Chapter 10 เกี้ยวนาง
ยืนพักอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ อาการปวดแปลบจึงค่อยทุเลาลงจนนางสามารถก้าวเท้าออกเดินได้อีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อู่ฉานอิงเดินผ่านประตูหน้าบ้านขนาดใหญ่โดยมียามยืนรักษาความปลอดภัยโค้งคำนับในฐานะที่นางเป็น ‘นายหญิง’ คนใหม่
ใครเลยจะคิดว่ากิจการโรงเตี๊ยมจะทำให้ตระกูลโจวมั่งคั่งร่ำรวยได้ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่านอกจากการให้บริการห้องพักรายวัน รายเดือนแล้ว ยังมีภัตตาคารที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส มีโรงมหรสพขนาดใหญ่สำหรับคณะงิ้วที่จะผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงขับขานให้ความสำราญใจ แน่นอนว่าที่ไหนมีโรงมหรสพเหล่าขุนนางลูกหลานคหบดีมีฐานะดีก็ต่างตบเท้ามาที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าอะไรที่เป็นความบันเทิงสกุลโจวล้วนหยิบจับขึ้นมาเป็นเงินเป็นทองได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
และที่สำคัญกว่านั้นนางเคยได้ยินมาว่าโจวจือหยวนมีฝีมือทางด้านการประพันธ์ไม่น้อย เคยเขียนบทละครส่งให้คณะงิ้วต่างๆ จนได้รับความนิยมมาแล้วหลายเรื่อง
จนใครๆ ก็ต่างเรียกเขาว่า ‘เทพบุตรหน้าหวาน’ เพราะนอกจากจะรูปงาม ฐานะดี ยังมากไปด้วยความสามารถอีกด้วย
คนอย่างเขาจะหาหญิงงามปานล่มเมืองมาครองคู่ก็ย่อมได้ หรือจะแต่งกับลูกสาวขุนนางมีตระกูลก็ไม่มีใครขัดข้อง แต่เหตุอันใดเขาจึงจำเพาะเจาะจงเลือกที่จะแต่งงานกับนาง โดยการยื่นข้อเสนอใช้หนี้ให้บิดาเพื่อที่จะได้ตัวนางไปครอบครองนั้น นางเองก็ไม่อาจหาคำตอบให้กับความสงสัยในข้อนี้ได้
“นายหญิงกลับมาแล้ว เชิญพักผ่อนด้านใน”
สาวใช้รีบกุลีกุจอมาต้อนรับ แต่ฉานอิงกลับโบกมือไล่ขอให้นางได้เดินทอดอารมณ์คนเดียวในสวนกว้าง นั่นเพราะนางไม่เคยชินกับการมีสาวใช้คอยรองมือรองเท้าจนแทบไม่ต้องหยิบจับอะไร
ที่โรงเตี๊ยมสายน้ำ นางวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าจดค่ำแทบไม่มีเวลานั่งพัก ทำทุกอย่างในโรงเตี๊ยมไม่ต่างจากสาวใช้เลยแม้แต่น้อย ทว่าที่นี่แม้แต่น้ำอาบนางยังไม่ต้องต้มอาบเอง ทุกสิ่งอย่างมีคนคอยจัดสรรให้ราวกับเนรมิต
เสียงเหิงชุย[1]แว่วหวิวดังมาตามสายลมพัดอ่อนที่ปลิดปลิวเอาใบไม้สีทองใกล้ร่วงหล่นให้โรยราลงบนผืนหญ้าอย่างเชื่องช้า ฉานอิงก้าวย่างไปยังเบื้องหน้าด้วยใจเหม่อลอย ปล่อยให้เสียงเหิงชุยช่วยเยียวยาหัวใจที่กำลังสับสนให้สงบผ่อนคลาย
แต่แล้วดวงตากลมโตกลับวูบไหว เมื่อนางสืบเท้าตามเสียงเหิงชุยจนได้พบกับผู้บรรเลงเสียงแว่วหวาน เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดสีขาวสะอาด ผมดำขลับยาวตกกลางหลัง นิ้วที่จับเหิงชุยนั้นเรียวงามราวกับลำเทียน
หาใช่ใครที่ไหน ‘โจวจือหยวน’ สามีของนางนั่นเอง
ปฏิกิริยาฉับพลันคือแอบหลบหลังต้นไม้โดยเร็ว สายตายังคงจ้องจับไปยังผู้เป็นสามี ที่กำลังเป่าเหิงชุยได้อย่างไพเราะจับหัวใจ
นางเผลอเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงราวกับกำลังกดข่มความรู้สึกบางอย่างที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน คิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิดว่าชายผู้นี้เก่งกาจทุกศาสตร์ศิลป์เลยหรือ
มีสิ่งใดบ้างที่เขาทำไม่ได้
มีสิ่งใดบ้างที่เป็นจุดอ่อน
สักวันนางต้องหาให้พบแล้วใช้จุดอ่อนเหล่านั้นมาเล่นงานเขาเพื่อเป็นการแก้แค้นให้จงได้
ระหว่างที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงเหิงชุยได้เงียบหายไปพร้อมๆ กับร่างงามราวกับรูปสลัก นางชะงักด้วยความตกใจ กำลังจะหมุนกายมองหาก็ปะทะเข้ากับแผงอกกว้างเข้าอย่างจัง
ว้าย!
หวีดร้องได้เพียงเท่านั้นนางก็ถูกแขนข้างหนึ่งของสามีโอบกระหวัดเอาไว้แนบแน่น ก่อนจะพาทะยานขึ้นไปบนอากาศด้วยวิชาตัวเบา เหาะเหินออกไปจากบริเวณบ้านมุ่งตรงไปยังป่าห่างไกลร้างผู้คน
คนกลัวความสูงถึงกับผวาซุกหน้าลงกับอกกว้าง ยกสองแขนโอบรัดต้นคอแข็งแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้แน่น แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะดื้อซนราวกับลิงป่า ทว่าหลังจากอุบัติเหตุพลัดตกเขาในครั้งนั้น นางก็กลายเป็นคนกลัวความสูงไปโดยปริยาย
ฉานอิงรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ ยิ่งหากรู้สึกว่าตนกำลังเสี่ยงอันตรายความกลัวในใจก็จะยิ่งทวีคูณ นั่นเพราะนางไม่อยากกลับไปนอนเป็นหญิงพิการติดเตียงถึงห้าปีอีกต่อไปแล้ว
โจวจือหยวนทะยานขึ้นไปบนต้นเฟิ่งซู่[2]สีแดงที่กำลังทิ้งใบร่วงโรยลงบนผืนหญ้าสีเขียวขจี กอปรกับวันนี้ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอก สถานที่แห่งนี้จึงยิ่งงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดชวนฝัน
ชายหนุ่มทอดกายนั่งลงบนกิ่งที่ใหญ่ที่สุดก่อนจะเริ่มเป่าเชิงหุยอีกครั้งด้วยใบหน้าแย้มยิ้มฉายชัดว่าเขากำลังอารมณ์ดีไม่น้อย
ทำนองระรื่นหูทำให้คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เหลียวมองไปรอบกายคลายความหวาดกลัวเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น นางพบว่าตนเองนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม โดยที่สองแขนแข็งแกร่งของเขาโอบประคองร่างของนางเอาไว้ราวกับหวงแหน
แปลก...เวลานี้นางกลับไม่รู้สึกกลัวความสูงสักนิด
คนตัวเล็กนั่งนิ่งโดยไม่โวยวาย เอียงใบหน้าเล็กน้อยฟังบทเพลงจากเหิงชุยที่แสนไพเราะ พลันใบหน้าก็แดงระเรื่อเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังบรรเลงเพลงใดอยู่
‘เกี้ยวนาง’
บทเพลงอ่อนหวานชมโฉมสาวงาม ออดอ้อนขอความรักจากชายที่หมายปองนางราวกับดอกฟ้ามานานแสนนาน เพลงนี้นิยมกันมากในวังหลวง เหล่าขุนนางต่างฝึกเป่าเหิงชุยเพลงนี้กันถ้วนหน้า ทว่าไม่ง่ายเลยที่จะหาผู้ใดเป่าได้ไพเราะชวนหลงใหล
ทว่าจือหยวนกลับบรรเลงได้อย่างน่าฟังยิ่งนัก…
บ้าที่สุดเลย! ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง แล้วทำไมข้าต้องรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าเช่นนี้ด้วยเล่า
[1] ขลุ่ยโบราณ
[2] ต้นเมเปิ้ล