ตอนที่ 1 พ่อหนุ่มเมืองละโว้ (1)

1366 Words
“พี่ผัน คุณพ่อท่านไปแล้วฤา” เสียงใสตะโกนเบาๆถามบ่าวคนสนิทจากบนเรือน เมื่อเห็นว่านางผันพยักหน้าเป็นคำตอบ ผ้าแพร่ห่อนอนที่ถูกผูกติดไว้สามผืนจึงถูกส่งลงไปด้านล่างของเรือนให้บ่าวเป็นคนรับและคอยดูต้นทาง “ระวังหนาเจ้าคะ” นางผันรีบเตือนเมื่อเห็นว่าทางสะดวกโล่งโปร่ง จอมจันทร์จึงรีบปีนหน้าต่างไต่เชือกลงมาช้าๆโดยที่ไม่ลืมนุ่งโจงกระเบนให้ถนัดเสียก่อน “พี่ผันมิต้องห่วงข้าดอกหนา พี่ดูต้นทางต่อไปเถิดประเดี๋ยวจักมีคนเห็นจนความใหญ่ไปเสียนี่” เสียงปรามของจอมจันทร์หาได้ทำให้นางผันคลายความกังวลใจลงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะเดินตรวจดูโดยรอบแล้วว่ามิมีบ่าวไพร่เข้ามาทำงานบริเวณนี้แต่ความเกรงว่าคุณหนูจักพลาดท่าตกลงมานั้นมีมากกว่าหลายเท่านัก นางผันได้แต่เงยหน้าขึ้นมองตรงประตูห้องซึ่งมีจอมจันทร์กำลังไต่ผ้าแพรต่างเชือกลงมาช้าๆอย่างใจจดใจจ่อ กระทั่งสัมผัสได้ถึงเสียงกระแอมไอของบุรุษหนุ่มรูปงามที่ตอนนี้กลายมาเป็นแขกคนโปรดของบ้านนี้ไปเสียแล้ว “ท่านขุน!” นางผันอุทานเสียงแผ่วเบาพลางเงยหน้าขึ้นมองคุณหนูของนางซึ่งยังคงก้มหน้าก้มตาปีนป่ายโดยมิได้รับรู้ถึงการมาเยือนของแขกคนใหม่แต่อย่างใด “ทำกะไรกันอยู่ฤา” ขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาเงยหน้าแหงนมองร่างบางตามนางผันบ้าง คนด้านบนเมื่อได้ยินเสียงของบุรุษที่ตนชังขี้หน้าซึ่งตนจำได้ดี ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้างด้วยความตกใจพร้อมกับค่อยๆหันไปมองตามต้นเสียงราวกับไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อครู่ “ท่านขุน!” เสียงร้องลั่นดังขึ้นทันทีที่หันไปเห็นร่างสูงของขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชา หญิงสาวตกอกตกใจจนเผลอใช้มือเรียวขึ้นมาปิดปากเพราะเกรงว่าตัวเองจะส่งเสียงดังจนบ่าวไพร่คนอื่นได้ยิน ประเดี๋ยวจะพาลพาให้แผนพังกันเสียพอดี โดยลืมไปเสียสนิทว่ามือนั้นตนใช้จับผ้าแพรในการปีนหนีลงจากเรือน “กรี๊ด!” ชั่วพริบตาร่างบางระหงของตนจึงตกลงมาสู่พื้นท่ามกลางเสียงร้องตกใจของตัวเองและนางผัน อีกไม่นานร่างของเธอคงต้องร่วงลงไปปะทะเข้ากับพื้นดินแข็งๆข้างล่างเป็นแน่ คิดเช่นนั้นดวงตาคู่งามจึงรีบปิดลงเพื่อรอรับแรงกระแทกทันที พลั้ก! ไม่ทันที่หญิงสาวจะปะทะเข้ากับพื้นดินแข็งๆอย่างที่คิดไว้ ขุนศรีพันศรจึงรีบคว้าร่างบอบบางนั้นไว้ได้ทันเสียก่อน จอมจันทร์จึงตกลงมาทับร่างแกร่งกำยำของบุรุษหนุ่มเข้าเต็มแรงจนร่างสูงรู้สึกจุกเล็กน้อยเพราะเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหลักล้มลงไปนอนหงายบนพื้นโดยมีร่างเล็กนอนทับอยู่ด้านบนจนนางผันและนายอ่ำบ่าวที่ติดตามชายหนุ่มมารีบก้มหน้างุดกันพัลวัน “เจ็บตรงไหนฤาไม่” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามในขณะที่ร่างเล็กพยายามดันอกกว้างของเขาเพื่อประครองร่างให้ยืนขึ้นแต่ทว่ากลับโดนแขนแข็งแรงของคนที่ตนตราหน้าว่าเป็นพ่อเสือแห่งกรุงศรีโอบกอดแผ่นหลังบางไว้แน่น “ข้ามิเจ็บ แต่ท่านต่างหากจักเป็นฝ่ายเจ็บตัวหากมิยอมปล่อยข้าเสียที” ใบหน้าหวานค้อนขวับก่อนจะออกแรงทุบลงบนอกแกร่งนั้นอีกคราจนกระทั่งเป็นอิสระในที่สุด จึงรีบลุกขึ้นจัดผ้าผ่อนสไบให้เข้าที่เพราะเกรงว่ามันจะหลุดลงไปกองอยู่ปลายเท้า “เจ้าทำกะไรอยู่ฤา ข้ามิเคยเห็นหญิงใดทำท่าเหมือนเจ้าเมื่อครู่นี้เลย” ร่างสูงชายตาขึ้นมองผ้าแพรต่างเชือกสลับกับใบหน้างามพร้อมของคนตัวเล็กด้วยความใคร่รู้ “หาใช่ธุระกงการอะไรของท่านไม่...ไปกันเถิดพี่ผัน ประเดี๋ยวจักไม่ทันการ” จอมจันทร์หันมาค้อนขวับแล้วหันไปพยักหน้ากับบ่าวคนสนิท จากนั้นจึงพากันเดินลัดเลาะไปทางหลังเรือนโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่กำลังเดินตามหลังมาแม้แต่น้อย กระทั่งแน่ใจแล้วว่าขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาไม่ยอมเลิกรากับตนง่ายๆ ร่างเล็กจึงหยุดเดินแล้วหันมาส่งสายตาพิฆาตให้ร่างสูงนั้นอีกครา “เหตุใดท่านตามข้ามา หากท่านใคร่จะพบพ่อข้า คุณพ่อไม่อยู่ดอกหนาไปราชกาล ค่ำๆถึงจะกลับเรือน” “ข้ามิได้มาหาท่านพระยารามดำรงดอกหนาแต่ข้ามาหาเจ้าต่างหากเล่า” ใบหน้าคมคร้ามตามแบบฉบับของหนุ่มไทยโน้มตัวลงหาร่างเล็กช้าๆ ยิ่งได้มองดวงหน้าที่งามพิสุทธิ์นี้ใกล้ๆมันกลับยิ่งทำให้เขามิอาจจะละสายตาได้ลงเลยสักครา “มาหาข้าด้วยเรื่องอันใด หากเป็นเรื่องออกเรือน ข้ายังยืนกรานคำเดิมว่าข้ามิอาจออกเรือนกับท่านได้ดอกหนา” พูดจบจึงหันไปเดินตามทางเดินเล็กๆนั้นต่อแต่ทว่ามือเล็กของตัวเองกลับถูกบุรุษที่ตนแสนเกลียดชังน้ำหน้าคว้าเอาไว้เสียก่อน ถึงแม้จะเห็นท่าไม่ดีแต่นางผันก็ทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้านิ่งเท่านั้น “ท่านจักทำอันได ปล่อยข้า!” “ข้ามิรู้ ว่าเจ้ารังเกียจข้าด้วยเรื่องอันใด แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าเจ้าคือคนเดียวที่ข้าใคร่จะออกเรือนด้วยหนา” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “กลับไปบอกบบรรดาเมียบ่าวของท่านเถิดหนา ปล่อยข้าประเดี๋ยวนี่” ถึงแม้จะพยายามดิ้นหนีจากการกอบกุมมากเพียงใด ดูเหมือนว่ามือหนาจะยิ่งออกแรงบีบมันแรงมากขึ้นเท่านั้น “ข้ามีเมียมากโขอยู่ก็จริง แต่ข้ามิเคยยกผู้ใดขึ้นมาออกนอกหน้าเลยหนา หากเจ้าตกลงปลงใจกับข้า จักให้ข้ามีเจ้าแค่คนเดียวก็ย่อมได้ วันมะรืนนี้ข้าจักให้บิดามาสู่ขอเจ้าให้ถูกต้องตามธรรมเนียมหนา” “ข้ามิต้องการมันดอกเจ้าค่ะ ปล่อยข้าเถิดข้ามีกิจต้องทำ” พูดจบจึงสะบัดมือออกจากการกอบกุมจนสำเร็จ แล้วจึงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินข้างลำคลองอย่างยากลำบากเพราะเมื่อคืนมีฝนห่าใหญ่ตกลงมาจึงทำให้หนทางเปียกแฉะเดินลำบากจนแทบจะลื่นตกคลองอยู่หลายครา “ข้ารักเจ้าหนาแม่จอมจันทร์ รักตั้งแต่แรกเห็น” ขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาได้แต่พรรณนาออกมาเสียงแผ่วเบาตามแผ่นหลังบางของร่างเล็กไม่ว่าจะพยายามเช่นไรดูเหมือนแม่จอมจันทร์ก็ยังไม่ยอมเปิดใจให้เขาอยู่ดี แต่หากว่าได้ตกลงกับทางผู้ใหญ่แล้วต่อให้ต้องฝืนใจแค่ไหนเขาก็คงต้องทำเพราะนอกจากอานิสงค์จากการออกเรือนครั้งนี้จะทำให้เขาได้นางมาเป็นเมียแล้วนั้น ยังส่งผลต่องานทางราชกาลของเขาอีกด้วยเช่นกัน “กระผมว่าท่านขุนลองไปเดินเที่ยวชมตลาดแถวนี้ดูเสียหน่อยไหมขอรับ ได้ข่าวว่าข้าวของกรุงศรีสวยงามล้ำค่านัก จักเป็นการฆ่าเวลารอแม่นายจอมจันทร์กลับมาด้วยขอรับ” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายยังคงจ้องมองชายสไบที่หายลับไปตรงทางแยกอีกทางอย่างไม่ละสายตา นายอ่ำซึ่งเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทจึงเสนอขึ้น “รู้ดีเสียจริงนะเอ็ง” ขุนศรีพันศรหันมาเอ็ดบ่าวเบาๆ จากนั้นจึงยอมเดินไปทางที่นายอ่ำว่าอย่างเงียบๆถึงแม้สายตาจะยังคงจับจ้องไปอีกทางก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD