาของอีกฝ่าย หญิงสาวก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้หญิงอย่างฉันไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ อย่าเสียเวลากับฉันเลยนะคะ” พูดจบมือเล็กก็ทำท่าจะดันประตูปิดอีกครั้ง แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับกระแทกไหล่ใส่ประตูเต็มแรงพร้อมกับเบี่ยงตัวแทรกเข้ามาในห้องของเธอด้วยความรวดเร็วโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว ทัศนัยจับไหล่มนไว้แน่นพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตนิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “คุณเอาอะไรมาวัดว่าไม่คู่ควรกับผม หรือว่าเพราะคุณเคยแต่งงานแล้ว” คำถามจี้ใจดำนั้นทำให้คนถูกต้องอ้าปากค้าง เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องเธอแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดโต้ตอบอะไรออกมา เสียงทุ้มนักแน่นก็ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยใสโลกสวยอะไรหรอกนะ กว่าที่ผมจะอายุได้สามสิบสองก็ผ่านผู้หญิงมามากอยู่ ผมไม่ถือหรอกหากว่าผู้หญิงที่ผมสนใจจะเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว หรือเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน เพราะถ้าเกิดผมจะชอบใครสักคน ผมจะไม่ผูกใจกับอดีตของเธอ” พูดจบมือใหญ่ก็ปล่อยร่างอรชรให้เป็นอิสระ เพราะดูจากท่าทางของหญิงสาวแล้วชายหนุ่มก็พอจะเข้าใจว่าเธอคงรู้สึกอึดอัด เขาเลยไม่อยากเร่งรัดความสัมพันธ์กับเธอปล่อยให้ค่อยเป็นค่อยไป “เรื่องระหว่างเราคุณลองเอาไปคิดดู ถ้าคุณพร้อมจะเปิดใจเรียนรู้ความรักอีกครั้ง ผมจะยืนรออยู่ตรงนี้” บอกเสร็จร่างสูงสง่าก็เดินออกจากห้องพร้อมดันประตูปิดตามหลัง ปล่อยให้หญิงสาวยืนใจสั่น กับเหตุการณ์ที่ได้พบเจอ เขมนิจไม่รู้ว่าจะเร็วไปไหม หากจะตัดสินใจเปิดใจเรียนรู้กับใครสักคนอย่างจริงจังอีกครั้ง เพราะน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาจริงจังที่เขาส่งมานั้นอยากที่เธอจะปฏิเสธได้ว่าเธอไม่รู้สึกหวั่นไหว ……………………………………………….. //รุกหนักจริงๆ พ่อหนุ่มหล่อร้ายของเรา แล้วแบบนี้แม่หม้ายสาวของเราจะใจอ่อนหรือเปล่านะ// ++ ช่วยกันลุ้น และเป็นกำลังใจให้คุณทัศนัยกันต่อด้วยนะ ++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD