คำพูดของ มงคล เทพดำรง ทำเอาคนหนุ่มอย่าง นาย อณาธิป ธนเกียรติ ที่อยากก้าวหน้าในงานธุรกิจทุกด้านมีหรือจะปฏิเสธ และบัดนี้เขาก็ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ในสถานะผู้บริหาร แม้จะแค่ชั่วคราวในฐานะผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ แต่เขาจะก้าวไปข้างหน้าต่อยอดขยายกว้างยิ่งขึ้นไปอีก
“ครับไม่เป็นไร งั้นไว้คุณว่างเราจะดื่มด้วยกันเพื่อมิตรภาพและคำขอบคุณ” โจเซฟเอ่ยอย่างไม่รู้สึกเสียดาย ที่วันนี้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ว่าง เพราะเขาเองก็ต้องทำงานอยู่ที่นี่ในส่วนที่พ่อมอบหมายให้
เมื่อมีความต้องการต่างกันทั้งสองจึงต้องผละไปทำหน้าที่ของตน หากสายตาของทั้งคู่หันมาเห็นพนักงานสาวอยู่ในชุดสูทกระโปรงยาวเลยเข่าสีเทายืนอยู่ไม่ไกลนัก ท่าทางสำรวม ส่งยิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าคนที่เธอจัดการที่ทางให้เสร็จเรียบร้อย หันมามองตรงที่เธอยืนอยู่
“สวัสดีค่ะ ดิฉันจัดห้องทำงานให้คุณโจเซฟเรียบร้อยแล้ว เชิญค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมผายมือเชิญแล้วก้าวนำออกไป
โจเซฟหันมายิ้มอย่างเป็นมิตรให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกครั้ง ก่อนจะรีบผละเดินออกไป
‘คนนี้กระมังแม่เลขาที่คุณพ่อเอ่ยถึง’ โจเซฟนึกถึงคำพูดของบิดาที่เอ่ยบอกก่อนหน้านั้น
อณาธิปยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อคู่สนทนาเดินไปอีกฝั่งของตึก มุมปากหนายกขึ้นกระตุกเบาๆ แล้วจางหาย เขาควรจะไปพบเธอได้แล้วสินะ...
กระจกใสมองเห็นคนภายในเมื่อเดินเข้ามาใกล้ กรามหนาบดเข้าหากันจนเกิดเสียง เส้นเลือดบนขมับบวมปูด สายตาเครียดกร้าวจับจ้องเหมือนสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นอะไรที่ทำให้เขาแค้นเคืองมานานเป็นแรมปี หากแต่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความอ่อนไหวซ่านลึกในหัวใจ เพียงแค่รู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่ตรงหน้า...
ร่างบางที่นั่งอยู่ในท่าไขว้ขาละสายตาจากตัวอักษรบนหน้าหนังสือ เมื่อด้านหน้าประตู มีเสียงถูกเปิดเข้ามา
“....” แค่เห็นในเสี้ยวของช่องประตูที่อ้าออกเพียงนิด หัวใจของณริสาก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
ใบหน้าคมเข้มไร้ซึ่งอารมณ์ โผล่พ้นผ่านประตูเข้ามา คนที่นั่งหวั่นไหวหัวใจวาบหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็น ผุดลุกขึ้น แม้ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่เธอรอคอยอยู่หรือเปล่า
“สวัสดีค่ะ” หากเธอต้องเอ่ยก่อนพร้อมแต้มรอยยิ้มส่งให้เพื่อมารยาทของแขกที่ดี
“ครับ สวัสดี...” เสียงทุ้มเอ่ยเว้นจังหวะเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มบางๆ ออกไป “ขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน”
คำตอบที่ได้ ทำให้ณริสารู้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอนัดเจอแน่นอน
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณให้ดิฉันมาพบวันนี้ได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด” เธอเอ่ยจากใจจริง สายตาจับจ้องผู้ชายร่างสูงใหญ่ในสูทสีกลม ตัดจากเนื้อผ้าอย่างดีให้พอดีกับช่วงไหล่กว้างและแผงอกหนา มองดูผึงผายเห็นสัดส่วนความหนาแกร่งของลำตัว ผมดกดำรองทรงถูกหวีเสยจัดทรงรับกับใบหน้าทรงเหลี่ยม นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม บ่งบอกถึงความเป็นคนมุ่งมั่นจนดูหน้าดุสำหรับเธอ...
แต่…รูปร่าง หน้าตาแบบนี้ เคยเห็นที่ไหนนะ เธอพยายามใช้สมองไตร่ตรองหากแต่นึกไม่ออก จึงรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“ครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญไปคุยที่ห้องทำงานผมเลยดีกว่า เชิญครับ” เขาเอ่ยพร้อมผายมือหนาไปยังประตูทางออก ให้หญิงสาวเป็นฝ่ายก้าวออกไปก่อนอย่างมีมารยาท หากแต่เมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านหน้าออกไป ริมฝีปากกระตุกสูงก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องกระจกถูกปิดลง เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“ครับ ทางนี้” พร้อมก้าวนำออกไป ณริสายิ้มรับพร้อมใจเดินตามหลังแกร่งไปอย่างง่ายดาย
อันที่จริงหน้าที่ตอนรับเป็นหน้าที่เลขาส่วนตัวของเขา เขาแค่ไปรออยู่ในห้องทำงานของตัวเอง หากแต่เขาเลือกจะพบและเชิญหลอนเอง เพราะอะไร เขาถึงยอมทำทั้งที่คิดว่าไม่จำเป็นเลย...
อณาธิปพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง หากแต่ก็ได้แค่ความสับสนที่ไม่ใช่แค่ตอนนี้ มันเริ่มก่อกวนสมองของเขาตั้งแต่รู้ว่า ผู้หญิงหน้าตาแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว!
เดินจากจุดเดิมไม่เท่าไหร่ ก็มีห้องแยกกั้นเรียงเป็นช่องๆ ของพนักงานอยู่หลายห้องเป็นระเบียบ สาวสวยหน้าตาดีผุดลุกขึ้นเต็มความสูง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร หากแต่ท่าทางน่าเกรงขามเอ่ยสั่งขึ้น
“ห้ามใครรบกวนจนกว่าผมจะสั่ง” แล้วก้าวเดินผ่านโต๊ะเลขา โดยมีสายตาหลายคู่ที่อุตส่าห์โผล่หน้าออกมาอย่างสอดรู้สอดเห็น
ห้องทำงานหรูตกแต่งได้อย่างลงตัว เก้าอี้ตัวงามถูกเจ้าของดึงออกก่อนจะนั่งลงอย่างมาดราชสีห์ สายตาคมวาว ไม่ได้ละจากใบหน้างาม ก่อนจะผายมือเชิญแขกมาเยือนอีกครั้ง
“เชิญนั่งครับ จะได้ต่อด้วยเรื่อง ‘ของเรา’ ที่คุณต้องการจะบอก” เขาเน้นน้ำเสียงให้อีกฝ่ายเข้าใจชัดขึ้น
“ค่ะ เรื่องของเรา ที่คุณเคยบอกไว้ เหมือนว่าคุณรู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของดิฉัน คุณรู้มากแค่ไหน ช่วยบอกให้รู้หน่อยได้มั้ยคะ” ใบหน้าจริงจังไร้แววล้อเล่นถามคำถามแรก
“ใช่ ผมรู้ดี” ธณาธิปยิ้มรับไม่แปลกใจที่หล่อนถามคำถามแบบนี้กับเขา
สายตามองประสานกัน เหมือนต่างคนต่างกำลังค้นหาความนึกคิดของอีกฝ่าย ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เอาตามตรง ผมรู้ว่าพ่อคุณมีปัญหาเรื่องเงิน แต่สิ่งที่คุณพ่อของคุณเคยขอให้ผมช่วย ผมบอกไว้เลยว่าผมรับไม่ได้ เพราะคุณก็เห็น...ว่าผมต้องใช้เงินอีกเยอะเพื่องานชิ้นนี้”
ว่าพลางกวาดมือไปทางกระจกใสบานใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง มองเห็นสิ่งที่กำลังก่อสร้างทั่วทุกมุม
สมองเก็บเกี่ยวข้อมูลที่สายตาจับจ้องไล่ผ่านทั่วทุกมุมของงานก่อสร้างที่กำลังเป็นรูปร่าง รากฐานบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่หาคู่เปรียบยากในวงการนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้น
ตากลมใสเจือจางคลายความคาดหวังลง น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอ แต่สายตายังคงจับจ้องผลงานไม่วางตาของอีกฝ่ายที่กำลังก่อสร้างด้วยความชื่นชม หากแต่ใจลึกๆ กลับรู้สึกสิ้นหวัง หากเธอจะขอรับอานิสงส์จากการช่วยเหลือจากเขา คงยาก แผนที่คิดไว้คงไม่ได้ผล...ใจณริสาห่อเหี่ยวกล้ำกลืนความผิดหวังเอาไว้
“คุณเก่งนะคะ” ปากเอ่ยชมจากใจจริง ทั้งที่ใจขื่นขม
ริมฝีปากหนายกยิ้มในรอบที่สอง ก่อนหน้าเขายิ้มให้กับสายตาตะลึงค้างที่เธอมองผลงานของเขาโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้เห็น “คุณก็เก่งได้ หากแค่คุณกล้าเสียสละ”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลหันขวับก่อนจะหรี่แคบเพ่งมองคนพูด