การพบกันครั้งแรกของเสือสองตัว

1391 Words
คิ้วเรียวกระตุกถี่ๆ กับเสียงหัวเราะของคู่สนทนา อะไรที่ว่าทำให้เขาดีใจจนเนื้อเต้น และอะไรที่ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงหากเห็นหน้าเธอ... ณริสาปรับความรู้สึกและน้ำเสียงให้ดูเรียบนิ่ง ทั้งที่หัวใจยังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้และตอบกลับไป “นั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่ฉันขอพบคุณและฟังข้อเสนอของคุณก่อน ไม่ได้ตกลงหรือปฏิเสธทั้งที่ไม่ได้เห็นข้อเสนอของคุณ” ‘โอเคครับ งั้นคุณมาพบผมได้เลย...’ เขาเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน และสถานที่นัดเจอก็ถูกเอ่ยบอกออกมา ณริสาแค่จดจำเอาไว้ในสมอง เพราะเธอหาที่จดหรือเศษกระดาษไม่เจอ           และตอนนี้ ณริสามาอยู่ตรงจุดที่ต้องเผชิญหน้ารับผู้ชายแปลกหน้าจริงๆแล้ว สาวมั่นอย่างเธอต้องสูดอากาศเข้าปอดเต็มที่ “อืม ขอบใจจ้ะ...ลุงรอสาอยู่ที่นี่นะคะ แต่หากสาไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ลุงกลับไปก่อนก็ได้ เผื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการใช้รถ” เสียงหวานเอ่ยบอกเมื่อคนสูงวัยเปิดประตูอ้าจนสุดทางอย่างรู้หน้าที่ ร่างบางขยับตัวออกจากที่นั่งเมื่อคนสูงวัยผละตัวเองอยู่ด้านหลังประตูรถ “แล้วคุณสาจะกลับยังไงล่ะครับ” คนสูงวัยชักหวั่นใจ แต่ก็อดคิดไปถึงคนที่บ้านไม่ได้ หากนายท่านทั้งสองต้องการใช้รถขึ้นมา “ไม่ต้องห่วงสา เมืองนอกสาไปอยู่มาแล้ว เมืองไทยบ้านเกิดของตัวเอง สาไม่หลงไปไหนหรอกค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่น บวกกับแววตาจริงจัง ทำให้ลุงผันก้มหน้ารับทราบ           สายตาทอประกายชื่นชมมองตามแผ่นหลังบอบบางที่มุ่งตรงไปยังจุดหมายข้างหน้า ท่าทางไม่หวาดหวั่นพื้นที่ ลุงผันรู้ดีว่าหญิงสาวได้เลือดพ่อมามาก ความเด็ดเดี่ยว เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ยากที่จะทำงานทุกอย่างพลาด อย่างเช่นคนเป็นพ่อ เพราะทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ คนข้างกายไร้ความคิดเอาแต่รักความสนุก ตามใจตัวจนทุกอย่างบานปลาย ทรัพย์สินที่มีค่าก็หมดไปกับการล้างหนี้ ‘คนหนึ่งพายอีกคนหนึ่งรา ความก้าวหน้าคงไม่มีในกำมือ’                     “สวัสดีค่ะ NY เมโทรพอยท์ไทยแลนด์ ยินดีให้บริการค่ะ” เสียงหวานดังมาจากพนักงานสาว ใบหน้าชดช้อยรูปร่างสูงโปร่งแต่งแต้มไว้อย่างสวยงามในชุดไทย สไบตีเกล็ดดูหรูในสายตาแขกมาเยือน เสื้อกระดุมผ่าหน้าคอกลม แขนสามส่วน กระโปรงป้าย จากนั้นก็ก้มพนมมือไหว้เมื่อก้าวแรกของแขกผ่านเข้ามา ณริสายิ้มพยักหน้ารับอย่างมีไมตรีตอบรับกลับไป ก้าวผ่านสาวสวยด้านหน้าตรงไปยังเคาน์เตอร์หรูตัวเตี้ยรูปตัว L ต่อข้างลายไม้ตกแต่งประดับด้วยแก้วเจียระไนฝังในตัวไม้ได้อย่างสวยงาม ณริสาส่งยิ้มหวานที่ต่อเนื่องมาจากอีกคนให้คนที่เธอกำลังต้องการสอบถามถึงคนที่เธอนัดพบ           “ขอโทษนะคะ ดิฉัน ณริสา นัดไว้กับคุณ...คุณอณาธิป ธนเกียรติ ไม่ทราบว่าจะพบได้ที่ไหน” เธอมั่นใจว่าบอกชื่อถูกต้องไม่ตกหล่น           “อ๋อค่ะ เดี๋ยวยังไงจะให้พนักงานพาไปนะคะ แต่ต้องรอนะคะ เพราะตอนนี้ท่านยังติดประชุมอยู่” น้ำเสียงนุ่มนวลที่มีร้อยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาเอ่ยบอกเหตุผล คำตอบที่ได้ทำให้ณริสามั่นใจว่าเธอมาถูกที่และไม่พลาด หากแต่เธอก็ไม่ได้เอะใจว่าเหตุใดคำตอบของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ถึงไม่ซักถามอะไรอีก “ค่ะ” เธอตอบรับพร้อมส่งยิ้มให้ เพื่อให้รู้ว่าเธอเต็มใจที่จะรอ   ณ ห้องสี่เหลี่ยมที่เป็นกระจกใส ที่ซึ่งไว้สำหรับรองรับแขก ประตูถูกเปิดออกโดยพนักงานชายของโรงแรม ที่ที่ณริสายืนอยู่คือชั้นห้าของโรงแรมตามที่พนักงานเอ่ยบอก เมื่อพนักเดินออกไปแล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง เท้าเรียวเดินย่างก้าวเข้าไปช้าๆ ลมหายใจร้อนๆ ถูกผ่อนออกมาเบาๆ ในรอบหลายครั้ง ก้นงอนงามหย่อนลงนั่งบนโซฟาบุด้วยหนังอย่างดี ดวงตาคมหวาน มองหนังสือตรงหน้าที่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบหลายเล่มให้ได้เลือกอ่าน ซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติที่ดีของเจ้าบ้าน เพื่อให้แขกมาเยือนไม่เบื่อหน่ายกับการรอคอย ณริสาเลือกหยิบหนังสือนิตยสารบนโต๊ะกระจกใสสี่เหลี่ยมอ่านเพื่อฆ่าเวลา ที่สำคัญเพื่อจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน สักพักเจ้าของใบหน้าหล่อเข้มรูปร่างสมส่วนสูงใหญ่กว่าชายไทย เดินออกมาพร้อมกับชายสูงวัยและวัยเดียวกันหลายคนตรงหน้าห้องประชุม ก่อนจะแยกย้ายกันไป “โจ อยู่ช่วยคุณอณาธิปเขาไปก่อนนะลูก พ่อให้เลขาจัดเตรียมห้องทำงานใหม่ให้แล้ว เพราะห้องทำงานใหญ่ของพ่อยกให้คุณอณาธิปไปแล้ว ” คำพูดของคนมีหลักการ บอกออกไปตามความเป็นจริง ไม่เอนเอียงไปฝ่ายของตนเอง ไม่ใช่ว่าเพราะไม่รู้ล่วงหน้าว่าลูกชายจะมาเมืองไทย แต่เพราะเป็นความตั้งใจที่จะให้ชายหนุ่มหุ้นส่วนรายใหญ่เป็นผู้บริหารเต็มตัว “ครับพ่อ ผมจะเป็นผู้ช่วยให้คุณอณาธิปให้ดีที่สุด” ประโยคหลังที่บิดาเอ่ยบอกโจเซฟไม่ได้สนใจ หากแต่เขาตั้งใจจะทำงานนี้ให้เต็มที่ตามความตั้งใจต่างหาก “อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ พ่อไปละ...” ผู้สูงวัยหันไปเอ่ยลาชายหนุ่มร่วมหุ้นและลูกชาย พร้อมมือหนายื่นตบไหล่ลูกชายเบาๆ เมื่อคนเป็นเป็นพ่อเดินหายไปสุดตา โจเซฟจึงหันกลับมาสนใจชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยังยืนอยู่ แล้วเอ่ยว่า “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีกครั้งที่นี่ และครั้งนี้ ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง คุณอณาธิป ผมโจเซฟครับหรือเรียกโจอย่างเดียวก็ได้ครับ” เขาเอ่ยอย่างเป็นทางการ ด้วยความปลาบปลื้ม พร้อมยื่นมือออกไปทักทาย อีกฝ่ายยื่นมือตอบรับอย่างมิตรไมตรี ก่อนหน้านั้นโจเซฟและคนอื่นๆ ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการภายในห้องประชุม เขาเพิ่งรู้ว่าพ่อรับหุ้นส่วนใหม่เพิ่มขึ้น เพราะต้องการพัฒนาพื้นที่ว่างให้ต่อขยายใหญ่ขึ้น และหนึ่งในหุ้นส่วนของพ่อนั้นก็ได้คนหนุ่มที่ผันตัวเองมาจับงานบริการควบคู่กับงานที่ทำอยู่ ความเป็นผู้ชายที่มั่นใจในตัวเอง กล้าเสี่ยงกล้าลงทุน ทำให้โจเซฟที่ยังไม่ได้รู้จักหุ้นส่วนของคนเป็นพ่อดีพอ พอมีจังหวะ โจเซฟจึงไม่พลาดที่จะทำความรู้จัก สร้างความสนิทมากขึ้น เพื่อการงานของเขาเองในวันข้างหน้า ที่สำคัญเขาไม่ได้เลี้ยงขอบคุณความมีน้ำใจของหนุ่มชาวไทยคนนี้เลย “คุณอณาธิปจะรีบไปเคลียร์งานหรือเปล่าครับ หากไม่มี ไปกินกาแฟด้วยกันก่อนเป็นไง” สำเนียงไทยชัดเจนเอ่ยช่วนอย่างเป็นกันเอง “อ๋อ...” มือเรียวหนาที่ว่างอยู่ล้วงกระเป๋ากางเกง สายตากวาดไปทั่วด้วยความเกรงใจ “ผมมีนัดกับลูกค้า ไว้วันหลังยังไงเราคงต้องอยู่ร่วมงานกันอีกยาว ใช่มั้ย” อณาธิปบอกด้วยความรู้สึกตอนนี้ และอีกคนก็ยิ้มรับในคำพูดนั้น อนาธิปรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือลูกชายผู้บริหารที่มีตำแหน่งทัดเทียมกันกับเขา หากแต่ตอนนี้บิดาของโจเซฟ ต้องการวางมือ ให้เด็กรุ่นใหม่จัดการกันเอง ซึ่งงานนี้เขาถนัดอยู่แล้วจึงไม่พลาดที่จะร่วมหุ้นด้วย “งานโรงแรมของเราไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แต่เพราะผมอายุมากแล้ว จะทำจะคิดอะไรก็ไม่ทันเด็กๆ รุ่นใหม่ ผมจึงอยากได้คนอย่างคุณอณาธิปเข้าร่วมหุ้นด้วย ผมอยากวางมือเต็มแก่ แต่ลูกชายที่ผมเหลืออยู่กลับไม่รู้จักทำมาหากิน ผิดกับอีกคน แต่เขาไม่ได้อยู่กับผมที่นี่หรอก... หากคุณยอม ผมให้คุณบริหารไปคนเดียวพลางๆ ก่อน คนหนุ่มอย่างคุณคงจะไหว จนกว่าลูกชายผมจะพร้อมมาทำหน้าที่ไปพร้อมกับคุณ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD