“เฮ้ยๆ เข้าเรื่อง สรุปมึงไอ้กูร ไอ้คริสต์ ว่าไง โรงงานปาล์มของพวกมึงอะได้รับผลกระทบยังไงบ้าง บอกมา เพราะพวกกูอะอยากรู้ โดยเฉพาะมึงไอ้คริสต์ ไหนๆ มึงก็กลับมาอยู่เมืองไทยถาวรแล้ว มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน นานๆ เจอกันทีโว้ย! จะได้รู้ไว้ก่อนว่าจะช่วยกันยังไงบ้าง หรือถ้าพวกมึงคนไหน คิดจะทำการตลาดก็บอกกูมา กูจะให้ทีมที่ห้างมาช่วย”
เด่นชัยลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของจังหวัดถามเพื่อนๆ ด้วยความห่วงใย คริสต์มองสบตากับอังกูรก่อนจะเป็นฝ่ายพูด
“พ่อกูเอาสต๊อกปาล์มดิบออกมาผลิตขายในประเทศไปก่อน เพราะเห็นใจคนซื้อว่ะ น้ำมันขวดละไม่ถึงห้าสิบบาท กลายเป็นเจ็ดสิบถึงแปดสิบบาท แบบนี้คงสู้ไม่ไหว แต่ถ้าจะให้บ้านกูตรึงราคาไว้เจ็ดสิบบาท มันก็ไม่ไหวเหมือนกันว่ะ พ่อกูกับพ่อไอ้กูรคุยกันว่าจะส่งออกเพิ่ม ส่งไปขายข้างนอกได้ราคาดีกว่าขายในบ้านเราอีกนะ ไม่งั้นเราก็อยู่ไม่ไหวเหมือนกัน คนงานอีกตั้งเท่าไร จะอุ้มไหวเหรอ ไม่มีใครช่วย ก็ต้องช่วยเหลือกันเองล่ะวะ”
“ใช่ ปาล์มดิบเคยโลละสี่ถึงแปดบาท นี่ขึ้นไปสิบสามบาท พ่อกูก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน” อังกูรอธิบายให้เพื่อนฟังเพิ่มเติม
“ลำบากไปหมดแฮะยุคนี้”
“แล้วถึงยุคลูกเรา จะลำบากมากกว่านี้หรือเปล่าวะ”
“มึงคิดจะมีลูกด้วยเหรอ กูไม่คิดมีว่ะ”
“แปลว่ามึงไม่อยากมีเมีย”
“อยากมีโว้ย! เมียนะ อยากมีจนจะเหี่ยวอยู่แล้ว แต่ไม่มีลูกได้เปล่าวะ”
เพื่อนๆ ที่ต่างพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ แต่เด่นชัยกลับมองหน้าคริสต์และอังกูรสลับกันไปมา
“ไอ้ชัย มึงมองหน้าพวกกูทำไมวะ”
คริสต์ถามหันมองหน้าอังกูรเชิงจะถามว่าเห็นเหมือนกันใช่ไหม อังกูรพยักหน้าแล้วหันมาจ้องหน้าเด่นชัยอีกคน
“กูว่า... มึงอ่ะไอ้คริสต์ เหมาะจะเรียกไอ้กูรว่าพี่ชายมากที่สุดว่ะ”
“ทำไมวะ”
“ก็มึงคิดดู บ้านมึงทำปาล์มน้ำมันเหมือนกัน มึงคิดอะไรก็คิดเหมือนกัน พ่อแม่มึงก็ต้องปรึกษาเรื่องงานกัน ถ้าครอบครัวมึงดองกันนะ เรือล่มในหนอง หนองก็อยู่ในเรือสิวะ”
อังกูรหลุดขำ แต่คริสต์ไม่รับมุก
“ไอ้ชัย มึงพูดอะไรให้เกียรติน้องไอ้กูรบ้าง กูไม่ได้รู้จักน้องเขาเลย”
“แต่กูรู้ไง เชื่อกู น้องแองจี้เนี่ยเหมาะกับมึงที่สุดแล้ว”
“ไอ้พวกนี้ กูร มึงห้ามพวกมันสิ นี่งานพบเพื่อนเก่านะโว้ย! ไม่ใช่งานหาคู่”
คริสต์หันหาตัวช่วย เพราะสีหน้าครุ่นคิดของอังกูร เขาไม่ชอบเลย และถ้ามันตอบตกลง เขาจะกล้าปฏิเสธมันเหรอ ไม่อยากผิดใจกับเพื่อนเรื่องผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นดันเป็นน้องสาวเพื่อนสนิท
“กูก็ว่าดีว่ะ ในบรรดาเพื่อนกู กูอยากได้มึงเป็นน้องเขยที่่สุด”
“เฮ้ย! ไอ้บ้ากูร มึงเล่นกูแล้ว”
“ไม่เอาจริงเหรอ น้องกูสวยนะโว้ย!”
“สวยกูก็ไม่สน!” ตอบโดยเร็วทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่า ‘สวยแต่อ้วนไม่เอาโว้ย!’
“เดี๋ยวมึงรอเจอหน้าน้องกูก่อน แล้วมึงค่อยมาตอบกูว่าเอาหรือไม่เอา เดี๋ยวน้องกูก็มาแล้ว”
“มา... น้องมึงจะมาที่นี่เหรอ”
“เออสิวะ ก็น้องกูนัดปาร์ตี้สาวโสดอยู่ทางฟากโน้น เดี๋ยวกูจะแนะนำให้มึงรู้จัก”
น้ำเสียงและสีหน้าหนักแน่นของอังกูรเริ่มทำให้คริสต์หายใจไม่ทั่วท้อง ไม่อยากมีความรู้สึกแบบนี้เลย ได้แต่โทษว่าพวกเพื่อนๆ เขานี่ปากไม่ดีกันทั้งนั้น และถ้าน้องสาวของอังกูรเกิดชอบเขาขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำยังไง จะปฏิเสธแบบไหนที่จะไม่ผิดใจกับเพื่อน
“แต่กูบอกไว้ก่อนเลยนะมึง ถ้ากูไม่ชอบน้องมึง มึงห้ามโกรธกูนะ เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้นะโว้ย!”
“เออ... กูรู้ กูจะโกรธมึงทำไม กูก็แค่แนะนำ ส่วนมึงจะปิ๊งปังกันหรือเปล่าก็เรื่องของมึงนั่นแหละ น้องกูนางไม่ใช่คนที่จะบังคับได้ง่ายๆ นะโว้ย ยิ่งหล่อนสวยเลือกได้ มึงคิดเหรอว่านางจะสนใจมึงอะ ไว้มึงรอดูหน้านางก่อนเถอะ มึงค่อยมาพูดคำนี้กับกูอีกที”
แค่ได้ยินว่า ‘สวยเลือกได้’ และเหมือนจะรู้ตัวว่าเขาอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้นก็ทำให้คริสต์กระวนกระวายใจแบบแปลกๆ เพราะไม่อยากเป็นตัวเลือกของใครอีกแล้ว เขาอยากเป็นตัวจริง ที่ผู้หญิงคนนั้นจะมีใจให้เขาเพียงคนเดียว
ดวงตาคมเข้มชำเลืองไปยังซุ้มประตูทางเข้าของโซนร้านอาหารบ่อยครั้ง ขอให้ได้เจอหน้าเด็กอ้วนที่เพื่อนๆ เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยก่อนเถอะ คงได้คำตอบ
“เฮ้! แองจี้! ทางนี้!”
‘อรรัมภา’ หันหาที่มาของเสียงที่ดังขึ้นในทันทีที่หล่อนก้าวเข้ามาภายในบริเวณรีสอร์ต และเมื่อเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มอ่อนหวานก็ระบายไปทั่วทั้งใบหน้า มือคล้องแขนผู้ชายด้านข้าง เอียงคอมองเขาอย่างแสนน่ารัก พลางเอ่ยชวน
“ไปทางโน้นกันค่ะพี่กานต์ ไหมรออยู่แล้วค่ะ”
“อ้าว... แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ของแองจี้ล่ะ”
‘กานต์’ มองไปยังโต๊ะที่เพื่อนสนิทของคนรักโบกไม้โบกมือเรียก แต่ที่บอกว่ามากัน 5 คน ทำไมมีแค่คนเดียว
“เดี๋ยวก็ตามมากันค่ะ เพราะเราอะนัดกันแล้ว คืนนี้ไม่เช้าไม่เลิกนะคะ นานๆ ทีพี่กานต์จะได้พาแองจี้ออกมาข้างนอกบ้าง”
“จ้ะ”