คลั่งรักเด็กขัดดอก
ตอนที่ 3 ความหวั่นไหวของภู
ตึก~ตึก
เสียงหัวใจของไอ้ภูคนนี้มันเต้นเสียงดังเล็ดลอดออกมา ความรู้สึกแปลกๆมันเข้าครอบงำ เมื่อได้นั่งรถกับละไม ใจมันเต้นแรงรัวๆราวกับกลองชุด ทำผมแอบเลิ่กลั่กกลัวละไมมันจะได้ยินเสียงการตื่นเต้นนี้ ต้องรีบเปิดเพลงในรถเบาๆกลบเกลื่อน จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงก็มันหน้าตาน่ารักมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถผมแบบนี้ ใจไม่เต้นรัวก็บ้าแล้ว…
“ หิวรึเปล่า ? ”
ผมเลือกที่จะถามก่อน เห็นละไมมีนนั่งเงียบๆมองนอกกระจกรถ ท่าทางเหมือนคนกำลังมีอะไรในใจ ต่างจากละไมคนที่เมื่อกี้มาก
“ หิวค่ะ ”
“ จะกินอะไร ? ”
“ ไมไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้าง ไมเลือกไม่ถูกค่ะ ”
“ แล้วปกติมึงชอบกินอะไร ”
“ ก๋วยเตี๋ยวค่ะ ”
“ อืม ” จบการสนทนา ละไมก็นั่งเงียบตามเดิม ทำผมต้องแอบมองเป็นระยะ ดูละไมมันซึมๆต่างจากคนเดิมที่เจอที่สถานีรถไฟไปเลย
มาจอดร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ละไมดูเจียมเนื้อเจียมตัวไม่โอกอาก เดินตามหลังผมอย่างเอ็นดู ผมไม่สงสารแล้วทำไมนายแม่ถึงบอกว่าละไมมันนิสัยดี
“ แม่บอกอะไรมึงบ้าง ? ” ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว ผมถือโอกาสต้องสอบถามเก็บข้อมูลซะก่อน
“ ให้มาทำงานใช้หนี้ที่บ้านของลูกชายที่ชื่อภูเขาค่ะ ” แววตากับน้ำเสียงที่บอกผมดูเศร้าสร้อยยังไงไม่รู้ ทำผมแอบเฟลแปลกๆ อย่าร้องนะเว้ยปลอบผู้หญิงไม่เป็นด้วย
“ รีบกิน จะได้ไปกันต่อ ”
“ ค่ะ ”
ไม่กล้าพูดอะไรมากกลัวอีละไมร้องไห้ มันคงคิดถึงบ้านมั้ง อย่าไปจี้ปมเด็กร้องไห้ขึ้นมาคนอื่นจะมองว่าผมรังแกเด็ก ผมรักษาภาพพจน์ตัวเอง ไม่ได้แคร์ความรู้สึกใครเลยนะ
ผมมองอีละไมที่ปรุงก๋วยเตี๋ยวอย่างกับรถพริกพลิกคว่ำในชามมัน แทบจะตักพริกทั้งหมดลงไปนั่งกินหน้าตาเฉย หันมามองชามตัวเอง พริกสักนิดยังไม่มี
“ กินพริกเยอะขนาดนี้ไม่แสบท้องเหรอว่ะ ”
“ ไม่ค่ะ แต่คุณภูไม่ปรุงเลยเหรอคะ ”
“ ไม่ ”
“ โตแล้วแต่กินเหมือนเด็กเลยนะคะ ”
“ ………….. ” พูดไม่ออก เหมือนโดนเด็กด่า ผมต้องรู้สึกยังไงดี ต้องอายเด็กไหม ผมเชื่อแล้วว่าอีละไมมันสวยแต่ปากมันไม่สวยเหมือนหน้าตาเลยสักนิด
“ คุณภูจะพาไมไปไหนต่อเหรอคะ ? ”
“ ไปบ้านกู ทำไมมึงอยากให้กูพาไปที่ไหนล่ะ ”
“ เปล่าค่ะ คุณภูคิดเรื่องไม่ดีในหัวอยู่ใช่ไหมคะ เลิกคิดเถอะค่ะ เหมือนโจรแค่หน้าตาก็พอนิสัยอย่าให้เหมือนด้วยเลยค่ะ ”
“ นี่มึงว่ากูเหรอว่ะ ”
“ เปล่าค่ะ ไมแค่อธิบายหน้าตาของคุณภู ”
“ ………… ” ยุบหนอพองหนอ มีสติข่มใจไว้ไอ้ภู เชื่อแล้วว่าอีละไมเด็กสร้างเจ๊รำภาแก เหมือนจริงๆเหมือนไปหมด เหมือนแม้กระทั่งฝีปาก
ผมพาอีเด็กละไมที่นั่งเงียบตลอดทาง ผมแอบมองมันด้วยหางตาตลอด แววตามันเศร้า อย่างว่าเด็กบ้านนอกห่างบ้านมาเข้าเมืองก็แบบนี้แหละมั้ง มาถึงบ้านผมที่ข้างๆเป็นร้านอาหาร ข้างหลังก็เป็นห้องพักของเหล่าพนักงาน ละไมลงจากรถกวาดสายตามองไปรอบๆที่ทุกอย่างรอบๆตัวคงจะแปลกตามัน
“ ตามกูมา ”
“ ค่ะ ”
ผมพาอีละไมมานั่งในตัวบ้านที่ห้องรับแขกในห้องทำงานของผม ละไมมันเดินกอดกระเป๋าสะพายของตัวเองเดินตามผม ตาก็มองสำรวจในห้องของผม
“ มากันแล้วเหรอ ”
“ สวัสดีค่ะป้ารำภา ” ละไมไหว้แม่ผมทันทีที่เห็นท่านนั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่มีไอ้บอย ลูกน้องคนสนิทของผมอยู่ในห้องด้วย เจ๊รำภาผายมือให้อีละไมเข้าไปนั่งข้างๆ ดั่งลูกรักสุดดวงใจ ลูกอยู่นี่ต่างหากแม่
“ นั่งรถไฟเหนื่อยไหม ? ”
“ ไม่เหนื่อยค่ะ ”
“ มาอยู่ที่นี่จะไปไหนจะทำอะไร ขาดเหลืออะไรก็บอกตาภูหรือเจ้าบอยมันนะ มันเป็นลูกน้องตาภูมัน ”
“ ค่ะ ไมต้องทำงานอะไรบ้างเหรอคะ ”
“ ดูแลในบ้าน เรื่องที่นงที่นอน เรื่องกับขงกับข้าว จัดหาดูแลข้าวปลาให้ตาภู ”
“ ให้ไมเป็นแม่บ้านแบบนี้ใช่ไหมคะ ”
“ จะคิดแบบนั้นก็ได้ เรื่องอื่นตาภูจะเป็นคนบอกหนูเองนะ ถ้าใครทำให้ไม่สบายใจบอกป้านะ ”
“ ค่ะ ”
“ เจ้าบอย เอากระเป๋าหนูละไมไปเก็บที่ห้อง ”
“ คับเจ๊ ” ไอ้บอยส่งมือให้ละไม มันก็ค่อยส่งกระเป๋าให้พร้อมมองตามไอ้บอยที่มันเดินไปที่ห้องที่อยู่ติดกับห้องของผม
“ มีอะไรก็คุยกับตาภูนะ ป้าจะเยี่ยมบ่อยๆ ”
“ ป้ารำภาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ ” เอาแล้วไง คำถามของอีละไมทำเจ๊รำภาสายตาเลิ่กลั่ก
“ หนูอยู่บ้านหลังนี้กับตาภู พวกพนักงานจะอยู่ที่ห้องเช่าด้านหลังโน้น ป้าอยู่บ้านอีกหลังนึง หนูอยู่ได้ใช่ไหม ? ”
“ ค่ะ ” คำว่าค่ะของอีละไมผมแอบสังเกตถึงความจำยอมที่ต้องตอบ
“ งั้นป้าไปก่อนนะ ไอ้ภู…ดูแลหนูละไมด้วย ”
“ คับ ”
เจ๊รำภาเดินออกไป อีละไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีขึ้น มันคงไม่รู้ถึงความอำมหิตของเจ๊แกที่ต้องการจับคู่ผมกับมันซะแล้ว แต่อย่างว่ามันถูกส่งมาทำงานใช้หนี้หนิ เด็กบ้านนอกคงไร้เดียงสาคิดไม่ถึงหรอก
“ อยู่ที่นี่มึงต้องทำงาน ไม่ใช่มาอยู่สบายๆ ”
“ ค่ะ ไมทราบว่าไมมาที่นี่เพื่อขัดดอกทำงาน ”
“ รู้สถานะตัวเองก็ดี กูจะให้มึงทำงานที่ร้านอาหารของกู มีเงินเดือนเหมือนพนักงานคนอื่น จะหักเงินจากส่วนนั้น หนี้ของมึงจะได้ลด ”
“ ค่ะ ”
“ วันนี้กูอนุญาตให้มึงพัก มึงไปพักผ่อนได้แล้ว ไอ้บอยพาละไมไปที่ห้อง ”
“ คับคุณภู ”
ตั้งแต่ละไมเข้าห้องไป มันก็ไม่ออกมาอีกเลย ขาของผมค่อยๆย่องเบาไปเอาหูแนบกำแพง กลัวมันจะมาตายที่บ้านผม แต่สิ่งที่ผมได้ยินทำผมใจหวิว
“ ไมจะรีบทำงานกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่นะจ๊ะ ฮือ… ”
เสียงสะอื้นของอีละไมทำผมใจแป้วต้องกลับมานั่งที่ห้อง เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวต้องมาทำงานใช้หนี้ให้ที่บ้าน คงต้องใช้ความอดทนเยอะพอสมควร ทำไมผมสงสารอีเด็กละไมคนนี้จังนะ…
เช้ามาถึงกับแปลกตา เมื่อบ้านถูกเก็บเรียบร้อย แค่เอานิ้วถูบนชั้นวางของถึงกับเงาวับ ฝุ่นสักนิดยังไม่มีย่างกลาย มีกับข้าววางอยู่บนโต๊ะในครัว ผมหันมองไปรอบๆบ้านสะอาดสะอ้าน มองหาคนที่ทำจนไปได้ยินเสียงละไมกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ ไม่นานก็ออกมาด้วยสภาพเหนื่อยโชก แต่ติดอย่างเดียวที่แม้จะเหนื่อยไหลไคลย้อย หัวกระเซิงขนาดไหนแต่มันยังสวย คิ้วเข้ม ตากลมแบ๊ว ปากแดงอมชมพู ริมฝีปากมันช่าง…
“ คุณภู คุณภูคะ คุณภู !! ”
“ อะไร ”
“ คุณภูยืนเหม่อ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ” จะตอบเด็กว่าอะไรล่ะคราวนี้ ไม่ได้อย่าให้เด็กรู้ว่าผมเหม่อเพราะมองมันอยู่
“ เปล่า จะไปทำอะไรก็ไป ”
“ ไมทำงานบ้านเสร็จหมดแล้วค่ะ ”
“ ก็ไปจัดการเรื่องส่วนตัว กินข้าวเสร็จ มีงานทำต่อ ”
“ ค่ะ ”
เป็นไง ขู่เด็กดั่งเจ้านายผู้น่าเกรงขาม อีละไมถึงกับเดินคอตกต้อยๆไปเลย อย่างว่ามันต้องเคารพผมสิ ผมเจ้านายนะเว้ยถึงจะแอบมองเพราะมันสวยก็เถอะ
“ แอบมองคุณละไมเหรอคับคุณภู ” ผมที่กำลังยืนภูมิใจกับอำนาจตัวเอง อยู่ๆไอ้บอยมากระซิบ
“ ไอ้ปากหมา มึงอยากแดกตีนกูรึไง ”
“ เปล่าคับ ”
“ ไปจัดการที่กูสั่ง ”
“ คับคุณภู ” ต้องดุดันใส่ลูกน้อง มาซงมาแซวอะไร ใครแอบมองไม่มี๊…
นั่งมองกับข้าวบนโต๊ะที่ถูกวางในจานสองสามอย่าง นี่มันตื่นมาทำตั้งแต่เมื่อไหร่ กับข้าวหน้าตาพอดูได้ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ แต่พออาหารถูกตักเข้าปากแตะลิ้น รสชาติของอาหารกระจายทั่วทั้งปาก แม่งเอ้ย…อร่อย แทบจะละลายในปาก นี่มันเล่นใส่สมุนไพรใบอร่อยให้ผมรึแล้วนะ มันถึงได้อร่อยขนาดนี้
“ อาหารถูกปากรึเปล่าคะคุณภู ”
ผมถึงกับชะงักหยุดเคี้ยวชั่วขณะ จากกำลังฟินแลนด์กับข้าวของอีละไม ต้องเก็กเก็บอาการ จะบอกว่าอร่อยเดี๋ยวมันก็ได้ใจเหลิงใส่ผม
“ ก็ดี ”
“ อยากให้ไมปรับเปลี่ยนตรงไหนบอกได้นะคะ ”
“ ไม่ต้อง !! ”
“ คะ ? ”
อ้าว...เหี้ยแล้วไงเผลอหลุดปากไปเองอีก อีละไมหน้าเหวองงไปเลย ผมรีบดึงสถานการณ์กลับมา ทำหน้าตึงเคร่งขรึมให้น่าเกรงขามที่สุด อย่าให้อีละไมมันรู้ ชักหน้าตึงไว้
“ ไม่อร่อยมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ ”
“ ค่ะ ”
ละไมเก็บโต๊ะแล้วไปนั่งกินข้าวในครัว ผมแอบมองมัน อีละไมดูไม่มีพิษไม่มีภัย ดูซื่อๆใสๆขนาดนี้ มันจะใช้ชีวิตในสังคมแวดล้อมการแก่งแย่งแข่งชิงดีชิงเด่นแบบนี้ได้ยังไงนะ แอบกังวลจริงๆ…
“ คุณภูคับ วีมาแล้วคับ ”
ไอ้บอยเข้ามาบอกผม เมื่อผมได้สั่งให้มันตามวี แฟนของมันที่เป็นพนักงานในร้านรุ่นๆเดียวกับมันเข้ามาพบผม ที่ผมให้มันสอนงานให้ละไม
“ ละไมทำงานเป็นไงบ้าง ? ”
“ น้องละไมเรียนรู้งานเร็ว ทำงานเก่ง ขยันด้วยค่ะ ”
“ นิสัยมันเป็นยังไงบ้าง ? ”
“ เรียบร้อย น่ารักมากค่ะ มีสัมมาคารวะกับรุ่นพี่ เข้ากับพนักงานคนอื่นได้ดีค่ะ ”
“ ดูแลละไมด้วย ”
“ ได้ค่ะ คุณภูดูเป็นห่วงน้องละไมแปลกๆนะคะ ” ไอ้วีมันมีย้อนถามผม
“ มึงกับไอ้บอยสมแล้วที่เป็นผัวเมียกัน เสือกเก่ง ”
“ วีแค่ไม่เคยเห็นคุณภูฝากงานกับวี แล้วดูเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้หนิคะ ”
“ ไอ้บอย มึงพาเมียขี้เสือกของมึงออกไปได้แล้วไป ”
ไอ้บอยพาไอ้วีออกไป นี่ผมออกอาการขนาดนั้นเหรอ ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ เด็กบ้านนอกเพิ่งเข้าเมือง มันก็ต้องเรียนรู้งาน มาทำเรื่องน่าอายที่ร้านอาหารผมมันจะเสียมาถึงเจ้าของร้านอย่างผมได้ก็แค่นั่นเอง แค่นั้นจริงๆนะ...
ไอ้แซกกับไอ้กันต์ เพื่อนสนิทมิตรวิศวะพากันมาที่ร้านอาหารของผม จุดประสงค์ของพวกมันไม่ใช่หิวแล้วมาฝากท้อง หรือคิดถึงมาเยี่ยมเยียนเพื่อนอย่างผมหรอก แต่จุดประสงค์ของพวกมันคือต้องการเสือกเรื่องของผม…
“ เป็นไงบ้างเพื่อนภู ว่าที่เจ้าบ่าว ”
มาถึงไอ้แซกส่งเสียงปากแซวเหมือนพวกขอส่วนบุญมาแต่ไกล
“ ต้องดัดชุดรอแล้วไหมว่ะ ” ตามมาด้วยไอ้กันต์ผู้ปากหมาไม่แพ้ไอ้แซก
“ ได้แซวกู มีความสุขมากขึ้นรึไง ”
“ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นฉุน ไม่แซวว่าที่เจ้าบ่าวอย่างมึงจะไปแซวใครว่ะ ”
“ ไอ้สั*แซก! ”
“ มึงก็ไปแซวมัน หิวว่ะ ไปในนั่งในร้าน หาไรกินฟังไอ้ภูเล่าเรื่องดีกว่า ”
ไอ้กันต์ที่ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องผมสักเท่าไหร่ ต้องพาพวกมันมานั่งในร้านโต๊ะค่อนข้างส่วนตัว เมื่อมีของกินก็ต้องมีเรื่องคุยสนทนาให้ได้อรรถรสและก็คงไม่พ้นเรื่องของผมอีกเช่นเคย
“ เด็กขัดดอกของเจ๊รำภาเป็นไงบ้างว่ะ ” ไอ้กันต์เริ่มเรื่องทันที
“ แค่เด็กบ้านนอกเข้ากรุง ”
“ มึงใช้วิธีเดิมอีกใช้ไหมว่ะ ” ไอ้แซกทีเอ่ยอย่างรู้จักผมดี
“ ใช้ไม่ได้ ”
“ หมายความว่าไงว่ะ ”
“ เออ…ไอ้แซกบอกว่าเจ๊รำภาบังคับให้มึงไปรับเด็กขัดดอกคนเดียว แต่มึงใช้วิธีเดิมไม่ได้ มันคือยังไงว่ะ ”
จะบอกเด็กขัดดอกคนนี้มันสวย มันน่ารัก มันหัวใจปึ๋งปั๋ง มันทำหัวใจเต้นผิดจังหวะ บอกออกไปแบบนี้มีหวัง พวกมันล้อผมยันชาติหน้าแน่
“ เจ๊รำภาบังคับสิว่ะ ร้านกูอยู่ในมือเจ๊แก ถ้าไม่พามากูได้เป็นคนพเนจรแน่ ” เห้อ…รอดูไป ถอนหายใจโล่ง
“ ว่าแต่เด็กขัดดอกที่ว่า คนไหนว่ะ ”
“ เออ…กูก็อยากรู้เหมือนไอ้กันต์ ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นใครแปลกตาเลย ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆมองหาละไม แต่ก็ไม่เจอเหมือนกัน
“ น้อง ! ”
โต๊ะตรงข้าม มีลูกค้าผู้ชายยกมือเรียกพนักงานในร้าน พนักงานคนที่วิ่งมาคือละไม ลูกค้าโต๊ะนั้นผู้ชายสี่คนทั้งโต๊ะ ท่าทางยิ้มกรุ่มกริ่มให้ละไมด้วย
“ ลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มคะ ? ”
“ เอาต้มยำกับข้าวผัดทะเลเพิ่มอย่างละหนึ่ง ”
“ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ ”
“ แต่น้องต้องเป็นคนมาเสิร์ฟเองนะ พวกพี่อยากให้น้องบริการ ” ละไมยิ้มแห้งๆให้ลูกค้าก่อนจะเดินรับออเดอร์เดินออกไปจากโต๊ะนั้น ถ้าผมอยากถีบลูกค้าตกเก้าอี้ มันจะดูเหี้*ไปไหม
“ น้องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมว่ะ ” ไอ้กันต์ก็ทายแม่นยังกับตาเห็น
“ รู้ได้ไง ”
“ ไม่เห็นต้องเดาอะไรมากมาย มึงหน้าดำหน้าแดงมองลูกค้าขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ” ไอ้แซกก็เป็นหมอดูอีกคน
“ กูไม่ได้คิดอะไร ”
“ ถ้าไม่คิดจะยอมให้มาอยู่ร่วมบ้านด้วยเหรอว่ะ ต่อให้เจ๊รำภาแม่มึงบังคับแค่ไหน แต่ถ้ามึงไม่ชอบใจ มึงจะทำทุกวิถีทางที่จะไม่ยอม ” พูดไม่ออกอีก ไอ้กันต์เล่นดักทางผมหมดแล้ว
“ ไม่ต้องเดาอะไรให้ปวดหัว ที่ครั้งนี้มึงยอมเจ๊รำภาเพราะมึงชอบเด็กขัดดอกคนนั้นใช่ไหมว่ะ ” ไอ้แซกก็อีกคน รู้ดีไปหมด ผมทำได้แค่สงบนิ่งเจียมตัว
“ มาร้านนี้หลายครั้ง เพิ่งจะเจอเพชรง๊ามงามเว้ย ” การสนทนาของไอ้ผู้ชายสี่คนที่คุยกัน ทำผมหันไปมองคอแทบหัก
“ อวบอั๋นแน่นไปหมดเลยเว้ย ”
“ ถ้ามีอย่างนี้ ต้องมาทุกวันแล้วเว้ย ”
“ น้องคนสวยมาแล้วเว้ย ” ผมหันไปมองเห็นละไมยกถาดอาหารกำลังจะเดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะนั้น ผมเห็นแบบนั้น
“ เอาถาดมาให้กู มึงไปนั่ง ”
“ ??? ” อีละไมคงสงสัย อยู่ๆผมก็เข้าไปขวางหน้ามัน ดึงถาดจากมือมันให้มันไปนั่งที่โต๊ะผม ก่อนที่ผมจะยกถาดไปให้ไอ้พวกนั้น
“ พอดีคนที่พวกคุณกำลังพูดแทะโลม เป็นผู้หญิงของผม ”
“ …………. ”
เอ่ยจบมองกราดพวกมัน แต่ละคนหน้าสลดเลิ่กลั่กไปหมด ก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆละไม ที่นั่งอยู่กับเพื่อนของผม
“ ถ้ามีลูกค้าผู้ชายแบบนี้ ให้คนอื่นดูแล เข้าใจไหม ? ”
“ แต่โต๊ะนี้เป็นโต๊ะรับผิดชอบของไมนะคะ ”
“ ละไม กูถามเข้าใจไหม ? ”
“ ไมเข้าใจค่ะ ”
“ ไปทำงานได้แล้ว ”
“ ค่ะ ”
ละไมเดินคอตกออกไป ที่อยู่ๆถูกผมดุอน่างไม่มีสาเหตุ ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย ฉุนเฉียวไปหมด แต่ไอ้กันต์กับไอ้แซกจ้องผมเป็นตาเดียว
“ ยอมรับมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงหึงหวงน้องละไม ” ไอ้กันต์ยิงคำถามมาแบบนี้เลย
“ อย่าพูดว่าไม่ใช่ ฟ้าผ่าตายห่าเลยนะเว้ย ” ไอ้แซกก็ย้ำอีก แต่ผมคนแมนๆซะด้วย
“ เออ…กูชอบอีละไม ”
“ ไอ้สั*เฮ้ย สุดท้ายคลั่งเด็ก ”
“ จบแล้วนายภูเขา แพ้ทางเด็กจนได้ ”