ฝ่ายคนที่โทรหาได้แต่อ้าปากค้าง เมื่ออีกฝ่ายรีบขอวางสาย
“...!” โจเซฟมีสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเมื่อผู้ช่วยเอางานกองโตมาวางให้ตรงหน้า และงานกองนี้ถึงกับทำให้โจเซฟเลิกคิดเล็กคิดน้อยไปได้หลายชั่วโมงทีเดียว
ทางด้านณริสาเมื่อวางสายจากโจเซฟก็รีบเดินเลี่ยงออกไปชิดริมฟุตปาธ เมื่อคิดว่าตนเองอาจเดินไปขวางทางรถ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ที่เธอเดินอยู่ไม่น่าจะใช่ จึงหันกลับไปมองและได้เห็นใบหน้าหล่อเข้ม ที่กำลังชะลอรถและเลื่อนกระจกลง โดยมีผู้หญิงนั่งคู่มาด้วย
“จะไปไหน ขึ้นรถสิ ผมไปส่ง” เมื่อได้จังหวะ สายตาประสบกันพอเหมาะพอเจาะ อณาธิปเจ้าของรถคันหรูก็ร้องถามทันที โดยไม่รอถามความคิดเห็นของเบญจาที่นั่งขัดเคืองใจอยู่เงียบๆ
“...” คำพูดถูกกลืนหาย ณริสารู้สึกความร้อนพาดผ่านบนใบหน้า เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาก่อนหน้าของผู้ชายที่กำลังควงสาวอื่นต่อหน้าต่อตา
เบญจาได้แต่จิกมองซีกหน้าคนบนทางเท้า เมื่อได้ยินคำถามของผู้ชายที่คิดว่าไม่กล้ามองสาวคนไหนนอกจากเธอ “ใครคะพี่ธิป” เสียงเคยหวานหยดขุ่นขึ้น แต่อณาธิปไม่สน
“หุ้นส่วน” เขาตอบได้เต็มปากเต็มคำ ณริสาได้ยินทุกถ้อยคำ ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้ ‘หุ้นส่วนงั้นเหรอ’
คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าที่แต่งไว้จัดจ้านคลายลงไปเล็กน้อย แต่ก็ใช่จะไว้วางใจ รูปร่างสมส่วน แม้จะเดินอยู่บนถนน ท่าทางรีบร้อนแต่ก็สง่างามจนน่าอิจฉา
ณริสาเพ่งมองให้แน่ใจ กับคำถามที่ได้ยินจากฝ่ายชาย แต่สะดุดกับใบหน้าที่แต่งไว้จัดจ้านเสียก่อน โดยกรีดอายไลเนอร์ในโทนสีที่สาวๆ เกาหลีกำลังนิยมกัน และก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไรออกไป สาวสวยที่นั่งคู่กันมากับชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ใช่พี่สาหรือเปล่าคะ” คำถามนั้น ทำเอาคนยืนอยู่บนถนนถึงกับงงไป
“กลับจากเมืองนอกนานแล้วหรือคะ” เบญจาถามกลับมาอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าเธอก็รู้จักผู้หญิงที่เดินอยู่จริงๆเช่นกัน
คนถูกถามนิ่งไป สมองกำลังรวบรวมความจำ โดยสายตามองผ่านไปยังสารถีและวกสายตากลับมายังหญิงสาวที่นั่งยิ้มหวานอยู่ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำอีกครั้ง อณาธิปยกยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปและเตรียมรอ
“...เอ่อ น้องเบญใช่มั้ย” คนถูกทักถามกลับ
และณริสาก็ประจักษ์นึกขึ้นได้ ว่าสาวสวยคนนี้คือเพื่อนที่เจอกันตอนอยู่ต่างประเทศและความที่เป็นคนไทยด้วยกัน จึงผูกมิตรไมตรีแต่หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็หายเงียบไป
ตกลง หล่อนกลับมาอยู่เมืองไทยนี่เอง...
“แล้วจะไปไหน ขึ้นรถสิคะพี่”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่อยากรบกวน ไว้ยังไงค่อยนัดเจอกันดีกว่า ดีมั้ยคะ” เธอบอกเพื่อนสาวที่อ่อนกว่าอย่างเกรงใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดเหมือนเธอ เมื่อร่างบางนั้นก้าวลงจากรถ เมื่อรถจอดสนิทนิ่ง
“มีโอกาสแล้ว ไปเถอะค่ะ” เธอไม่แค่บอก ก้าวลงจากรถคันหรู ตรงเข้ามาจูงมือเพื่อนเก่าแล้วดันแผ่นหลังให้เข้าไปภายในรถที่นั่งด้านหลัง โดยที่เธออีกนั่นแหละ เป็นคนเปิดประตูให้และปิดเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“ไปกันเถอะค่ะพี่ธิป” เสียงหวานเอ่ยบอก อณาธิปก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ณริสาได้แต่นั่งเหมือนคนถูกบังคับให้กินของขม อีกทั้งการพูดคุย ผูกขาดกันแค่สองคนในรถ ยิ่งให้รู้สึกอึดอัด เมื่อคิดว่าเธอก็แค่ตัวประกอบที่ถูกเชิญมาให้เป็นส่วนเกินของคนภายในรถเท่านั้น
รถเบนซ์คันหรูจอดเข้าที่เมื่อถึงที่หมาย และด้วยความแปลกตากับสถานที่ที่ห่างหายไปนาน ณริสาจึงนั่งมองผ่านกระจกใสอยู่เป็นครู่
ร้านอาหารบรรยากาศคลาสสิก มีระเบียงติดแม่น้ำแล้วยังมีห้องอาหารด้านในตกแต่งสไตล์ทรงยุโรปพร้อมด้วยดาดฟ้า หากมาในยามค่ำคืน มองเห็นแสงไฟบนสะพาน ดื่มด่ำความสุขกับบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ณริสาคิด หากมีโอกาสเธอจะต้องมาอีกครั้ง
แล้วเธอจะควงใครมาล่ะ โจเซฟหรือ
“เชิญครับสาวๆ” ประตูรถถูกเปิดอ้าพร้อมเสียงทุ้มดังแทรกเข้ามา ณริสาสะดุ้ง พลางเห็นว่าคนทั้งสองยืนอยู่นอกรถเรียบร้อยแล้ว จึงยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้
“สงสัยจะอึ้งกับบรรยากาศ” เสียงหวานของเบญจาดังแทรกเข้ามาอีกหนอย่างอารมณ์ดี ณริสาจึงรีบขยับกายลงจากรถ
“พี่สาคงอยู่เมืองนอกนานเกินไปแล้ว ที่กรุงเทพนะคะ มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะ” เบญจาพยายามกล่าวถึงในสิ่งที่ตนเองรู้สึกว่าอีกคนคงอึ้งกับสถานที่และบรรยากาศ ที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ แต่คงไว้ซึ่งธรรมชาติของสายน้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าร้านอาหารหรือตึกแถวที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ล้วนดึงดูดสายตาและความรู้สึกปลอดโปร่งกับธรรมชาติที่ต้องการผ่อนคลาย
“เข้าข้างในกันเถอะค่ะ” เบญจาเอ่ยชวนพร้อมเดินไปคล้องแขนแกร่งแล้วเข้าด้านใน โดยมีพนักงานยืนรอต้อนรับอยู่แล้วอย่างรู้หน้าที่ ณริสาสูดหายใจเอาบรรยากาศดีๆ เข้าปอด เพื่อชดเชยภาพบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเหมือนกำลังเต้นผิดปกติขึ้นเรื่อย ๆ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงใสๆ ของเบญจาที่คอยถามไถ่ความเป็นไปของณริสาตั้งแต่แยกกัน จนมาเจอกันอีกครั้งตอนนี้ไม่ขาดปาก โดยมีผู้ร่วมฟังที่ดีคอยปรับสีหน้าใคร่รู้ตาม แม้อาหารจะมีอยู่เต็มปาก หากแต่เป็นภาพที่มองดูเป็นธรรมชาติไม่ไว้ตัวเหมือนผู้หญิงบางคนที่ชอบทำตัวเหนียม ชี้นิ้วกรีดกราย ยามอยู่ต่อหน้าหนุ่มหล่อ
“แล้วนี่พี่ธิปจะให้พี่สาทำงานในส่วนไหนของบริษัท” เมื่อหมดคำถามจากเพื่อนสาวที่แก่กว่าหนึ่งปี ก็หันมาถามชายหนุ่มที่เธอตกลงใจจะจับให้อยู่หมัด แม้ว่าเคยตกลงกันไว้ ว่า ระยะที่คบกัน ไม่มีการผูกมัดใดๆ ทั้งทางร่างกายและความรู้สึก เพราะที่คบกันก็ด้วยความต้องการ ความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายและข้อตกลงทั้งหมดนั้นเธอเป็นคนตั้งขึ้นมา โดยฝ่ายชายก็ไม่ขัดข้อง