หมึกสีดำหยดลงบนกระดาษจนเกิดรอยด่าง แต่กระนั้นมือที่จับพู่กันอยู่นั้นยังคงนิ่งไม่รับรู้สิ่งใด จนกระทั้งจางหยวนแสร้งกระแอมไอ กัวจื่อหรานจึงตื่นจากภวังค์ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยมองดูรอยด่างบนกระดาษแล้ววางพู่กันลง “ใต้เท้าทำงานหนักติดต่อมาสามสี่วันแล้ว น่าจะพักผ่อนบ้างนะขอรับ” จางหยวนรวบรวมความกล้าเอ่ยถาม “หรือจะให้บ่าวเข้าไปดูความเคลื่อนไหวบ้านเศรษฐีหลินดีหรือไม่” ดวงตาคมกริบตวัดมองราวกับคมกระบี่ ทำให้จางหยวนเสียวสันหลังวาบแล้วหลุบตามองเท้าตนเอง ‘บ่าวแค่หวังดี ใต้เท้าอย่าเชือดเฉือนด้วยสายตาเช่นนี้เลย’ กัวจื่อหรานลุกขึ้นยืน สายตาเหลือบไปยังมุมห้อง ดอกกล้วยไม้ส่งกลิ่นหอมอ่อนจาง เขาคิดถึงหญิงสาวผู้นั้น นางเหมือนดอกกล้วยไม้ป่า งามสง่าและส่งกลิ่นหอมชวนให้ใจสงบ แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ครอบครองดวงตาดื้อรั้นไม่ยอมจำนน ริมฝีปากที่แสนหวานฉ่ำและยังมีเ