จอมมารในคราบฮีโร่

1586 Words
เช้าวันใหม่ นัดดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมด้วยอาการปวดเมื่อยตามตัว แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ร้องกรีดออกมาทันทีด้วยความตกใจแล้วดิ้นออกจากอ้อมกอดของคนตัวโตที่กำลังนอนกอดตนเอง “กรี๊ดดดด ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องเสียงดังลั่นหลับตาปี๋ดิ้นขลุกขลักพยายามให้ตนเองหลุดออกจากอ้อมกอดของผู้ชายที่กำลังกอดตนเอง เพราะยังคิดว่าเขาคือคนร้าย “คุณไม่ต้องกลัว ผมเอง เงียบนะ ไม่ต้องกลัว” ชายหนุ่มลูบหัวของคนป่วยแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้เพื่อให้คนในอ้อมกอดหายจากอาการหวาดกลัว คนป่วยเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่กอดตนเองอยู่ก็เงียบลงทันที พร้อมกับเงยหน้าไปมองเขาแต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรพยาบาลกับหมอก็มาเคาะประตูห้องเสียก่อน ชายหนุ่มจึงลงจากเตียงคนไข้ไปนั่งบนโซฟาแล้วปล่อยให้หมอกับพยาบาลทำหน้าที่ของตนเอง “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ รอยฟกช้ำที่มีค่อย ๆ จางลงเหลือแต่ที่หน้าท้องเท่านั้น ทายาไม่กี่วันก็หาย เดี๋ยวตอนบ่ายหมอจะให้จิตแพทย์มาคุยด้วยนะ ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้” คุณหมอเจ้าของไข้อธิบายให้คนไข้ฟังถึงอาการของตนเอง เขาอยากให้เธอได้คุยกับจิตแพทย์ด้วยเพื่อประเมินอาการทางใจว่าเป็นเช่นไร “ขอบคุณค่ะ คุณหมอ” คนป่วยยกมือขึ้นมาขอบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วทำท่าทางเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถาม “คนไข้มีอะไรจะถามหมอรึเปล่าครับ” คุณหมอเห็นคนไข้เหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าจึงเปิดประเด็นให้เธอได้ถาม “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” คนไข้ส่ายหัว ใครจะกล้าบอกว่าอยากให้หมออยู่เป็นล่ามให้หน่อย เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เธออยากคุยกับคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแต่ก็ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากหมอ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากหมอกับพยาบาลออกไปทำให้ทั้งห้องเหลือแค่นัดดากับเอเรนอสเท่านั้น หญิงสาวไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร เพราะเธออ่อนภาษาอังกฤษ เธออยากขอบคุณเขาเหลือเกินที่มาช่วยตนเองเมื่อคืน “เอ่อ ใช้โทรศัพท์แปลภาษาเอาก็ได้วะ” คนป่วยหันไปมองรอบ ตัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าใช้มือถือแปลภาษาให้ดีกว่า แต่เธอก็หาไม่เจอเสียที จนชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาสงสัยกับพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนของคนป่วย “คุณจะทำอะไร หาอะไร” เอเรนอสถามหญิงสาวเป็นภาษาไทยทำให้คนที่กำลังลุกลี้ลุกลนชะงักกึกแล้วหันไปมองหน้าของผู้มีพระคุณอย่างตกใจที่เขาสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วราวกับเป็นคนไทย “คุณพูดไทยได้! โล่งอก” เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่เขาพูดไทยได้แล้วเอามือข้างที่ไม่มีน้ำเกลือปักอยู่ขึ้นมาทาบอกแสดงอาการโล่งใจที่ไม่ต้องสื่อสารกับเขาผ่านแอปแปลภาษา “ครับ ผมพูดไทยได้ ว่าแต่คุณกำลังหาอะไร” ชายหนุ่มเดินมาหาหญิงสาวที่หันไปมองเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง “หาโทรศัพท์น่ะค่ะ พอดีว่าจะแปลภาษาให้หน่อย หนูคิดว่าคุณพูดไทยไม่ได้” คนป่วยพูดออกมาอย่างเขินอายที่ตนเองไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้จนแก้มที่ซีดเซียวเมื่อสักครู่แดงขึ้นมาเหมือนมะเขือเทศสุก “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผมพูดไทยได้ครับ ผมมีคุณยายเป็นคนไทยแท้ ๆ เรียนภาษาไทยมาตั้งแต่เด็ก” คนตัวโตหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบของคนป่วยว่ากำลังหาโทรศัพท์เพื่อเอาไปทำอะไร เขาพูดไทยได้เพราะคุณยายสอนมาดี “ก็ว่าอยู่ทำไมคุณถึงพูดไทยได้ อืม คุณช่วยหนูไว้ใช่ไหมคะ” คนป่วยถามคนตรงหน้าเพื่อความแน่ใจว่าเขาคือฮีโร่ที่เธอเห็นก่อนจะสลบไปเพราะเห็นหน้าของฮีโร่ราง ๆ ไม่ชัดเท่าไหร่ “ครับ ผมกำลังออกมาจากผับเห็นคุณถูกทำร้ายพอดี จึงเข้าไปช่วย ว่าแต่คุณโอเคขึ้นหรือยัง เจ็บตรงไหนอีกไหม” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วสำรวจอาการของคนป่วยไปด้วย “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหนู ถ้าไม่ได้คุณไม่รู้ว่าหนูจะเป็นยังไงบ้าง” คนป่วยซึมลงทันทีที่นึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอคิดว่าตัวเองจะไม่รอดเสียแล้ว “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก” เอเรนอสยิ้มให้กับนัดดาแบบหล่อกระชากใจ ราวกับเทพบุตรจนหญิงสาวที่กำลังซึมต้องเปลี่ยนโหมดเป็นตะลึงแทน หัวใจเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน “เอ่อ คือ แล้วพวกผู้ร้ายตอนนี้อยู่ในคุกแล้วใช่ไหมคะ” เธอพูดออกมาแบบติด ๆ ขัด ๆ เพราะหัวใจยังเต้นแรงเหมือนเดิมแล้วถามถึงคนชั่วทั้งสามคนที่ทำร้ายตนเอง “ใช่ ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องห่วง” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนกลบเกลื่อนความร้ายกาจของตนเองที่เขาสั่งให้ลูกน้องจัดการคนร้ายเหล่านั้นด้วยการปลิดชีพไม่ใช่ส่งให้ตำรวจอย่างที่เธอคิด “เฮ้อ โล่งอกหน่อย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรหนูจะได้เรียกถูก” หญิงสาวสอบถามผู้มีพระคุณด้วยความเขินอายบิดตัวไปมาอยู่บนเตียงจนชายหนุ่มต้องยิ้มด้วยความเอ็นดู “ผมชื่อ เอเรนอส เรียกว่า เอริค ก็ได้” จอมมารในคราบเทพบุตรบอกชื่อเสียงเรียงนามของตนเองให้เธอรู้ว่าเขาชื่ออะไรแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงหญิงสาวเพื่อสนทนากับเธอต่อ เมื่อเห็นคนป่วยไม่มีอาการหวาดกลัวตนเอง “ค่ะ หนูชื่อนัดดา เรียกว่า นัด” หญิงสาวยิ้มออกอย่างน่ารักแล้วแนะนำชื่อของตนเองให้เขาได้รู้จักบ้างจนลืมไปว่ายังไม่ได้โทรบอกเพื่อนสนิทอย่างนิสาเลยว่าเธอนอนอยู่โรงพยาบาล สองหนุ่มสาวคุยกันอยู่สักพัก อาหารของโรงพยาบาลก็ถูกเข็นเข้ามาในห้องผู้ป่วยทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดการสนทนาลงแล้วหันไปสนใจอาหารแทน ตกบ่ายจิตแพทย์มาตรวจสภาพจิตใจของคนป่วยซึ่งผลออกมาว่าเธอปกติดี แต่อย่าให้อยู่คนเดียวในช่วงนี้ เพราะอาจจะทำให้เธอเกิดอาการหวาดระแวงได้ จากนั้นคุณหมอก็ขอตัวออกไป “พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ดีใจจัง” หญิงสาวบ่นออกมาทันทีที่จิตแพทย์เดินออกไป เพราะเธอไม่ค่อยชอบนอนโรงพยาบาลสักเท่าไหร่มันรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน “พรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว ว่าแต่คุณพักอยู่ที่ไหน” เอเรนอสถามคนป่วยที่บ่นงึมงำทำหน้าเซ็ง ๆ ด้วยความอยากรู้เพราะเขาจะได้ไปส่งเธอถูกไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง “ว้าย ตายแล้วหนูลืมโทรบอกเพื่อน โทรศัพท์ โทรศัพท์หนูอยู่ไหน” นัดดาร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วหันรีหันขวางมองซ้ายขวาหาโทรศัพท์ของตนเองไม่ได้สนใจคำถามของชายหนุ่มเลย “โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า เดี๋ยวผมเอามาให้” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายแสนน่ารักของหญิงสาวมายื่นให้กับเธอ เมื่อคืนหลังจากที่เข้าไปช่วยนัดดา ลูกน้องได้เอากระเป๋าของเธอมาให้เขา ในนั้นมีเงินไม่กี่ร้อยบาทกับโทรศัพท์เครื่องเก่าเท่านั้น “ขอบคุณค่ะ” คนป่วยรับกระเป๋าจากเอเรนอสแล้วเอาโทรศัพท์ออกมา กำลังจะโทรหาเพื่อนสนิทแต่เห็นไลน์ที่นิสาส่งมาเสียก่อนว่าจะไม่อยู่ที่ห้องเพราะต้องดูแลแฟนหนุ่มที่ป่วยกะทันหัน นัดดาจึงส่งไลน์ตอบกลับไปว่า จ้าแค่นั้น ไม่ได้บอกสิ่งที่ตนเองเจอเพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทกังวลแล้วดูแลแฟนหนุ่มได้อย่างเต็มที่ “เพื่อนคุณจะมารับไหมพรุ่งนี้” “คือไม่ได้บอกนิสาค่ะ เขาต้องดูแลแฟนไม่อยากให้เป็นห่วง แต่ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูกลับเอง” “ผมไปส่ง ไม่ต้องเกรงใจ” “จะดีหรือคะ คุณช่วยหนูมาเยอะแล้ว เกรงใจค่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจ ทำตามที่ผมบอกแล้วกันนะ” “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้าเกิดว่าคุณเอริคมีอะไรให้หนูช่วยบอกได้เลย หนูยินดีทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนคุณ” “หึหึ ถึงเวลานั้นแล้วผมจะบอกคุณก็แล้วกัน หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธคำขอของผม” “แน่นอนค่ะ หนูจะทำทุกอย่างตามที่คุณบอกเลย” คนป่วยพูดออกมาอย่างมาดมั่น ส่งความจริงใจไปให้ชายหนุ่มผ่านสายตาแล้วรับปากเขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ โดยหารู้ไม่ว่าคำสัญญาในครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ส่วนเอเรนอสเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แต่ครู่เดียวก็เลือนหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มหล่อเหล่าที่ดึงดูดให้คนป่วยมองอย่างหลงใหลราวกับว่าเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาวที่มาช่วยเธอได้ทันเวลาเหมือนในเทพนิยายอย่างที่เธอเคยอ่านมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD