OMG 07 เนิ่นนาน

2210 Words
“พี่มอสมากินด้วยกันค่ะ” ฉันกวักมือเรียกรองอธิการบดีของมหา’ลัยที่ฉันเรียนอยู่ เขามากับอธิการบดีของมหา’ลัยเชียวนะ คุณย่าของฉันเป็นเพื่อนรักกับอธิการบดีไง แสนจะเกร็ง ทำอะไรต้องระมัดระวังเป็นสองเท่าและบางทีฉันก็เผลอหลุดบ้าง “เดี๋ยวเถอะนิเนล ย่าสอนว่าไงลูก” คุณย่าที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหันมาเอ็ดฉัน “มาทานด้วยกันค่ะพี่มอส” ฉันเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อย พี่มอสหรือท่านรองเดินมานั่งตรงข้ามกับฉันและส่งยิ้มมาให้ ฉันจึงฉีกยิ้มกลับไป ทั้งที่นิสัยจริง ๆ ของฉันไม่ใช่คนขยันยิ้มเลย “เนลขอไปเรียกพี่มะพร้าวก่อนนะคะ พี่มะพร้าวบอกว่าอยากทานเหมือนกัน” นึกขึ้นได้ฉันจึงลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนั่งลงอย่างไวเพราะ “ไม่ต้องหรอกลูก มะพร้าวเขาทำขนมอยู่ อย่าไปรบกวนเขาเลย” ยายเฟื่องฟ้าร้องห้าม น่าแปลก บอกเป็นหลานคนโต แต่ทำไมทำเหมือนไม่ชอบ ต่างกับคนที่นั่งข้างฉันในตอนนี้ที่ยายเฟื่องฟ้าแสดงออกชัดเจนว่ารักและเอ็นดู “แต่ว่า…” “ชู่ว์ อย่าเถียงยาย” คนนั่งข้างกระซิบเสียงเบา ฉันจึงเงียบปากลงแล้วหันไปฉีกยิ้มให้ว่าที่คู่หมั้นหมาด ๆ ของฉัน คู่หมั้นที่ฉันไม่ได้อยากจะได้ แล้วมันดวงอะไรของฉันก็ไม่รู้ที่ว่าที่คู่หมั้นนั้นเป็นอาจารย์คนใหม่ที่มาสอนแทน ช่างเป็นอะไรที่หมดคำจะบรรยาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันมีหวังเพราะคำพูดของพี่มะพร้าวพี่สาวของอาจารย์เรซที่พูดกับฉันตอนไปซื้อของด้วยกัน เหตุที่ไปซื้อของด้วยก็เพราะฉันต้องทำตัวร่าเริงเวลาที่อยู่กับคุณย่าและต้องพยายามผูกมิตรกับผู้คนรอบ ๆ ข้าง ทั้งที่ความจริงฉันไม่อยากผูกมิตรกับใคร ‘พี่แอบได้ยินมาว่าน้องเนลจะหมั้นกับเรซเหรอ’ ‘ใช่ค่ะ’ ‘พี่มองดูแล้วเหมือนน้องเนลไม่ได้อยากหมั้น โดนคลุมถุงชนหรือเปล่า’ ‘เนลจะอยากหมั้นได้ไงคะ ใบหน้าตอนนี้เนลยังไม่รู้เลยว่าพี่เขาหน้าตาเป็นแบบไหน นิสัยใจคอจริง ๆ เป็นยังไง และที่สำคัญไม่รู้เลยว่าพี่เขามีเจ้าของหรือยัง เนลแค่ทำตามความต้องการของคุณย่าค่ะ เนลอยากให้คุณย่ามีความสุข’ ‘ถ้าอย่างนั้น หากเรซไม่ตอบตกลงหมั้น ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม’ ‘ยิ่งดีเลยค่ะ ถ้าเขาคนนั้นเป็นฝ่ายปฏิเสธ แต่ก็ต้องมาลุ้นพี่มอสอีกคน คือคุณย่าเขาเป็นเพื่อนกันคุยกันไว้ตอนยังสาวว่าจะต้องดองเป็นทองแผ่นเดียวกันให้ได้ รุ่นลูกพลาดแล้วคราวนี้จึงมาคาดหวังรุ่นหลานค่ะ’ ‘เหรอจ๊ะ แต่น้องเนลไม่ต้องห่วงนะ น้องชายของพี่มีคนที่รักอยู่แล้ว ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางรับหมั้นหรอก เขารักคนรักของเขามาก มากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา’ นี่ไง ไอ้ฉันก็มั่นอกมั่นใจ ที่ไหนได้เป็นแค่คำขี้โม้ ไหนว่าอาจารย์เรซรักแฟนนักรักแฟนหนา แล้วทำไมตอนถามเรื่องหมั้นถึงได้บอกว่าไม่มีใคร แล้วยังเต็มใจหมั้นอีก ซ้ำยังตอบแบบไม่คิดเลยด้วย แบบนี้เท่ากับพี่มะพร้าวรู้ไม่จริง หรือตั้งใจหลอกลวงให้ฉันดีใจกันแน่ เสียงดัง ปั๊ด ดังข้างหูฉันพร้อมกับเสียงทุ้มของอาจารย์เรซ “เหม่ออะไรตัวเล็ก” “ตัวเล็ก?” อีหยังตัวเล็ก ฉันทำหน้างง “เราไงตัวเล็ก” อาจารย์เรซชี้เข้ามาที่ตัวฉัน “เหวย… อย่ามาหาเอิ้นเด้อ ตัวล้งตัวเล็กอะไร ขนคีงลุก” เมื่อฉันรัวภาษาอีสานออกไปหน้าอาจารย์เรซกลายเป็นเครื่องหมายคำถามเลยนะ “…” “นิเนล พี่เรซเขาฟังไม่รู้เรื่องนะลูก อย่าแกล้งพี่เขา” คุณย่าที่นั่งอีกโต๊ะส่งเสียงบอกฉัน “เนลไม่ได้แกล้งนะคะคุณย่า ก็พี่เรซมาเรียกเนลว่าตัวเล็ก เนลไม่ชอบ” “ไม่ชอบก็บอกพี่ดี ๆ สิลูก” “ก็เนลไม่ทราบนี่คะว่าพี่เรซจะฟังภาษาอีสานไม่รู้เรื่อง” “ทราบแล้วก็ขอโทษพี่เขาด้วย พี่เขาแก่กว่าเราตั้งหลายปี” ถ้าเทียบอายุ อาจารย์เรซห่างกับฉัน 7- 8 ปีเชียวนะ เหมือนว่าจะได้ว่าที่สามีแก่เลยอะ “ขอโทษค่ะพี่เรซ” ฉันเจื่อนยิ้ม แต่คนข้าง ๆ กระซิบกลับมาว่า “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนจะได้ผัวแก่ พี่ยังไม่แก่ แค่หนูเกิดช้ากว่าพี่” ฉันหันขวับไปสบตากับเขา อะไรกัน นี่อ่านความคิดฉันออกขนาดนั้นเลยเหรอ อืม ตอนนี้ผู้ชายคนนี้อันตราย สัญชาตญาณบอกฉันแบบนั้น “เดี๋ยวพวกยายจะเข้าไปนวดและคุยกันเรื่องงานหมั้นนะจ๊ะ” คุณยายเฟื่องฟ้าหันมาบอกกับฉันและผู้ชายอีกสองคน “ครับ เรซก็จะพูดคุยกับน้องเพื่อที่เราจะได้สนิทกันเพิ่มขึ้นครับ คุยกันเยอะ ๆ จะได้ไม่เกร็ง จะได้คุ้นเคย” สนิทอะไร ฉันไม่ได้อยากจะสนิท แล้วก็ไม่ได้อยากจะหมั้นด้วยเลย นี่เขาจะเป็นแบบคู่หมั้นใจร้ายที่เบื้องหน้าแสนดีเวลาอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ ส่วนเบื้องหลังชอบรังแกฉันหรือเปล่านะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่ยอมหรอกนะ “พูดกับน้องดี ๆ นะ อย่าลืมว่าน้องจะเป็นคู่หมั้นและอนาคตภรรยาของเรา” ยายเฟื่องฟ้าหันมาบอกหลานชาย ผู้ใหญ่ชอบมองไกล ในขณะที่ฉันชอบมองใกล้ ๆ ไม่ได้วาดฝันอนาคตมานานแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสามคนลุกออกไป พี่มอสก็ลุกไปเช่นกัน เขาลุกไปพยุงท่านอธิการบดี ณ ที่ตรงนี้จึงเหลือฉันกับอาจารย์เรซสองคน ฉันเริ่มเอาข้าวเหนียวมาจิ้มน้ำส้มตำ ปลาร้าร้านนี้ไม่ค่อยแซ่บ แค่ให้ความหอมเฉย ๆ “ทำไมไม่ปฏิเสธที่จะหมั้นกับพี่” โห น้ำเสียงเปลี่ยนเชียว ไม่เห็นจะสุภาพเหมือนตอนผู้ใหญ่อยู่เลย “เนลไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจค่ะ” “จะบอกว่ายอมทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งว่างั้น?” “ถ้าไม่ยอมเนลจะมานั่งตรงนี้เหรอคะอาจารย์” “รู้ได้ไง” เขาทำหน้าสงสัย “รู้อะไรคะ” “รู้ว่าพี่เป็นอาจารย์” “ก็เนลเป็นลูกศิษย์” “ทำไมพี่ไม่คุ้นหน้า” “นักศึกษา 30 คน อาจารย์สอนแค่ห้าชั่วโมง จะจำหน้าเนลได้เหรอคะ” ฉันหันหน้าไปมองและหันกลับมากินส้มตำต่อ “จะบอกว่าพี่โง่” “เนลพูดสักคำหรือยัง” ฉันหันไปชักสีหน้า “ปากร้าย ไม่เห็นจ๊ะจ๋าเหมือนตอนผู้ใหญ่อยู่ หน้าไหว้หลังหลอก เด็กนิสัยไม่ดี” แน้ เบิ่งเว้าเด้อ ปากเหรอน่ะ “เราก็ไม่ต่างกันนะคะ” “อย่ามาเรา พี่ไม่พวกเดียวกับเด็กอย่างเธอ” “เข้าเรื่องเลยดีกว่าไหมคะ เนลขี้เกียจจะทะเลาะ” คนคนนี้ไม่เหมาะจะปะทะสักเท่าไหร่ สัญชาตญาณบอกแบบนั้น “พี่จะหมั้นกับเธอ แต่เราจะไม่ใช่คนรักกัน” “...” ฉันเหล่ตามองอาจารย์เรซ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร “เราจะเป็นพี่น้องกัน พี่มองเด็กอย่างเธอเป็นน้องสาว เพราะงั้นเธออย่ามาคิดเกินเลยกับพี่” หลงตัวเองเป็นบ้า “...” ใครจะคิดอะไรกับคนหลงตัวเองแบบนี้กัน “นี่! คิดในใจสีหน้าไม่ต้องแสดงออกมาก็ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ยัยตัวเล็ก...โอ๊ย!” ฉันงับที่นิ้วชี้ของอาจารย์เรซเพราะว่าเขายื่นมาจิ้มที่แก้มของฉัน และเคืองที่เขาเรียกฉันว่าตัวเล็ก “โอ๊ย! ปล่อยนิ้วพี่นิเนล” อาจารย์เรซใช้มืออีกข้างงัดปากของฉัน ฉันจึงปล่อยนิ้วของเขา “ทีหลังอย่ามาแตะตัวเนลสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วก็อย่าเรียกเนลว่าตัวเล็ก เนลไม่ชอบ” ฉันทำหน้าจริงจัง “เออ ไม่เรียกตัวเล็กแล้ว จะเรียกไอ้หมาเนล” ปากร้าย “อยากโดนหมากัดอีกไหมคะ” ฉันตั้งท่าจะพุ่งงับอาจารย์เรซ เขาขยับตัวหนี “พอ ๆ ที่พี่พูดทั้งหมดน้องเข้าใจไหม” “อะไรคะ เมื่อกี้เนลไม่ได้ตั้งใจฟัง” “พี่บอกว่าถึงเราจะหมั้นกัน แต่พี่เป็นได้แค่พี่ชายของน้อง แล้วน้องก็เป็นน้องสาวของพี่ เราต้องญาติดีกัน ผู้ใหญ่จะได้สบายใจ และพี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรน้องแบบที่ชายหญิงเขาทำกัน” อาจารย์เรซ หรือพี่เรซเขาพูดกระซิบเบา ๆ ซึ่งเราได้ยินกันแค่สองคน “พี่แน่ใจในคำพูดของตัวเองใช่ไหม” “พี่สัญญา” “...” สัญญาเหมือนเมื่อสิบสี่ปีนู้นน่ะเหรอ สัญญาก็แค่ลมปาก “นิ่งทำไมเนล” “เนลไม่เอาสัญญาค่ะ เนลเลิกเชื่อคำสัญญามานานแล้ว” “แล้วน้องจะเอาอะไรครับ” เขามุ่นคิ้ว ทำเหมือนว่าเครียดที่ฉันไม่เชื่อคำสัญญาของเขา “แค่พี่รักษาคำพูดตัวเอง อย่ามากลับคำเป็นคนกลับกลอกก็พอแล้วค่ะ เนลไม่ชอบคาดหวังกับคน” “ตามนั้น คุยง่าย ๆ ก็ดีเพราะพี่ก็ไม่ชอบคนพูดยาก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราคือพี่น้องกันเคไหม” “ค่ะ” ฉันยักคิ้วให้พี่เรซและหันมาตักส้มตำกินต่อ ฉับพลันฉันก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องที่เนิ่นนานมาแล้ว มีเด็กหญิงคนหนึ่งไร้เพื่อนขาดมิตร วัน ๆ หนึ่งเธอใช้ชีวิตอยู่กับคุณย่าเสียส่วนใหญ่ เพราะแตกต่างทำให้ไม่มีเด็กคนไหนอยากคบด้วย ไปเล่นกับใครเขาก็พากันเดินหนี เด็กหญิงเสียใจมาก ได้แต่ถามคุณย่าว่าทำไมเด็กหญิงไม่มีเพื่อนเล่นเลย จะเล่นกับใครก็มีแต่คนเดินหนีวิ่งหนีเธอ ทำเหมือนว่าเธอเป็นตัวประหลาด คุณย่าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาตอบหลานสาว จึงบอกหลานสาวไปว่า ‘เพราะ หนูพิเศษกว่าคนอื่นไงจ๊ะ คนอื่นถึงเข้ากับหนูไม่ได้ อย่าใส่ใจเลย ย่าจะเป็นเพื่อนให้หนูเอง’ เด็กหญิงเชื่อแบบนั้นมาตลอด และคุณย่าก็คอยเป็นเพื่อนเล่นกับเธอ กระทั่งเธอได้เจอกับความจริงเมื่ออายุครบ 6 ปี เธอได้รู้ว่าความจริงแล้วที่คุณย่าบอกว่าเธอนั้นพิเศษ ไม่เหมือนคนอื่น มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เธอไม่ได้พิเศษ แต่เธอขาด! ขาดพ่อขาดแม่ เธอเป็นเด็กกำพร้าเหลือเพียงแค่คุณย่าเพียงคนเดียว ในวันที่เธอได้รู้ความจริงมันคือวันที่เธอได้เจอสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด เพราะเพื่อน ๆ ต่างล้อเธอว่า ‘เด็กไม่มีพ่อแม่ เด็กกำพร้า’ ทั้งที่เธอพยายามเถียงว่าเธอเป็นคนพิเศษ ทว่าก็สู้เสียงล้อเลียนของเพื่อนไม่ได้ เธอยอมแพ้ เด็กหญิงเสียใจมาก เมื่อได้รู้ว่าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่เพื่อนล้อ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้โกรธคุณย่าของเธอสักนิด เธอไม่ได้โวยวายใส่คุณย่าที่ท่านโกหกเธอ และไม่ได้บอกคุณย่าว่าเธอรู้ความจริงแล้ว ทุก ๆ อย่างที่เธอรู้มาเธอเก็บเอาไว้ในใจ และแสดงออกมาด้วยความสดใสเวลาอยู่ใกล้คุณย่า เพื่อให้คุณย่าของเธอภูมิใจ แล้ววันหนึ่ง เด็กหญิงก็ได้พบกับพี่ชายคนหนึ่ง พี่ชายที่แสนดี เขาบอกว่าเขาจะเป็นพี่ชาย จะคอยดูแลปกป้องทะนุถนอมเธออย่างดี เขาบอกว่าเขาจะอยู่กับเธอตลอดไป เด็กหญิงที่แสนอ่อนไหว และไม่เคยเจอใครที่อ่อนโยนกับเธอนอกเสียจากคุณย่า เธอจึงเชื่อพี่ชายของเธอทุกอย่าง ไม่ว่าพี่ชายจะพูดอะไร กระทั่งวันที่ต้องจากกัน เธอร้องกระจองอแง ไม่อยากให้พี่ชายของเธอจากไป แต่แล้วพี่ชายแสนดีของเธอก็ไปอยู่ดี ทว่าพี่ชายแสนดีได้ให้คำสัญญาว่า ‘รอพี่นะพี่จะกลับมาหา พี่จะไม่ทิ้งให้น้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว น้องจะไม่เหงาอีก พี่สัญญา’ เด็กหญิงยึดมั่นในคำสัญญาของพี่ชายเป็นอย่างมาก เธอเฝ้าหวังว่าพี่ชายจะกลับมาหาเธอ เด็กหญิงรอแล้วรอเล่า เฝ้ารอเท่าไหร่เขาก็ไม่กลับมา พี่ชายที่แสนดีของเธอไม่เคยติดต่อหรือโทรหาสักครั้ง โทรไปหาก็ไม่เคยได้คุยด้วย ทั้ง ๆ ที่ก่อนจากกัน บอกว่าจะติดต่อมาหาเธอ แต่ก็ไม่เคยมีเลย แล้วหลังจากที่เด็กหญิงเสียใจอยู่นานเด็กหญิงก็ได้พบกับโลกใบใหม่ที่สวยสดใส โลกที่ทำให้เธอลืมพี่ชายที่แสนดีของเธอ โลกใบใหม่ที่สดใสในความคิดของเธอ ในตอนนั้นเธอไม่อาจรู้ได้ว่า เธอกำลังก้าวเข้าไปในโลกที่ทำให้ตัวเธอได้รู้จักกับความเสียใจและอีกหลาย ๆ ความรู้สึก แล้วโลกใบนั้นก็ได้เปลี่ยนให้เด็กหญิงกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปชั่วชีวิตของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD