“อ้าวไอ้วิชญ์ มาถึงเร็วนะแก ไปๆ ไปนั่งคุยกันในบ้านก่อน เด็กๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนครับ” กีรติพูดกับลูกๆ รวมถึงวิชุตาด้วย
จิรดาจึงขอตัวพาน้องๆ เดินเข้าบ้าน อาบน้ำแต่งตัวและลงมานั่งรับประทานอาหารกันในสนามหน้าบ้านเช่นเคย วันนี้ครอบครัวของกีรติและนิดาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาจึงเฮฮามากกว่าปกติ
“ขอบใจมากนะเพื่อน ซื้ออะไรมาเยอะแยะก็ไม่รู้” กีรติตบบ่าเพื่อน
ทุกครั้งที่วิชญ์มาจากปักษ์ใต้ มักจะมีของติดไม้ติดมือมาด้วยมากมายเสมอ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารทะเล ทั้งปลา ปลาหมึก กุ้ง กะปิและอีกมากมายที่แปรรูปเรียบร้อยแล้ว หลายครั้งก็เป็นอาหารทะเลสดๆ ที่แช่น้ำแข็งมาอย่างดี
“ขอบใจนายกับนิมาก ดูแลหนูวิอย่างดี ดูสิ อ้วนขึ้นเยอะเลย สงสัยคงกินจุน่าดู” วิชญ์มองบุตรสาวตัวน้อยที่ออดอ้อนพ่อปีนขึ้นมานั่งบนตัก ให้ป้อนอาหารให้อย่างเอร็ดอร่อย
วิชุตาเป็นเด็กรับประทานง่ายและเข้ากับคนอื่นได้ดี ทำให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง
“หนูวิเปล่ากินจุนะคะ” เด็กน้อยตอบบิดา แต่ปากยังกินไม่หยุด ทำให้ทุกคนหัวเราะตาม
“ลูกนายก็เหมือนลูกฉัน อีกอย่างเราสองคนไม่ได้ดูแลหนูวิเท่าไหร่หรอก ส่วนใหญ่จะเป็นยัยจิ๊น่ะ เอาน่า... ถือว่าช่วยๆ กัน ต่อไปยัยจิ๊ไปฝึกงานปักษ์ใต้ ก็คงต้องฝากให้นายดูแลเหมือนกัน” กีรติเอ่ยฝากฝังเพื่อนรักบ้าง
หลายวันที่ได้คุยกับภรรยาทำให้กีรติคิดได้ เขาและนิดาคบและรู้จักกับวิชญ์มานาน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็ต้องศึกษากันอีกยาวๆ แต่คนนี้ผ่านฉลุย มีคุณสมบัติครบถ้วน ถึงจะมีเหตุผลมากมายรองรับความดีของวิชญ์ สรุปแล้วเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะตัดสินใจ แต่สิ่งไหนที่ได้มาง่ายๆ มักไม่มีค่า เขากับภรรยาจึงต้องมีบททดสอบกันหน่อย
“ได้อยู่แล้ว ยังไงเราก็คนกันเอง ยัยหนูวิคงดีใจที่จิ๊ไปอยู่ใกล้ๆ ขนาดปิดเทอมไม่ยอมอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน กวนจะมาหาจิ๊ มาอยู่กับจิ๊” วิชญ์พูดแล้วเหลือบมองลูกสาวเพื่อนที่เงยขึ้นสบตาเขาพอดิบพอดี
จิรดารีบก้มหน้าเพราะรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ให้มีท่าทีอะไรกับเขาอีก แต่ก็อดไม่ได้เมื่อเผลอสบตาร้อนแรงคู่นั้น
“เห็นยัยจิ๊บอกว่าจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน” นิดาพูดยิ้มๆ
“หมายความว่ายังไง” วิชญ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เป็นข่าวใหม่ที่ทำให้เขาหูผึ่งไม่น้อย
“ยัยจิ๊อยากไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆ ที่ปักษ์ใต้ก่อนฝึกงานจริง น่าจะหลายวันอยู่” กีรติเป็นคนเฉลย
“งั้นก็ดีสิ ไปพักที่บ้านฉันเลย จริงไหมลูก” พูดแล้วเอ่ยถามบุตรสาวบนตัก วิชุตารีบพยักหน้าเห็นด้วย
“ดีค่ะคุณพ่อ พี่จิ๊จะไปอยู่กับหนูวิที่บ้านใช่ไหมคะ เย้ๆ” คำถามของเด็กน้อยทำให้จิรดาอึกอัก เธอคิดว่าจะหลบไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สักพักก่อนฝึกงาน จึงไม่อยากรบกวนเพื่อนบิดา
“ค่ะ” จิรดาจำใจต้องรับคำเพราะเด็กน้อยกำลังคาดหวัง จึงไม่อยากให้ผิดหวัง
“งั้นก็ดีนะ จิ๊ไปพักกับอาวิชญ์นะลูก พ่อจะได้หายห่วง” กีรติหันไปพูดกับบุตรสาวบ้าง
“อาจจะยิ่งน่าเป็นห่วง” นิดาพูดลอยๆ
“หมายความว่ายังไง” วิชญ์เอ่ยถามอย่างร้อนตัว
“ก็ยัยจิ๊อาจจะทำให้วิชญ์ปวดหัวได้” นิดาพูดแล้วหัวเราะคิก
วิชญ์สะดุ้งในคราแรกก่อนจะทำหน้าเรียบเฉยกลบเกลื่อน คิดว่านิดาจะพูดว่าเป็นห่วงเสียอีกที่ให้จิรดาไปอยู่กับเขาที่โน่น
“ไม่หรอก ฉันยินดีดูแลจิ๊และจะดูแลเป็นอย่างดี” วิชญ์รับคำอย่างแข็งขัน ให้เพื่อนรักทั้งสองคลายใจ
“ขอบใจนะวิชญ์” นิดาขอบคุณเพื่อน วิชญ์หลบสายตาเพื่อนผู้แสนฉลาด แต่ในเมื่อนิดาไม่พูดอะไร เขาจึงเลือกที่จะเงียบเสีย
“เดินทางไปวันไหนก็บอกแล้วกัน จะให้เด็กจัดห้องไว้ให้” วิชญ์หันไปพูดเสียงขรึมกับเด็กสาว
“ค่ะอาวิชญ์” จิรดารับคำอย่างเสียไม่ได้ จริงๆ เธอไม่น่าบอกโปรแกรมนี้กับบิดามารดาเลย ว่าอยากเที่ยวก่อนฝึกงาน เธออยากเที่ยวให้สุดมันกับเพื่อนๆ กลับต้องไปติดแหงกอยู่บ้านของวิชญ์ เธอรู้ดีว่าวิชุตาติดเธอมากและเด็กน้อยคงไม่ปล่อยให้เธอไปไหนง่ายๆ เธอไม่ได้รำคาญ แต่คิดว่าบางสถานที่ไม่สมควรพาเด็กไป
“พวกไอ้เพลิงจะเดินทางมาถึงตอนไหนล่ะ” วิชญ์เปลี่ยนเรื่องเมื่อได้รับคำตอบเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว เธอไปพักกับเขาล่วงหน้าก็ดีสิ จะได้สานสัมพันธ์กันก่อนที่เธอจะต้องไปฝึกงานจริงๆ
“เดี๋ยวคงมากันละ” กีรติตอบพร้อมจิบกาแฟรสชาติกลมกล่อม
“ไอ้พวกนี้แข่งกันปั๊มลูก ต่อไปฉันกับนิคงแพ้ มีลูกแค่สาม” เขาวางถ้วยกาแฟ ก่อนจะหัวเราะเมื่อนึกถึงครอบครัวของเพื่อนรัก ตอนนี้ก็เป็นฝั่งเป็นฝากันไปหมดแล้ว
“ใครบอกกันคะ ถึงเราจะอยู่รั้งท้าย วิชญ์ก็ที่โหล่ละ ลูกคนเดียว”
“ฉันไม่มีเมียนี่นิ” วิชญ์ตอบหน้าแดง พูดมาถึงตรงนี้ก็แอบมองสาวน้อยที่ลอบมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน เจ้าตัวรีบหลบสายตาเป็นพัลวันเมื่อเขาหันไปสบตาด้วย
“ก็หาสักคนสิวิชญ์” นิดาเอ่ยแซว
“อะไรกันสองคนนี่ เจอกันทีไรยุแต่จะให้หาเมีย” วิชญ์เฉไฉไปเรื่อย ลอบมองแก้มสาวแดงเรื่อไม่วางตา
“นิแนะนำเพื่อนๆ ให้เอาไหม รุ่นน้องก็มีเยอะ โพรไฟล์ดีๆ ทั้งนั้นเลย” ทำไมนะ จิรดารู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดของมารดา เธอเกิดหวงพ่อหม้ายลูกติดอย่างวิชญ์ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ยิ่งเห็นเขายิ้มรับเธอยิ่งเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ชิ! พอพูดถึงสาวหน้าบานเป็นกระด้งเชียวนะ หมั่นไส้คน...
“จริงๆ นะ สาวๆ ในสังกัดของนิเค้าเยอะ ถ้าแกสนใจสักคน” กีรติกระซิบกระซาบ แต่จิรดาได้ยินชัดเจน
“คุณพ่อจะมีสาวๆ เหรอคะ” เด็กน้อยที่นั่งฟังอยู่ทะลุกลางปล้องขึ้นมา ทำให้ผู้ใหญ่หัวเราะไปพร้อมๆ กัน ยกเว้นจิรดาที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
“หนูวิอยากให้คุณพ่อมีสาวๆ ไหมคะ หมายถึงสาวสวยใจดี ที่จะมาเป็นคุณแม่ของหนูยังไงล่ะคะ” นิดาหันไปถามเด็กน้อย
“อยากให้มีค่ะ แต่อยากให้เป็นพี่จิ๊ค่ะ” เด็กน้อยชี้ไปที่จิรดา
“แค่กๆๆ” จิรดาที่กำลังยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มถึงกับสำลัก ไอติดกันจนหน้าแดง เผลอมองสบตาวาวหวานของวิชญ์ก็ต้องก้มหน้างุด จะมองทำไมนี่ คนเขินนะ! จิรดาคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา...
“หนูวิอยากกินอะไรครับเดี๋ยวพ่อจะตักให้” คนเป็นพ่อก็กระไร ไม่แก้ตัวอะไรเลย หันไปเอาใจบุตรสาวบนตักแทน แบบนี้จะไม่ให้เธอยิ่งอายได้ยังไงเมื่อเห็นสายตาบิดามารดา ก่อนที่พวกท่านจะไม่พูดอะไรต่อ หันไปสนใจกับอาหารบ้าง นั่นแหละเธอถึงได้หายใจหายคอคล่องขึ้น
เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนๆ บริเวณสนามหน้าบ้านหลังใหญ่ของกีรติและนิดาดังเป็นระยะๆ แขกของบ้านที่ไม่ใช่ใครอื่นใคร คือเพลิงตะวันและภรรยาพร้อมลูกน้อย วิชญ์ที่เพิ่งเดินทางมาจากภูเก็ตก่อนหน้าเพียงแค่วันเดียว ส่วนครอบครัวของกีรติและนิดาก็มีสมาชิกครบทุกคน เพราะลูกชายฝาแฝดทั้งสองมาพักกับบิดามารดา ไม่ได้พักบ้านปู่ย่าตายายเหมือนตอนเปิดเทอม
แต่ที่แปลกไปกว่าเดิมคือวันนี้ภัทรศักดิ์กับกรวิกนอกจากจะควงภรรยาฝาแฝดและลูกน้อยน่ารักมาด้วยแล้ว ยังพาหลานชายมาด้วย นัยน์ว่าอายุมากกว่าจิรดาเล็กน้อยเพราะเพิ่งเรียนจบ และกำลังจะเรียนต่อปริญญาโท โพรไฟล์ดีอย่างที่กีรติและนิดาต้องการ แถมยังยิ้มหน้าระรื่น แทบอยากจะเอาลูกสาวใส่พานยกให้เสียเลย
วิชญ์เริ่มรู้สึกเกลียดขี้หน้าเพื่อนก็วันนี้เอง มันเจ้ากี้เจ้าการพาหลานชายมาเสนอตัวให้เด็กสาวที่เขาเฝ้ามองมาหลายปีเหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วง