บทนำ คลุมถุงชน (1)
เสียงดนตรีปี่พาทย์ดังขับกล่อมไปทั่วบริเวณเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาบรรเลงเครื่องดนตรีของตัวเองอย่างมีความสุข ในขณะที่นางรำต่างกรีดกรายร่ายรำอยู่ข้างๆอย่างสวยงามไปตามจังหวะเสียงเพลง สายลมในยามสายพัดพาสไบจนพลิ้วไหวไปอย่างสวยงาม
ทั้งท่วงท่า ลีลา การกรีดนิ้วที่แสนนุ่มนวลและอ่อนโยนแต่ยังคงมีท่าทีดุดันแข็งแกร่งซ่อนอยู่ ใบหน้าขาวใสอมชมพูของนางรำที่กรีดกรายอยู่ตรงกลางขยับท่าทางไปตามจังหวะเพลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้ร่ายรำ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวอย่างสวยงามด้านในอย่างชัดเจน ดวงตากลมโตชม้ายมองปลายนิ้วเรียวของตัวเอง เอวบางบิดพลิ้วโยกตัวไปตามจังหวะจะโคน ผมทรงมหาดไทยที่ถูกปล่อยชายสยายไปทั่วแผ่นหลังอย่างสวยงาม
ด้วยความชอบร่ายรำเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่เด็ก ‘จอมจันทร์’ หญิงสาวร่างบางระหงผู้เป็นถึงบุตรสาวของพระยารามดำรงภักดีจึงมักใช้เวลาว่างปลีกตัวมาหัดฟ้อนรำที่นี่อยู่เป็นประจำถึงแม้ผู้เป็นบิดาจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก เพราะเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนครั้งที่คุณหญิงผ่องจันทร์ผู้เป็นมารดาซึ่งเป็นถึงนางรำหลวง แต่ครั้นถูกพระราชทานให้เป็นเมียเอกแก่บิดาจึงต้องออกจากวังมาสร้างโรงละครริมแพใกล้เรือนใหญ่เพื่อใช้ฝึกสอนบรรดาบุตรของขุนนางและลูกของบ่าวไพร่ที่ชื่นชมโดยมิได้หวังผลตอบแทนแต่อย่างใด จอมจันทร์เองจึงได้อานิสงค์ร่ำเรียนมากับมารดาตั้งแต่เล็กจนโต เพื่อหวังว่าจะได้เป็นนางรำหลวงเฉกเช่นมารดา ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะจากไปแล้วก็ตาม
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหญิงท่านเรียกหาเจ้าค่ะ” เสียงดนตรีหยุดชะงักทันทีเมื่อนางผัน บ่าวรับใช้คนสนิทของจอมจันทร์วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมาตามคุณหนูของนางซึ่งกำลังร่ายรำอย่างมีความสุข
“เรียกข้าฤา” จอมจันทร์เอียงคอถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหลังจากที่ปลีกตัวเดินออกมาจากวงรำ
“เจ้าค่ะ คุณท่านก็กลับมาแล้ว คุณหนูรีบกลับเรือนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” นางผันก้มหน้าตอบผู้เป็นนายตัวสั่นเพราะเกรงว่าโทษทัณฑ์จะลงกบาลหากผู้เป็นประมุขของบ้านรู้ว่าแม่นายจอมจันทร์แอบมาร่ายรำที่คณะแห่งนี้อีก
“ไปราชการคราวนี้ เหตุใดคุณพ่อถึงกลับเร็วนัก” จอมจันทร์ครุ่นคิดอยู่เพียงครู่จากนั้นจึงหันไปบอกคนอื่นๆให้ฟ้อนรำกันต่อ ส่วนตัวเองก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งพาเรือนร่างแสนบอบบางของตัวเองขึ้นไปบนเรือนหลังใหญ่ตามบัญชาของคุณหญิงผกาผู้เป็นเมียกลางเมืองคนใหม่ของบิดาอีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งมารดาของเธอด้วยเช่นกัน
ร่างบางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆข้างคลองที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นัก ซึ่งตนมักใช้เส้นทางหนีแอบหนีไปร่ายรำที่โรงละครริมแพอยู่เป็นประจำเพราะระยะทางที่ใกล้อีกทั้งยังใช้ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่เต็มสองข้างทางหลบสายตาจากบ่าวไพร่ในเรือนได้ดีอีกด้วย กระทั่งสองเท้าเล็กก้าวข้ามผ่านธรณีประตู ดวงตาคู่งามก็ต้องเบิกโพลงเมื่อเห็นบุรุษหนุ่มกำลังนั่งเคียงข้างกับบิดาอย่างสง่าผ่าเผย ร่างนั้นชำเลืองมองมายังหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะแกล้งก้มลงจิบน้ำชาต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว! มาแล้วฤาแม่จอมจันทร์ มากงนี้ก่อนสิ พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” พระยารามดำรงภักดีผู้เป็นบิดาผินหน้าไปยังที่ว่างข้างกายคุณหญิงผกาเพื่อเชื้อเชิญให้หญิงสาวเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วย แม้จะยังแปลกใจที่เห็นบุรุษหนุ่มอีกคนมานั่งเคียงข้างบิดาแต่จอมจันทร์ก็จำต้องพาร่างตัวเองเข้าไปกระแทกก้นนั่งบนพื้นข้างบิดาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณพ่อมีเรื่องอันใดจะพูดกับลูกฤาเจ้าคะ” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ถึงกระนั้นจอมจันทร์ก็ยังคงแกล้งถามเสียงไสต่ออย่างยี่หระ
“ก็เรื่องที่พูดกันไว้อย่างไรเล่า นี่ท่านขุนก็อุตส่าห์มาจากเมืองละโว้เพื่อมาหาเจ้าเลยหนา” คุณหญิงผกายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลื้มปริ่มที่ขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาอุตส่าห์มาเยี่ยมเยือนถึงเรือน นับตั้งแต่พาแม่หญิงจอมจันทร์ไปเที่ยวงานสงกรานต์ที่วัดเมื่อครั้งก่อน ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะพึงพอใจนางอยู่ไม่น้อยถึงขนาดที่ว่าหอบผ้าผ่อนมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้งเพื่อจะมาทาบทามสู่ขอบุตรสาวของสามีไปตบแต่งเป็นเมียเอกถึงแม้ว่าหญิงสาวจะปฏิเสธเสียทุกครั้งก็ตาม
“เมืองละโว้มิมีแม่หญิงที่งามต้องตาเลยสักคนหรือเจ้าคะ หรือว่าท่านขุนจะหมายตาจนทั่วแล้วถึงได้อุตส่าห์มาหาข้าที่อยุธยาเช่นนี้...” เสียงตอบกลับอย่างไร้เยื่อใยจนทำให้ขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาผงะนิ่งไปชั่วครู่
“แม่จอมจันทร์!” พระยารามดำรงภักดีเอ็ดเบาๆ
“ก็เพราะมีกิริยาเช่นนี้อย่างไรล่ะเจ้าคะคุณพี่ ถึงได้เป็นสาวเทื้อขายไม่ออกอยู่เช่นนี้” เมื่อเห็นพระยารามดำรงภักดีขู่เสียงเข้ม คุณหญิงผกาจึงได้ทีสุมน้ำมันลงบนกองไฟ
“ว่าอย่างไรล่ะแม่จอมจันทร์” บิดาเอ่ยถามอีกครั้งจนร่างบางสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ริมฝีปากบางและลำคอแห้งผากขึ้นมาทันที
“ข้าไม่แต่งเจ้าค่ะ ข้ายังยึดมั่นเช่นเดิม” ” เจ้าของดวงหน้าที่งดงามพิสุทธิ์ถึงแม้จะบึ้งตึงเล็กน้อย ชายตามองไปยังร่างสูงของขุนศรีพันศรฤทธิ์เดชาอย่างนึกเกลียดชัง บุรุษผู้นี้ภายนอกเขารูปงามเสียจนน่าเข้าหา ทั้งดวงหน้าแววตาอีกทั้งรูปร่างกำยำสันทัดตามแบบฉบับของชายชาตรีผิวพรรณข่าวผุดผ่องยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบมากเสียจนบรรยายออกมาไม่ได้ แต่ทว่าดวงตาสีดำขลับคู่นั้นกลับดูน่าเกรงขามอย่างแปลกประหลาด