ลำบากที่ต้องทน

1292 Words
ณ ที่หนึ่งหนุ่มสาวกำลังจะกัดกันตาย แต่ ณ ห้องพักใจกลางกรุงที่ตกแต่งไว้อย่างสมฐานะ “อืมม...” เสียงครางกระเส่าของคนใต้ร่างหนาดังผ่านเล็ดลอดเข้ามา มุมปากหนากระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ ปรนเปรอคนกล้าดีที่ท้าทายเขา          “พอใจแล้วใช่ไหม เบญจาที่รัก” เสียงทุ้มแต่นุ่มหูเอ่ยกระซิบ ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเสียวซ่าน ไม่เอ่ยคำใด กลับแอ่นกายยกสะโพกให้อีกฝ่ายกระแทกใจกลางที่สอดประสานกันจนแนบแน่น เพื่อเน้นย้ำว่าสิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คืออะไร          แค่นี้ภายในห้องนอนที่เย็นฉ่ำไปด้วยความเย็นของแอร์ ก็ไม่อาจต้านทานความร้อนของคนในห้องได้ มือเรียวหนาคว้าคลึงอกอวบตึงไซส์เกินตัว ริมฝีปากกัดเม้มซอกคอขาวจนเกิดรอยแดงไปทั่ว เบญจาส่ายหน้าไปมาจนผมกระจัดกระจายเต็มใบหน้า บางเส้นติดแนบไปกับใบหน้าเพราะเม็ดเหงื่อที่ผุดพราย มือหนาเขี่ยผมที่มาปรกหน้า ก่อนจะพรมจูบซับความหอมหวานทั่วทั้งใบหน้า อย่างคุ้นเคย เขาไม่เคยเบื่อหน่ายหรือไม่ต้องการสาวใต้ร่าง ยิ่งได้ข่าวว่ากลับมาคบกับนักธุรกิจที่เหนือกว่า เขาอยากเก็บเธอไว้ใกล้ตัว ไม่อยากให้อยู่นอกสายตาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่กับผู้หญิงอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามามากมาย ไม่ว่าสาวไฮโซลูกเศรษฐี แม้กระทั้งดาราบางคนที่แอบซุ่มคบกันเงียบๆ กลับให้อิสระไม่ต้องการยึดไว้กับตัว          “อืม ช้าๆ” เสียงทุ้มบอกน้ำเสียงกระเส่า เมื่อแขนเล็กยกขึ้นยื่นโอบรอบคอแกร่งอย่างทรมาน เหมือนต้องการเป็นฝ่ายรุกขึ้นมาบ้าง กดหัวทุยให้ริมฝีปากหยักหนาทำหน้าที่ใหม่ โดยริมฝีปากเรียวบางเผยอรอและประกบกันในที่สุด ดูดเม้มอย่างคนอดอยาก วัชรพลกระหยิ่ม อกพองโต เธอร้อนถูกใจเขาทุกอย่าง เขาไม่รอให้เธอรุกฝ่ายเดียว ลิ้นร้อนชื้นสอดเข้าในโพรงปากอุ่นร้อน ดูดดุนความหอมหวานจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างโหยหาและพึงพอใจ          “วัช ฉัน...อืมม” เสียงครางต่ำจากคนใต้ร่าง ทำให้ชายชาตรีอย่างวัชรพลรู้เลยว่าคนที่เขาต้องการคือเธอตลอดไป นั้นพอใจแค่ไหน เอวเล็กเริ่มยกสูง ตอบโต้เป็นจังหวะแล้วส่ายไปมา สิ่งที่ต่อเชื่อมกันกดลึกแล้วดึงออก เรียกความกระสันเสียวได้ทุกจังหวะ มือหนาทำหน้าที่บดคลึงสองเต้ากลมที่ชูชันสู้ ก่อนจะเปลี่ยนจากมือเป็นปลายลิ้นของเขา มือหนาเปลี่ยนหน้าที่ใหม่ลากไล้วนเวียนที่ใต้สะดือและสะโพกมน บีบเคล้นอย่างเมามันจนเกิดรอยแดงทิ้งไว้ทุกที่ หากแต่ไม่เจ็บ ใจกลางตอดรัดแก่นกาย วัชรพลเริ่มเร่งมือ กดย้ำจังหวะเอวให้เร็วขึ้น ขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ขาเรียวต้องยกขึ้นรัดเอวสอบไว้ เป็นจังหวะดีสะโพกเนียนยกสูง ขยับเข้าหาตามจังหวะตอบรับอย่างลงตัว “ฉะ ฉันไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากเรียวบางครางบอกเสียงพร่าแล้วถูกกลืนหาย เมื่อริมฝีปากหนาปล่อยให้เรียวปากบางเป็นอิสระได้ไม่นาน ก้มจูบดูดกลืนเสียงหวานหายลงลำคอ ทุกส่วนในร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งเสียงครางที่โต้ตอบรับกันเหมือนเสียงปลุกใจ สวรรค์ที่เห็นรำไรก็ถูกคว้าไปพร้อมๆ กัน ตลอดระยะทางครึ่งหลัง ณริสาได้แต่ก่นด่าคนขับและตัดพ้อด่าทอทางสายตา เพราะก่อนหน้านั้นเธอเหนื่อยกับการโต้ตอบเกือบตลอดระยะทางที่ผ่านมา ดูจะไม่ชนะกับการแถของนักธุรกิจอีโก้สูงคนนี้เลย อีกทั้งท่าทางคนที่เธอเหวี่ยงใส่ดูไม่สะทกสะท้าน กลับฮัมเพลงไปเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดี เมื่อคิดว่าเหนื่อยเปล่าไร้ประโยชน์กับสิ่งที่พูดไป จึงเงียบเสียจนกระทั้งถึงที่ที่หนึ่ง รถจอดเข้าที่เรียบร้อย “นี่ตกลงคุณ...” เธอถาม พยายามเก็บสีหน้าหวาดหวั่น ข่มท่าทางตื่นกลัวเอาไว้ อยู่ต่างประเทศ ต่างเชื้อชาติมาก็นาน ไม่หนักใจเท่ากับอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสองเลย ให้ตายสิ! “คอนโดผมเอง ลงมาสิ” “ไม่ ฉันจะกลับบ้าน” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง ได้ที่ไหน เธอยังไม่พร้อมอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสอง แม้จะมีพันธะต่อกันก็ตาม “อย่าดื้อสิ นั่งมาถึงที่แล้วนะ” เขาว่าตากรุ้มกริ่ม เขาเข้าใจว่ากระต่ายน้อยกำลังตื่น “ฉะ ฉันยังไม่พร้อม” เธอว่าโทนเสียงเริ่มเปลี่ยน อณาธิปยิ้มกริ่ม “ถึงยังไงก็หนีไม่พ้น ผมผู้ชายนะ” น้ำเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาไม่ต้องการรอช้า “ลุกขึ้นเถอะ” เขาคะยั้นคะยอ อีกฝ่ายหน้าเสีย “คึ คือ ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ” เธอย้ำ ต่อมฮอร์โมนเริ่มผลิตเม็ดเหงื่อออกมาอย่างอดไม่อยู่ “แต่ผมไม่ไหวแล้วนะ” เขาทำท่าเสียงกระเส่า ดูน่าเกลียดในสายตาของณริสา มือเรียวกำเข้าหากัน ในใจสับสน ประหม่า ตียุ่งอยู่บนใบหน้า “เร็วสิ” เสียงทุ้มกระตุ้น ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่เคยวางหมาดก่อนหน้านั้นต่างกันกับตอนนี้ลิบลับ ณริสาได้แต่จ้องใบหน้าหล่อเข้ม ค้นหาความต้องการของผู้ชายโดยเฉพาะเขา ที่จะต้องการใช้สิทธิ์ตามสัญญา ตอนนี้กับเธออย่างนั้นหรือ... น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอ ตัดสินใจเอ่ยถาม “มันต้องเป็นฉันงั้นหรือ” เธอไม่ได้ใสซื่อ จนไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงคืออะไร หากไม่ใช่ตัวเธอเรือนร่างของเธอ ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ แต่หากเขาต้องการปลดปล่อยน่าจะไปหาผู้หญิงที่พร้อมกว่าเธอ เพื่อทุกอย่างจะไปได้สวยกว่าเธอ “ใช่ คุณที่ผมต้องการเดี๋ยวนี้” คำตอบตรงๆ ทำเอาณริสาหน้าชา ก่อนจะกลายเป็นสีเลือดฝาดพาดผ่าน อยากโกรธ แต่เธอก็โกรธเขาไม่ได้! จึงได้แต่เก็บความอับอายไว้ ก็เมื่อเธอเป็นคนลงลายเซ็นยินยอมนั้นเอง... “หรือคุณจะให้ผม โทรยกเลิก” คนเจ้าเล่ห์ หยั่งเชิงดู ก็เธอสวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ จนเขาไม่อาจ... ปล่อยไป “ยกเลิก อะไร” “อ้าว สัญญาของเราทุกข้อไง” “...” เธอจ้องหน้าเขา ชอบขู่ ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ฉันไม่ได้บอกยกเลิกนะ แต่แค่บอกว่าไม่พร้อม ขอเวลาหน่อยสิ” เธอเอ่ยเสียงขุ่น “ขอเหตุผล” สีหน้าจริงจัง รอฟัง “ฉัน เอ่อ…กลัวจะทำได้ไม่ดีพอ” น้ำเสียงขาดห้วง กระดากปาก เมื่อเธอจินตนาการไปด้วย ประสบการณ์ไม่มี อาจทำให้เขาหงุดหงิด ก็ดูเอาแต่ใจซะขนาดนั้น “ไม่น่าเชื่อ...” เขาทำท่าแปลกใจ แล้วไหวไหล่ “แต่ไม่เป็นไร ครูดีไม่ต้องกลัว” “...เอ่อ” พูดไปก็มีแต่เสียจึงเก็บคำพูดไว้ ที่สำคัญเธอหาทางเอาตัวรอดอยู่ “จริง ไม่เชื่อหรือ” เมื่อเงียบและไม่มีท่าทางอ่อนให้ เขาเลยเปลี่ยนเรื่อง “โทรหาพ่อคุณสิ ป่านนี้คง...เปิดแชมเปญเลี้ยงที่บริษัทแล้วกระมัง” เมื่อหว่านคำพูดไปมากโข อีกฝ่ายยังไม่ขยับ เขาจึงล่อเหยื่อชิ้นใหม่ และใหญ่เสียด้วย เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงคนเป็นพ่อ จากท่าทีอึดอัดขัดใจทั้งสีหน้าและคำพูด เธอก็กลายเป็นแมวหงอย ใบหน้าหวานวูบไหวและหม่นลง เธอแคร์ความรู้สึกคนในครอบครัวมากกว่าสิ่งใด  อณาธิปเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้านั้นได้ดี จะว่าพอใจที่เขาทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุขได้สำเร็จหรือ ก็เปล่าเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD