4. ความหวงเด็กขัดดอก

2720 Words
คลั่งรักเด็กขัดดอก ตอนที่ 4 ความหวงเด็กขัดดอก Part ละไม ละไม เด็กสาววัยยี่สิบสามปี เด็กสาวตาคมหน้าตาน่ารัก ซื่อๆใสๆไร้เดียงสา ใครอยู่ใกล้เป็นอันต้องหลงรักในรอยยิ้มสดใสของละไมคนนี้ จากเด็กผู้หญิงบ้านนอกที่หาเช้ากินค่ำ ทำงานหาเงินเพื่อจุนเจือรายได้ของครอบครัว เพราะความจนทำให้ต้องขวนขวายมากกว่าคนอื่น เมื่อรายจ่ายมีมากกว่ารายได้ในครอบครัว เมื่อเงินที่ค้างคาต้องทบต้นทบดอก ทำให้ตัวเลขสูงขึ้นทวีคูณ ครอบครัวจึงต้องส่งลูกสาวคนโตตามที่เจ้าหนี้ขออย่างละไม เพื่อมาทำงานใช้หนี้ขัดดอก... จากเด็กสาวบ้านนอกต้องมาอยู่ในเมืองหลวง สถานที่แห่งเมืองหน้ากากที่ทุกคนใส่หน้ากากให้กัน ละไมได้มาอาศัยที่บ้านของภู ลูกชายของป้ารำภาเจ้าหนี้ของครอบครัวละไม ตัวละไมมีหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ภูและทำงานที่ร้านอาหารของภู เพื่อทำงานใช้หนี้ขัดดอกให้ครอบครัว... ละไมอยู่ที่นี่ค่อนข้างปรับตัวยากอยู่เหมือนกัน เจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ๆที่น่าจะไม่เป็นมิตรกับละไมมากนัก ถึงจะมีเจ้านายอย่างคุณภูที่ปากร้าย แต่มีพี่วี แฟนของพี่บอยที่นิสัยดีคอยช่วยเหลือละไมทุกอย่าง ทำให้ผ่อนคลายความคิดถึงห่างจากบ้านไปได้บ้าง “ พี่ช่วย ” ละไมกำลังจะยกตะกร้าจาน พี่จิม ผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่าละไมเข้ามาช่วยยก ละไมรู้จักเพราะป้ายชื่อที่ติดอยู่และเห็นหน้าค่าตาที่เป็นพนักงานอยู่ที่ร้านคุณภูเหมือนกัน “ ละไมไปทำตรงอื่นได้เลย ตรงนี้พี่จัดการให้เอง ” “ แต่... ” “ งานแบบนี้ให้ผู้ชายบึกบึนอย่างพี่ทำดีกว่า ใครเห็นเข้าจะหาว่าพี่ให้ผู้หญิงทำหนักไปได้สิ ” “ ขอบคุณค่ะพี่ ” พี่จิมช่วยงานตรงนั้น ละไมจึงออกมาช่วยพี่วีจัดโต๊ะที่ใกล้ถึงเวลาเปิดร้านแล้ว ขณะที่กำลังเช็ดโต๊ะมีสายตาของพนักงานผู้หญิงมองละไมแปลกๆ เมื่อหันไปมองก็มีอาการโบ๊ยปากใส่ เหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งที่ไม่รู้จักหรือพูดคุยกันเลยสักครั้งด้วยซ้ำ “ มีอะไรรึเปล่า ? ” พี่วีเข้ามาถาม คงเห็นละไมมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ แต่เพราะน้องใหม่เพิ่งมาทำงานจึงถูกเขม่งแบบนี้ “ เปล่าค่ะ ” “ อีพวกนั้นหาเรื่องอะไรละไมรึเปล่า ” พี่วีหันไปมองทางกลุ่มผู้หญิงคนนั้น ดั่งรู้ถึงนิสัยพนักงานด้วยกัน “ เปล่าค่ะ เขาแค่มองไมแปลกๆ ” “ ถ้าอีรุ้งหาเรื่องอะไรละไมบอกพี่เลยนะ อีนั่นมันชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ” “ ไมจะห่างๆไว้ค่ะ ไมมาทำงานใช้หนี้ ขืนทำตัวมีปัญหา คุณภูได้ด่าตะเพิดไล่ไมออกแน่ ” “ ใครจะกล้าไล่ละไมออกได้ล่ะ ” พี่วีดูยิ้มกรุ่มกริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ไหว ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ละไมต้องขมวดคิ้วมอง ไม่ใช่แค่ยิ้มใส่ละไมด้วยสิ จับมือละไมลูบเบาๆด้วยอย่างคนเขอะเขิน พี่วีดูแปลกๆไปแล้ว “ พี่วีหมายถึงอะไรเหรอคะ ? ” “ เปล่าๆ พี่แค่หมายถึงละไมเป็นเด็กของคุณรำภา ที่นี่คุณภูว่าใหญ่แล้ว คุณรำภาใหญ่กว่าคุณภูอีกนะ ” “ อ๋อค่ะ ” โอเครู้เรื่อง ป้ารำภาฝากละไมมาทำงานที่นี่ ละไมติดหนี้ป้ารำภาไม่ใช้หนี้คุณภูสักหน่อย อย่างน้อยก็รู้สึกดีว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณภู แค่มาพักอาศัยและทำงานที่นี่เท่านั้น “ ละไมบิลโต๊ะ 7 จร้า ” เสียงของพี่วีเอ่ยเรียกละไม เมื่อโต๊ะที่ละไมรับผิดชอบได้เรียกเช็คบิล ละไมได้ติปจากลูกค้าตั้งหนึ่งร้อยบาทด้วย เห็นเงินติปแล้วมีความสุขมาก อีกไม่นานละไมต้องได้กลับบ้านเร็วแน่ๆ ลูกค้าลุกก็ต้องเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย ขณะที่ละไมกำลังเก็บโต๊ะ พี่จิมก็เข้ามาช่วย “ ไม่เป็นไรคะพี่จิม ไมทำเองค่ะ ” “ ช่วยๆกัน เราพนักงานเหมือนกันต้องเห็นใจกันสิ รีบๆลูกค้าเข้าเยอะแล้ว ” “ ค่ะๆ ” จะมัวยืนเกรงใจก็คงไม่ได้ ถือว่าพี่จิมเป็นมิตรอยากช่วย พนักงานด้วยกันเหมือนที่พี่จิมบอก ละไมยกถาดเข้ามาในครัวหลังร้านโดยมีพี่จิมคอยช่วย ละไมจึงไปช่วยโต๊ะที่พี่จิมดูแลคืน ช่วยมาช่วยกลับไม่โกงกัน “ พี่ช่วยละไมไปนิดเดียว ละไมมาช่วยพี่ตั้งเยอะแบบนี้ พี่ต้องให้ติปละไมแทนแล้วไหมเนี่ย ” “ ได้เหรอคะ ” “ อ้าว ” “ แฮร่ ” ระหว่างที่กำลังช่วยพี่จิมเก็บโต๊ะและคุยหัวเราะคิกคักกันอย่างอารมณ์ดีสดใส ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคุณภูเดินเข้ามาด้วยสายตาดุดันเหมือนคนกำลังโกรธเอามากๆ “ มีโต๊ะนี้ต้องทำโต๊ะเดียวรึไง ” “ ………….. ” ละไมกับพี่จิมก้มหน้าเมื่อคุณภูเอ่ยเสียงหยาบกร้านตะหวาดใส่ค่อนข้างเสียงดัง “ ไอ้จิม มึงว่างมากอยากไปทำงานข้างนอกว่างั้น ” “ ไม่อยากไปคับคุณภู ” คุณภูเสียงแข็งตาขวางใส่พี่จิม “ พี่จิมช่วยไม ไมก็เลยมาช่วยพี่จิม ไม่ได้ทำผิดอะไรหนิคะ ” “ ตกลงมึงกับกูใครเจ้านาย ” “ …………. ” ละไมต้องเงียบ ใช่ของคุณภู ละไมเป็นลูกจ้างเถียงเจ้านายไปก็แค่นั้น เขาคือคนตัดสิน “ อย่าให้กูเห็นอีกว่ามึงมีความสุขกับพนักงานเกินเหตุ กูจะได้ย้ายมึงไปส่งอาหาร ” “ คับ ” คุณภูเน้นคำว่าพนักงานแล้วหันมามองหน้าและไม เหมือนต้องการสื่ออะไร พี่จิมยกถาดอาหารออกไปจากตรงนี้ คุณภูมองหน้าและไม “ มีเพื่อนแค่ไอ้วีคนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้องมี ” “ ………….. ” คุณภูพูดจบก็เดินออกไป เขาเป็นอะไรของเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวฉุนเฉียว ละไมจะตามอารมณ์เจ้านายคนนี้ไม่ทันแล้วจริงๆ… พี่จิมเหมือนไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ละไม รวมไปถึงพนักงงานผู้ชายคนอื่นด้วย ละไมเข้าไปขอโทษพี่จิมที่ทำให้โดนคุณภูดุด่า แต่พี่ยังทำเหมือนกล้าๆกลัวๆไม่กล้ามองหน้าละรีบตอบปัดๆ ทำละไมแปลกใจ… มาเข้าห้องน้ำแต่เมื่อออกจากห้องน้ำเห็นพี่ผู้หญิงที่ชื่อรุ้งยืนทำตาขวางใส่ละไมอยู่หน้าห้องน้ำที่ละไมออก ไม่อยากสนใจจะเดินเบี่ยงออกจากห้องน้ำแต่พี่รุ้งก็เบี่ยงตัวอย่างตั้งใจขวางทางไม่ให้ละไมออกจากห้องน้ำ หลบขวาก็เบี่ยงมาขวาง หลบซ้ายก็ขวางไว้ “ ขอทางด้วยค่ะ ” “ ไม่ให้ ” พี่รุ้งกอดอกพร้อมเอ่ยเสียงแข็งใส่ละไมอย่างคนกำลังตั้งใจหาเรื่อง โบ๊ยปากมองเหยียดหยามตั้งแต่เท้ายันศีรษะ “ พี่รุ้งไม่พอใจอะไรไมรึเปล่าคะ ? ” “ ฉันไม่ชอบแก ” “ ………….. ” “ แค่พนักงานผู้ชายยังไม่พอ ยังกล้าอ่อยเจ้านายอีก จะเอาผู้ชายหมดทุกคนเลยรึไว ความร่านเบอร์ไหนกันนะ ” “ ไมไม่เคยคิดแบบนั้น ” “ เหรอ แต่การกระทำของเธอใช่นะ ร่านไปทั่วน่ะ ” “ ไมไม่ได้ทำเหมือนที่พี่รุ้งพูด ” “ ถึงว่าผู้ชายถึงหลงง่าย อ่อยเก่ง ยั่วเก่ง แถมยังตอแหลเก่งอีก ฉันล่ะสงสารจริงๆ ตื่นเถอะเลิกฝัน แกไม่ได้สวย แกมันร่าน ” “ …………. ” พี่รุ้งโบ๊ยปากเหยียดหยามทั้งคำพูดและท่าทาง กระแทกไหล่ละไมออกไปจากห้องน้ำ กำหมัดแล้วท่องคำว่าอดทนต่อคำพูดพวกนี้ไว้ ท่องไว้นะอีละไม แกมาที่นี่เพื่อทำงาน แต่ละไมก็เชื่อว่าความอดทนของทุกคนมันมีขีดจำกัด ตัวละไมเองก็เช่นกัน มองตัวเองในกระจกเงาในห้องน้ำ ‘ อย่าให้ไมหมดความอดทนแล้วกัน ’ ชีวิตแม่บ้านต้องตื่นเช้าลุกมาทำอาหารให้คุณภู ทำตามเมนูที่คุณภูชอบตามที่ป้ารำภาบอก ทำเสร็จรอให้คุณภูตื่นมาทานตัวละไมถึงจะได้ทาน ทำงานบ้านทุกอย่างให้เสร็จ ก่อนจะไปทำงานที่ร้านอาหาร กิจวัตรประจำของละไมก็มีแค่นี้คืองาน งาน และงาน ละไมจัดโต๊ะเสร็จแต่คุณภูยังไม่ลงมา มองนาฬิกาฝาผนังที่เลยเวลาแล้ว ละไมไม่กล้าเคาะห้องเรียกคุณภู เลยเดินไปขอความช่วยเหลือกับพี่บอย “ พี่บอย คุณภูยังไม่ออกมาทานอาหารเลยคะ พี่บอยช่วยไปเคาะเรียกให้ไมหน่อยได้ไหมคะ ไมไม่กล้าไปเรียกเองค่ะ ” “ คุณภูไปค้างข้างนอก ยังไม่กลับคับ ” “ อ้าวเหรอคะ ” “ คุณละไมมีอะไรรึเปล่าคับ ? ” “ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ” คุณภูไม่อยู่แล้วทำไมไม่บอกจะได้ไม่ต้องจัดโต๊ะ นี่แหละนะชีวิตลูกจ้าง ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่ยอมๆๆ ละไมก็ต้องมาเก็บโต๊ะ ใส่ตู้ไว้ให้เรียบร้อยรอคุณภูมาจะได้อุ่นทาน แต่ตัวละไมคงทานไม่ได้สินะ อาหารเจ้านายยังไม่ทานด้วย เวลานี้ก็ต้องไปทำงานที่ร้านแล้วด้วย ไปทำงานช้าจะถูกคนเขม่งอีกนะสิ หยิบแซนวิชของตัวเองเข้าปากกัดเคี้ยวแล้วเดินไปทำงาน… ลูกค้าเยอะทำให้ไม่มีเวลาพัก แต่ละคนหัวหมุนกันเลยทีเดียว ละไมรับออเดอร์จากลูกค้ายื่นให้พี่วี แต่เมื่อหันหลังจะเดินเข้าครัวอยู่ๆเกิดหน้ามืด “ ละไม! ” พี่วีเข้ามารับละไมไว้ได้ทัน พาละไมไปนั่งเก้าอี้พัดลมให้ พี่พนักงานคนอื่นเอายาดมมาจ่อที่จมูกให้ “ ดีขึ้นไหม ? ” “ ค่ะ ” “ เดินไหวรึเปล่า พี่จะพาไปพัก ” “ ไมไหวค่ะ ไหมอยากช่วย ” “ เอาตัวเองก่อนไหมละไม เกิดเป็นหนักกว่านี้ขึ้นมาจะแย่นะ ” “ นั่นสิ พี่วีพูดถูกนะ ละไมไปพักเถอะดีขึ้นค่อยมาทำงาน ” พี่พนักงานเอ่ยขึ้นอีกคน ละไมก็ต้องจำยอมให้พี่วีพามาพักที่บ้านคุณภู ตอนนี้คุณภูอยู่ที่บ้านแล้ว “ ละไมเป็นอะไร ? ” คุณภูเห็นพี่วีพยุงละไมเดินมา เข้ามาช่วยพยุงและถามอย่างร้อนรนด้วยอาการที่เป็นห่วงลูกจ้าง “ น้องละไมเป็นลมค่ะ วีเลยพามาพัก ” “ ทำไมถึงเป็นลมได้ ” “ นั่นสิ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย หรือว่าละไมไม่ได้กินข้าว ” “ ไมกินแซนวิชแทนแล้วค่ะ ” “ แค่แซนวิชมันจะไปอิ่มอะไรล่ะ เราต้องใช้แรงทั้งวันนะละไม ” พี่วีดุละไมจนได้ “ ทำไมถึงไม่กินข้าว ” คุณภูถามละไมด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงพอสมควร “ ไมต้องทานหลังคุณภู เมื่อเช้าคุณภูไม่ได้กลับมาทาน ไมเลยไม่กล้าทานค่ะ ” “ …………… ” คุณภูจากที่ขมวดคิ้วผูกโบว์ แต่คิ้วก็เริ่มคลายตัวเปลี่ยนเป็นสีหน้าเศร้าแปลกๆ พี่วีมองหน้าคุณภู รวมไปถึงพี่บอยด้วย ทำไมต้องมองหน้าคุณภูกัน พี่บอยมองหน้าพี่วีแล้วพากันออกจากห้องโถงของบ้านไป ละไมก็สงสัยทำไมต้องออกไปกันหมดเหลือแค่ละไมกับคุณภูสองคน “ กูขอโทษ ” คุณภูเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบร่าแทบจะไม่ได้ยิน สีหน้าเหมือนคนสำนึกผิดเอามากๆ ละไมไม่เคยเห็นคุณภูมีสีหน้าแบบนี้เลย “ คุณภูขอโทษไมทำไมคะ ” “ ก็เพราะกูมึงถึงไม่ได้กินข้าว จนเป็นลมแบบนี้ ” “ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณภู เพราะตัวไมเองเลยค่ะ คูณภูไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ ” “ มึงปวดท้อง ปวดหัว หรือเป็นอย่างอื่นด้วยไหม กูจะพาไปหาหมอ ” “ ไม่เป็นไรค่ะ ไมพักสักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว ” “ งั้นมึงไปพัก วันนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว ” “ ไมทำได้ค่ะ ” “ ไม่ได้! ” “ ……….. ” คุณภูตะหวาดละไมออกมา ทำละไมชะงักไปเลย คุณภูเหมือนจะหน้าเสียเหมือนกัน อย่างกับตกใจที่ตะหวาดละไมออกมายังไงยังงั้น “ กู…แค่ไม่อยากให้ใครเป็นลมในร้าน ” “ ค่ะ ไมขอตัวไปพักนะคะ ” “ อืม ” ละไมเดินเข้าห้องมา ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนเพลีย หัวถึงหมอนตาก็จะบิดทันที แต่ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงเคาะประตู “ พี่เอาข้าว ขนม ผลไม้พร้อมยาแก้ปวดท้องมาให้ ” พี่วีพร้อมถาดของกินเต็มถาดไปหมดยืนอยู่หน้าห้อง ละไมรับถาดจากพี่วีอย่างไม่กล้าขัดปฏิเสธน้ำใจความเป็นห่วงนี้ “ ขอบคุณมากค่ะพี่วี ” “ ไม่ต้องขอบคุณพี่เลยของพวกนี้ไม่ใช่ของพี่ คุณภูเป็นคนสั่งให้พี่เอาของกินพวกนี้มาให้ ละไมต้องไปบอกคุณภูแล้วล่ะ ” “ …………. ” “ คุณภูเป็นห่วงละไมมากนะ ” “ ค่ะ คุณภูเป็นคนดี ดูแลเอาใส่ใจลูกน้องดีค่ะ ” “ ละไมเอ้ย ” พี่วีส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินออกไป ทำไมต้องส่ายหัวด้วยล่ะ ก็คุณภูบอกกลัวลูกน้องอย่างละไมจะเป็นอะไรไป ก็ถือว่าเป็นเจ้านายที่ดีนะ เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับมาทำงานปกติ คุณภูมาทานอาหารเช้าตรงเวลา ถามไถ่อาการของละไมในตอนเช้าที่เจอหน้ากัน คุณภูมาที่ร้านอาหารพร้อมกับละไม คุณภูเข้าไปห้องทำงาน ละไมไปทำหน้าที่ของตัวเอง ตอนบ่ายๆคุณภูไปนั่งโต๊ะประจำกับคุณกันต์และคุณแซกเพื่อนที่แนะนำให้ละไมรู้จักที่โต๊ะประจำ คุณภูให้ละไมไปดูแลที่โต๊ะซึ่งแอบแปลกใจที่เจาะจงมาที่ละไม ทั้งที่โต๊ะโซนนั้นวันนี้เป็นของพี่รุ้ง ละไมต้องทำหน้าที่แต่การทำหน้าที่นี้กลับถูกแซะจนได้ “ ฉันล่ะอยากรู้จริงจริ๊ง แดกอะไรเป็นอาหารนะ ถึงได้ร่านไปทั่วแบบนี้ ” เมื่อละไมเดินผ่าน พี่รุ้งก็พูดขึ้นทันที คงไม่ว่ากระแทกแซะใครหรอกนอกจากละไมคนเดียว ถอนหายใจแรงๆไม่อยากวุ่นวายกับคนแบบนี้เลยจริงๆ “ พี่รุ้งจะพูดอะไรก็พูดเถอะค่ะ ไมมาทำงานก็ทำแค่งาน ไมไม่อยากเก็บเรื่องไร้สาระมาใส่หัว ” พูดจบก็เดินออกมาเลย จะหน้าดำหน้าแดงก็ไม่อยากสนใจ ผู้หญิงอะไรชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว รู้จักก็ไม่ สนิทก็ยิ่งแล้วใหญ่ไม่เลยสักนิด “ เอ๊าะ ! ” ขณะที่ละไมยกถาดต้มยำเดินไปให้ลูกค้า แต่อยู่ๆพี่รุ้งก็เดินมากระแทกชนไหล่ละไมทำต้มยำหม้อไฟร้อนๆเกือบจะลวกตัวละไม ต้มยำกระเด็นโดนแขนละไม พี่รุ้งไม่ขอโทษแถมโบ๊ยปากอย่างตั้งใจเดินออกไปหน้าตาเฉย เมื่อความอดทนมันมีขีดจำกัด พยายามนับเลขในใจไปเรื่อยๆ เอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้า ก่อนจะเดินเอาถาดมาวางและเดินไปหาอีตัวต้นเหตุ ที่กำลังกอดอกคุยกับเพื่อนหน้าชื่นตาบานอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น “ เฮ๊ย ! แกจะทำอะไร ” ละไมเข้าไปจับมือพี่รุ้งอย่างไปทันตั้งตัว พี่รุ้งตกใจอุทานร้องมาพร้อมลากเข้ามาในครัวที่ ท่ามกลางสายตาของทุกคน ละไมลากไปที่กาน้ำร้อนไฟฟ้าที่กำลังเสียบปลั๊กอยู่ จับกาน้ำร้อนแล้วราดใ่มือพี่รุ้งทันที “ อร้ายยย !!! ” พี่รุ้งกรีดร้องสะบัดมือออกจากมือละไมทันที ด้วยน้ำร้อนจัดควันโขมงลวกมือเต็มๆ แดงเทือกเชียว พี่รุ้งปวดแสบปวดร้อนมาก ทุกคนก็ตกใจวิ่งเข้ากันมาดู “ มึง !! ” พี่รุ้งจะเข้ามาตบละไม ง้างมือมาแต่ไกล พนักงานก็ช่วยกันห้ามจับพี่รุ้งไว้ พี่วีที่เพิ่งเข้ามาเข้ามาขวางละไมกันพี่รุ้งไว้ “ เข้ามาสิ ไม่ใช่แค่มือ ไมจะลวกพี่ด้วย ” “ กูไม่ยอมจบแน่ ” พี่รุ้งเอ่ยพร้อมชี้หน้าด่าละไม หน้าตาโกรธจัดมาก “ ไมก็ไม่อยากจบเหมือนกัน จะได้สนุกนานๆ ” “ อีละไม ! ” “ ค่ะ อีพี่รุ้ง ! ” คนเราทุกคนย่อมมีขีดจำกัด ละไมยอมเพราะไม่อยากสร้างปัญหา แต่การที่ยอมคนอื่นเห็นเป็นการเหยียบหัวได้ ละไมก็ไม่จำเป็นต้องยอม อยากให้ลวกมาก็ต้องลวกกลับ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD