“สองปีก่อนลุงถูกโจรดักปล้น โชคดีที่นายกองจงผ่านมาพอดีจึงช่วยเหลือลุงไว้” หลินเหิงอี้เล่าคราวๆ จงเหลียงโสว่เป็นชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเขาเกือบยี่สิบปี แต่มีนิสัยซื่อตรง ไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด เขาชื่นชอบนิสัยของชายหนุ่มผู้นี้จึงคบหาเป็นสหาย “เช่นนั้นหลานไม่รบกวนท่านลุงใหญ่กับนางกองจงแล้ว” หลินอวี้เจินได้แต่ยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท นางเห็นรอยแผลของอีกฝ่ายแล้วไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร เพียงแต่คิดว่าไม่เหมาะนักที่ตัวเองจะอยู่ที่นี่จึงคิดจะถอยออกไป แต่ท่านลุงใหญ่กวักมือเรียกไว้ก่อน “มาแล้วก็มานั่งนี่ก่อน ลุงเห็นหลานยังไม่ออกจากห้องก็คิดว่าเจ้ายังพักผ่อนอยู่จึงไม่ได้เรียกมาพบ ว่าแต่ไม่สบายดีขึ้นหรือไม่” “หลานดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับนายกองจงที่เอาแต่ยิ้มเก้อเขินจนนางต้องกลอกตามองทางทางท่านลุงใหญ่ “แม่นางหลินไม่สบายหรือ?” จงเหลียงโส่วเอ่ยถามอย่างเพิ่งนึกได้