เมื่อหลายวันก่อนในห้องพัก ร่างสมส่วนของณริสาจัดการมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เสียงเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้หัวเตียงก็ดังขึ้น ใบหน้าเรียบนิ่งก่อนหน้าฉีกยิ้มหวาน
‘ไม่พ่อก็แม่คงโทรมาหาง’ คิดพลางละสายตาจากกระจกเงา หยิบสิ่งที่ส่งเสียงมากดดูหน้าจอ แต่เบอร์นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังรอคอย หัวใจหล่นวูบ สายตาที่เคยเบิกบานฉายแววดีใจหม่นลง ความหวังที่จะได้กลับไทยคงต้องรอไปอีกวันสองวันหรืออาทิตย์!
“ขอโทษนะคะโทรผิดหรอเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างสุภาพ แม้จะไม่คุ้นเคยกับน้ำเสียงปลายสายบวกกับเบอร์ไม่คุ้นตา ทำให้ณริสาเลือกที่จะถามคำถามนี้ตั้งแต่กดรับสาย
“หากที่คุยอยู่ คือ คุณณริสา ณรงค์พล ลูกสาวแสนสวยของคุณดิษกุล ณรงค์พล ก็ใช่ครับ ไม่ผิดเบอร์” ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายเอ่ยตอบอย่างสุภาพ
คิ้วเรียวงามของณริสาขมวดเข้าหากัน ‘ใครกัน’
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครและต้องการอะไรคะ”
ปลายสายเว้นจังหวะ เหมือนกำลังชั่งใจบางอย่าง แล้วตอบกลับมา “ใคร... ที่คุ้นเคยกันดีกับครอบครัวณรงค์พลดี และวันนี้ผมมาบอกด้วยความเป็นห่วง ว่าสิ่งที่ทำให้คุณอยู่อย่างสุขสบายอยู่ทุกวันนี้กำลังล้ม ทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม คุณควรกลับมาสะสาง เพราะพ่อคุณคงทำต่อไปไม่ไหว รักที่จะกตัญญูก็กลับมา ผมจะคอย... ”
สายที่โทรเข้ามาวางไปแล้ว แต่ความรู้สึกของเธอยังสับสน
เขาจะคอยอะไรจากเธอ...
แล้วเขาเป็นใครที่เธอรู้จักหรือเปล่า...
ตอนนี้คำถามที่เคยมีอยู่ในหัว รอเวลาจะเปิดเผยความจริง ว่าเขาคนนั้นเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่...
“คุณหนูจะออกไปไหนหรือคะ”
ป้าพริ้มที่เดินออกมาจากในครัว หลังที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นคุณหนูที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไม่ทันได้พักก็เตรียมตัวออกข้างนอกอีกแล้ว
สาวสวยในชุดกางเกงเข้ารูปสีดำ เสื้อยืดลูกไม้รอบคอสีหวานน่ารัก สวมทับด้วยเสื้อนอกสีขาว มันเป็นภาพรวมที่ดูแล้วคุณหนูของนางเป็นสาวมั่นที่สวยคมในสายตานางตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด คำพูดที่หนักแน่นซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ที่ว่าเอาแต่ใจยังยอมล่าถอย
“สาจะออกไปธุระสักหน่อย ป้าพริ้มช่วยเรียนพ่อกับแม่ด้วยนะคะ” ร่างสม
“ค่ะ”
ณริสา มุ่งตรงไปยังโรงรถที่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่อยู่บนห้อง โดยมีคนทำหน้าที่ขับรถก้มๆเงยๆ เช็ดถู เตรียมพร้อมกับการรับใช้นาย
ใบหน้าหวานวูบไหวกวาดสายตาเพ่งมองบรรยากาศโดยรอบ ตอนเข้ามาเธอลืมสังเกตสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เพราะมัวแต่ดีใจในการกลับมาของตัวเอง
แม้สิ่งแวดล้อมภายในตัวบ้านไม่เคยผ่านสายตามาสามปีเต็มๆ แต่ต้นไม้ทุกต้นกลับสูงใหญ่ ชูช่อละลานตาให้ร่มเงากับเจ้าของเหมือนตอบแทนกับสิ่งที่มันได้รับ หากแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความหดหู่และบีบคั้นความรู้สึก ยากจะหาคำใดเอ่ยออกมาที่จุดหนึ่ง ซึ่งตรงนี้บ่งบอกถึงฐานะทางการเงิน และการใช้สอยของครอบครัวเป็นอย่างดี
สายตาจับจ้องร่องรอยหวนคิดถึงภาพในอดีต รถที่เคยจอดเรียงราย โดยเจ้าของบ้านจะเลือกใช้ตามใจต้องการ มาบัดนี้เหลืออยู่แค่คันเดียว ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันสะท้อนออกมาให้เห็น ว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวกำลังเป็นเช่นไร...
“ลุงผัน เสร็จยัง ไปส่งสาหน่อยสิ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างคุ้นเคย เมื่อเห็นชายสูงวัยที่ทักทายกันก่อนหน้าทานข้าวกลางวัน
“เสร็จแล้วครับ แล้วจะไปไหนหรือครับล” ลุงผันเอ่ยถามพร้อมจัดเก็บผ้าขนหนูในมือและขวดสีดำไม่ใหญ่หนัก เดินอ้อมไปที่กระโปรงหลัง และปิดเข้าที่เรียบร้อย
“ N Y เมโทรพอยท์ ถนนรามคำแหง 81 ลุงไปถูกมั้ยคะ” ณริสาบอกจุดหมายที่ตนเองต้องไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายพร้อม
“โอ๊ย สบายมาก ผมเคยไปมาแล้ว ตัดกับถนนลาดพร้าวใช่มั้ยครับ แต่เอ๊ะ...” ‘คุณหนูสาจะไปทำไมที่นั่น... ’
ลุงผันผ่อนน้ำเสียงลงในตอนท้าย โดยอีกฝ่ายไม่ทันได้ยินและมีทำถามขึ้นมาในห้วงความคิด ก่อนจะยื่นมือหนาทำหน้าที่เปิดประตูให้คุณหนูสาวสวยนั่งประจำที่ด้านหลัง สายตายังคงจับจ้องร่างบางสมส่วนด้วยแววตาห่วงใย
แม้จะเป็นแค่คนนอก แต่ความคุ้นเคยที่อยู่กันมาจนเกิดเป็นความไว้ใจ เรื่องที่ร้ายแรงของเจ้านายก็ถูกระบายให้ลูกจ้างอย่างเขาได้ฟังเสมอ และตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังคงเป็นความลับต่อไป!
“ถึงแล้วครับ” เมื่อรถเก๋งคันงามจอดเข้าที่เรียบร้อยแล้วลุงผันจึงหันมารายงานคนด้านหลังที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่
“ค่ะ!” เสียงหวานตอบรับสะดุ้งเล็กน้อย สายตาที่เคยเหม่อลอยเริ่มจับจ้องสิ่งรอบกายตรงหน้า โรงแรมขนาดใหญ่สูงตระหง่านมันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัว คำพูดที่คุยก่อนหน้า บนห้องนอนไม่กี่ชั่วโมงแวบเข้ามา...
“คุณ...” เสียงหวานกรอกเข้าไป หยุดเว้นคำพูดเมื่ออีกฝ่ายรับสายและตอบกลับมา แค่ ‘สวัสดีครับ’ และเธอก็สวนไปด้วยคำถามน้ำเสียงนุ่มนวลทันที
“ยังจำฉันได้มั้ยคะ... คนที่คุณเคยโทรหา” ทั้งที่ใจประหม่าแต่นณริสาก็ต้องทำใจโทรหาผู้ชายแปลกหน้า แล้วหากเขาตอบกลับมา ว่าจำไม่ได้ แล้วเธอจะเริ่มต้นคำพูดใด ไม่ให้ดูไม่เสียหน้า...
ปลายสายเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่เปล่าเลยเขาจำได้สนิท และเอ่ยออกมาในที่สุด ‘จำได้ สาวสวยนามว่า ณริสา ณรงค์พล มีอะไรกับผมตอนนี้หรือเปล่าครับ’
น้ำเสียงที่ส่งออกมา นุ่มทุ้มลึกจนณริสาร้อนวูบไปทั่วใบหน้า เหมือนกับว่ากำลังมีสายตาของใครบางคนจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลากระนั้น
“มีสิ... อย่างที่คุณเคยบอกไว้...เอ่อฉัน ฉันจะพบคุณ จะไปพบได้ที่ไหน” เธอพยายามบังคับหัวใจไม่ให้สั่นและประคองน้ำเสียงให้ปกติ โดยพยายามสื่อถึงความประสงค์ให้เขาเข้าใจได้ง่ายที่สุด
เธอไม่รู้ว่าปลายสายรู้สึกเช่นไร หลังจากได้ยินคำพูด หากแต่ตอนนี้หัวใจเธอเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะกระเด็นออกมานอกอก ด้วยความสับสนและหลากหลายความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามา โดยมือเรียวกำเครื่องมือสื่อสารไว้แน่น เหมือนต้องการผ่อนคล้ายความรู้สึกในแต่ละประโยคที่พูดออกไป อีกทั้งกลัวว่าหากไม่กำไว้ให้แน่น เครื่องสื่อสารไร้สายมันอาจร่วงตกลงพื้น แล้วเรื่องราวที่เธอกำลังจะกระทำ จะไม่สำเร็จไปด้วย
‘... แน่ใจ’ เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างชั่งใจฝ่ายตรงข้าม
“แน่ค่ะ และฉันพร้อมที่จะเข้าเนื้อหา หากคุณต้องการ”
‘หือ ดีมาก งั้นคุณพร้อมเมื่อไหร่ว่ามา’
“วันนี้ค่ะ” แล้วเธอก็จัดไปจนปลายสายนิ่งอึ้งเป็นครู่
‘... โห... คุณกล้ากว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ทั้งสวยทั้งกล้า แล้วอย่างนี้ผมจะช้าอยู่ทำไม ใช่มั้ย’ ปลายสายเอ่ยน้ำเสียงระรื่น จนเธอชักไม่แน่ใจว่าการไปคุยธุรกิจต้องรู้สึกดีขนาดนั้นด้วยหรือ
“ก็แล้วแต่คุณ แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปในความเป็นตัวตนของฉัน เพราะบางทีฉันอาจทำให้คุณผิดหวังก็ได้”
‘ฮ่าๆ แค่คำพูดก็ทำให้ผมอยากเจอคุณจนเนื้อเต้น ยิ่งได้เห็นตัวจริงผมไม่มั่นใจว่าข้อเสนอ มันจะเปลี่ยนแปล่งหรือเปล่า ผมชักจะไม่ไว้ใจตัวเองซะแล้วสิ’