พร้อมให้เธอชนะ

1030 Words
สมองของณริสาเบลอไปชั่วขณะ เห็นภาพ สีหน้าเจ็บปวดและน้ำตาของคนเป็นพ่อ เธอพลอยทุกข์และห่อเหี่ยวใจ เหมือนโลกทั้งโลกรุมสุมเล่นงานคนในครอบครัวจนไม่เหลือแสงสว่างใดเลย และวันนี้เหมือนแท่งเทียนเปล่งแสงสว่างจ้า โดยมีเธอเป็นคนถือแท่งเทียนเล่มนั้น ค่อยๆ ป้องมือเอาไว้ อย่าให้ลมพัดเป่า และให้คงไว้ซึ่งแสงสว่าง... ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเธอ เมื่อคิดถึงตรงนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนที่ชุบเลี้ยงเธอด้วยความทะนุถนอมก็ซ้อนทับเข้ามา ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างเผลอตัว เพียงคิดว่าหากทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พ่อสุข เธอก็สุขใจแล้ว แล้วแบบนี้เธอจะรั้งรออะไรอีก ระหว่างความสุขของคนในครอบครัว และผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของคนเป็นพ่ออีกหลายชีวิต หรือแค่ความสุขเพียงหนึ่งของเธอเอง... “นั่งตามสบายเลยนะ คิดว่าเป็นห้องคุณก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วเดินเลี่ยงออกไป “ฮะ” ร่างบางที่อยู่กับความคิดของตัวเองสะดุ้งหลุดจากภวังค์แล้ว หันคว้าง เธอยืนอยู่ในห้อง เขา! “บ้าจริง เราคงหนีไม่พ้นแล้วสินะ” เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยบอกมา จึงได้แต่ก่นด่าและถามตัวเองเท่านั้น “คุณจะให้ฉันทำอะไรกันแน่” เมื่อเห็นว่าเข้ามาในห้องแล้วเขากลับโยนกระเป๋าให้เธอ พร้อมเปิดตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าราคาแพงออกกว้าง          “จัดกระเป๋า เราจะไปเริ่มงานกัน”          “งาน! งานอะไรตอนนี้” เธอถามหน้าตื่นและก่นด่าในใจ ผู้ชายบ้าคนนี้ชอบทำให้เธอตื่นกลัวได้เสมอ ให้ตายเถอะ!          “ผมจะต้องเดินทางไปตรวจดูพื้นที่ เพื่อเปิดโรงแรมอีกสาขา” เขาตัดสินใจปุบปับเมื่อเรื่องเพิ่งเข้าที่ประชุม โดยคิดว่าโจเซฟคงทำหน้าที่ตรงนี้แทนเขาได้ดี และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาควรรีบไปดูที่ที่ได้ติดต่อค้างคากันไว้ให้เรียบร้อย กลัวว่าหากช้าคู่แข่งรายอื่น โดยคิดว่าจะโทรศัพท์หาเลขาเพื่อสั่งงานอีกครั้งหลังจากเดินทางแล้ว          “ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” เธอคิดว่าน่าจะเป็นเลขาส่วนตัวเขามากกว่าที่จะเหมาะเดินทางไปช่วยงานเขาครั้งนี้          “ผมเลือกคุณ นั่นเพราะผมเห็นแล้วว่าคุณต้องช่วยผมได้ดีพอๆ กับเลขาของผม” เขาบอกน้ำเสียงราบเรียบ หากเต็มไปด้วยหนักแน่น ที่คนฟังไม่กล้าออกปากปฏิเสธ          “คุณเล่นจัดกระเป๋าแบบนี้แล้วจะไปอยู่กี่วัน” สายตาจับจ้องกระเป๋าใบใหญ่ “เหอะน่า...ของคุณเดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้า” คำตอบง่ายๆ ของเขาทำเอาณริสาหน้าเหวอแล้วอารมณ์ก็พุ่งปรี๊ด          “จะบ้าหรอ พูดง่ายๆ”          “อ้าว ผมพูดง่ายๆ ก็หาว่าบ้า หากผมทำเลยคุณไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” เขาถามสีหน้ายียวนกวนเบื้องล่าง สายตากรุ้มกริ่ม ณริสาอยากลบภาพมาดนักธุรกิจก่อนหน้านี้ของเขาให้ออกจากสมองให้หมดเสียเดี๋ยวนั้น เพราะคนตรงหน้าตอนนี้เกือบกลายเป็นคนละคน หัวหมอหน้ามึน!          “ให้ฉันกลับไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนได้มั้ย” เธอพยายามไม่ใส่อารมณ์กับเขา          เหมือนเขาจะอ่านความคิดเธอออก ร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าอกอวบตึง ใบหน้าหวานร้อนผะผ่าว “จะเดือดร้อนอะไรหนักหนา ผมบอกว่าไปหาเอาข้างหน้า คุณไม่เชื่อผมเหรอ” เขาทำเสียงแข็งใส่เธอ ณริสาหน้ายู่ จิกตาค้อนขวับ คุณทำตัวน่ารังเกียจเกินไปละ หากแต่จะโวยวายก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเธอหมดสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆ ได้เลย          “แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวมานี่” เธอให้เหตุผล อีกทั้งเธอมีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่ร้อย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอเดือดร้อนได้อย่างไรกัน          “ที่เธอมีมาน่ะพร้อมอยู่แล้ว ไปเตรียมกระเป๋าให้ผมเถอะ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ” น้ำเสียงเขาลดระดับลง หากแต่สายตานั้นไม่ลดความน่าไว้ใจลงแม้แต่น้อยสำหรับณริสา ร่างบางรีบผละไปยังกระเป๋าใบใหญ่ โดยมีสายตากึ่งขำมองตาม “เตรียมให้ผมสักห้าชุดแล้วกัน ห้าชุดนี้ หมายถึงทุกอย่างนะ เสื้อ เสื้อกล้าม กางเกง และก็กางเกง...” “รู้แล้วน่า” เธอรีบเอ่ยดัก รู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างกับใบหน้าจ่ออยู่ตรงระดับกองไฟที่ลุกโชน เกือบทั้งวันที่เขากระตุ้นด้วยวาจาและการกระทำ ให้เธอรู้สึกกระดากอาย “รู้หรือว่าผมจะเอ่ยถึงอะไร” เขาถามเสียงยียวน มองการกระทำงกๆ เงอะๆ ของณริสาที่ก้มหน้าเตรียมจัดกระเป๋าอย่างรีบร้อน จนบางครั้งสิ่งที่อยู่ในมือหลุดกระเด็น รวมทั้งกางเกงในที่เธอเผลอหยิบโดยไม่ทันระวังหลุดจากมือ “โอ๊ะ” เธออ้าปากร้องออกมาแล้ว ก่อนจะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงลำคอ และมีเสียงหัวเราะหึในลำคอของคนข้างๆกระตุ้นให้เธอต้องรีบทำให้เสร็จๆ ไป เพื่อไม่ให้เป็นการล่อสายตาเขา แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อหล่อนจัดเตรียมของให้เขาได้อย่างถูกใจโดยไม่ต้องกำกับความซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นชุดนอนหรือชุดวอร์มที่อยู่ถัดไปอีกตู้ เผื่อเขาอยากออกกำลังกายและของใช้ส่วนตัวอีกหลายอย่างที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน จนเขาแอบคิดไปว่า...ภรรยากำลังทำหน้าที่แม่ศรีเรือนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเมื่อถึงเวลาการเดินทางจริง เธอขอเวลาคุยโทรศัพท์เพื่อบอกกล่าวทางบ้าน และคนรับสายคือแม่เธอนั่นเอง “หายไปไหนมาลูก” น้ำเสียงระรื่น จนเธออดแปลกใจไม่ได้ “แม่มีข่าวดีมาบอก” น้ำเสียงนั้นฟังดูเป็นสุขนัก ณริสาจึงยิ้มบางๆ อยู่ปลายสาย 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD