เพราะการหายไปของ 'ไข่มุกน้ำตาจันทรา'
ทำให้ กัวจื่อหรานได้พบกับหลินอวี้เจิน
เขาต้องตามหาไข่มุกล้ำค่ากลับคืนสู่ตระกูล
ทว่าเขากลับพบว่าสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าคือนางที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
......................
หลินอวี้เจิน ในวัยสิบเจ็ดปี นางเป็นบุตรสาวของหลินยี่ห้าน เจ้าของสำนักศึกษาเล็กๆ แห่งหนึ่ง มารดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางอายุไม่ถึงสิบขวบ แต่กระนั้นบิดาก็มิได้แต่งภรรยาใหม่ บิดาทุ่มเทให้กับสำนักศึกษาของตนและเลี้ยงดูนางตามลำพัง “หลินอวี้เจิน” หมั้นหมายกับ“ติงกว่างอาน” เขาเป็นศิษย์เอกของบิดา ทว่าเรื่องพลิกผลัน ติงกว่างอาน กลับไปแต่งงานกับ “หลินชูซิน” ญาติผู้น้องของนางเอง ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินทางมาตันหยางเพื่อพบท่านลุงใหญ่-หลินเหิงอี้ เพียงเพื่อรักษาบาดแผลในใจ
‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’ สมบัติล้ำค่าประจำตระกูลกัว แต่กลับหายไป ร่องรอยสุดท้ายหยุดอยู่ที่หลินเหิงอี้
กัวจื่อหรานประมุขสกุลกัวและยังเป็นเจ้าเมืองตันหยาง เขาจำเป็นต้องใช้ทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ไข่มุกประจำตระกูลกลับมา แม้ต้องบุกค้นเข้าห้องนอนของหญิงสาวก็ตามที
หลับ?
นางหลับในอ่างอาบน้ำ!
มีผู้ใดหลับในอ่างอาบน้ำเช่นนี้เล่า!
กัวจื่อหรานยืบเสื้อคลุมของหญิงสาวสะบัดไปมาแล้วโยนขึ้นเหนืออ่างอาบน้ำ เพียงพริบตาเขาก้มตัวช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นจากน้ำ ยื่นมือไปรับเสื้อคลุมที่ค่อยๆ ล่วงหล่นลงมา ตวัดข้อมือเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถใช้เสื้อคลุมของนางห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่าได้มิดชิด เขาอุ้มนางที่ยังถลึงตามองเขาแต่ใบหน้าหวานนั้นแดงจัดราวคนป่วยไข้
“จุ๊ๆ อย่าจ้องหน้าหน้าผู้มีพระคุณเช่นนี้” เขาเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ อุ้มร่างนุ่มนิ่มไปวางไว้บนเตียง
มารดาเถอะ! ผู้มีพระคุณอะไรกัน! เจ้าโจรลามก!
แล้วสายลมแห่งฤดูกาลก็นำโชคชะตาของคนแปลกหน้ามาผูกพัน