เช้านี้หลังทานอาหารเสร็จ เธอจับลูกเข้าไปอาบน้ำสระผม จับแต่งตัวเป็นตุ๊กตาโบราณ ‘หัวออกคนเป็นแม่ เวลามองลูกมันรู้สึกแบบนี้สิเองนะ’
เจ้าคิงคองนั้นพออาลน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็บอกให้สามีพาออกไปช่วยกันดูสวนผัก ถอนหญ้า พรวนดินขึ้นแปลงให้เรียบร้อย
ส่วนเธอก็มาเสริมความงามให้แก่เจ้านกหงหยกน้อยของเธอ ด้านซานไห่เธอให้เขาใส่ชุดสีดำลายเมฆมงคลสีฟ้าน่ารัก แต่อี๋นัวนั้นเธอตั้งใจเลือกชุดและเครื่องประดับให้ส่งเสริมความงามของลูก เล็บมือเท้าเธอจัดการตะไบตัดแต่งจนสวยงาม ผมนั้นก็ถักเป็นเปียรอบหัว สไตล์สาวน้อยดิสนีย์ ดูสดใสและเซ็กซี่เข้ากับชุดพลิ้วสีแดงสด เครื่องประดับเธอเลือกเป็นกิ๊บเพชรวิบวับเล็ก ๆ รูปผีเสือหลากสีสันตกแต่งเพิ่มความดึงดูด บอกตามตรงนี่แต่งตัวตามใจชอบตัวเองเลย ลูกก็ดูชอบการประโคมเครื่องประดับของเธอมาก ไม่ร้องขัดสักนิด
“ชอบหรือไม่”เธอถามขณะนั่งดูผลงานของตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ที่เธอไม่สนใจว่าใครจะสงสัย ยังไงลูกก็ชอบส่งกระจกมาก เธอเลยจัดกระจกบานใหญ่เต็มตัวตั้งไว้ในห้องลูกหนึ่งบาน พร้อมทั้งโต๊ะเครื่องแป้งแบบหรูหราสไตล์เจ้าหญิง มีทั้งกระจกเต็มตัวและกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง อี๋นัวดูชอบมันมากเจ้านกหงหยกเห็นครั้งแรกแล้วชอบมาก ลูบแล้วลูบอีก
ยิ่งช่วงนี้ได้รับสารอาหารครบถ้วน แต่ละคนเริ่มกลายเป็นโมจิก้อนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะซานไห่ กินได้กินดี กินอีหยังกะแซบ แต่กินได้ก็ดีแล้ว เด็กสี่ขวบไม่ควรมารู้เรื่องทุกข์ของพ่อแม่ ให้ลูกมีหน้าที่กิน เล่น ถ้าเหนื่อยก็กลับมานอนก็พอแล้ว
ตอนนี้เธอกำลังยืนเผชิญหากับสองอาหลานตระกูลลี่ เหลียนฮวาพาชิงอีมาเคาะประตูบ้านตะโกนเรียกสามีเธอที่อยู่หลังบ้าน แน่นอนว่าเธอต้องเป็นคนได้ยินก่อนอยู่แล้ว
‘นังมารขัดความสุขของผู้อื่น ทั้งอาทั้งหลาน’
“อี๋นัวออกไปชวนพี่เจ้าออกไปเล่นกับเพื่อนเถิด ดูแลตนเองดี ๆ นะ ผู้ใดรังแกให้มาบอกแม่ อย่าไปยอมมัน แม่ยังอยู่ ใครก็ทำอันตรายพวกเจ้าไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ”
หลังจากอี๋นัววิ่งไปเรียกซานไห่หลังบ้าน ทั้งสามคนพ่อลูกก็เดินออกมาพร้อมกัน หลังจากลูกชายวิ่งออกไปหาเพื่อนแล้วเหลียนฮวาถึงได้เริ่มบทสนทนา
“คาราวะท่านพี่ลู่จิวและฮูหยินเสิ่นเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจเจ้าค่ะ มีอะไรก็พูดมาเถิด ข้ามีงานต้องทำต่อน่ะ”
นี่ฉันกำลังด่าหล่อนทางอ้อมว่ามารบกวนคนอื่นแต่เช้านะ รู้ตัวบ้างรึป่าว สตรีอะไรมายืนเรียกสามีคนอื่นแต่เช้า คนปกติไม่ใช่เขาจะต้องเรียกหาฮูหยินของบ้านหรอกรึ แปลกคนซะจริงอีนี่
“ข้าจะมาขอบคุณท่านพี่ลู่จิวน่ะเจ้าค่ะ ที่ช่วยดีแลหลานให้แทนข้าและพี่ชาย ข้าเคยได้ยินท่านพี่พูดเรื่องท่านให้ฟังอยู่บ้าง จึงอยากมาของคุณท่านด้วยตนเอง หากท่านมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยบอกได้เลยนะเจ้าคะ ต่อไปข้าก็จะมาอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วเจ้าค่ะ”
อุ้ย เผลอทำหน้าอรุ่มเจ๊าะแล้วผัวหันมามองพอดี ฮ่าฮ่าฮ่า หน้ามันไปเองนี่นา~~ ‘ช่วยตัวเองให้รอดก่อนค่อยมาช่วยผัวคนอื่นเถอะ แล้วนี่จะคุยแต่กับผัวคนอื่นหรือไง หน้าไม่อายจริง ๆ แหวะ’
“ไม่เป็นอะไรหรอก พี่ชายเจ้าเคยช่วยชีวิตข้ามาก่อน เรื่องแค่นี้เล็กน้อย ไม่ถือเป็นบุญคุณอะไรหรอก”
ลู่จิวสัมผัสได้ว่าภรรยาไม่พอใจน้องสาวเพื่อนเขาคนนี้นัก อาจจะเพราะเมื่อวานแม่นางลี่ขัดคำพูดนาง ใครขัดคำพูดภรรยาเขาได้บ้างเล่า ดูทิศทางลมแล้วเขาคงจะต้องอยู่ห่าง ๆ จากน้องสาวเพื่อนคนนี้เสียแล้ว
“วันนี้ต้องอภัยแม่นางลี่แล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน อย่างที่รู้ว่าข้าพึ่งแยกบ้าน ยังมีงานอีกมากมายที่ข้าต้องจัดการ คงไม่สะดวกต้อนรับนัก”
ถือว่าสามีเธอยังดูทิศทางลมเป็นล่ะนะว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เธอจำเนื้อเรื่องแทบไม่ได้แล้วว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ต้องเกิดขึ้นก่อนเธอถึงจะนึกออก จิ๊
“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ขออภัยที่มารบกวนเจ้าค่ะ”
ชิ พูดจบก็สะบัดตูดไปเลยนะ เห็นเธอเป็นหัวหลักหัวต่อรึไง นางเอกอะไรของมันวะ อีตัวยุ่งยาก อุตส่าห์รอให้เจ้ากรรมนายเวรตัวจริงของหล่อนมาชำระแค้นเอง ดันมาทำตัวให้เธอขัดใจซะได้ ใช้ชีวิตให้ดีก็แล้วกัน มีช่องโหว่เมื่อไหร่เธอไม่พลาดแน่
โชคดีที่เธอรู้เนื้อเรื่องมาก่อน ในนิยายเหมือนว่าเธอจะชอบวางแผนแกล้งเหลียนฮวาและชิงอีเรื่อยไป จนสามีเอือมระอา ทั้งยังเพิ่มคะแนนสงสารให้นางเอกอีก
ผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลัง กีหอมซะจริงนะมึง ชาตินี้เธอไม่โง่พากันไปสร้างเรื่องก่อนแน่ เธอจะอยู่เลี้ยงลูกขายเครื่องสำอางไปวัน ๆ ดูสิ้ว่าถ้าเธอไม่ไปสร้างเรื่องแล้ว ลู่จิวจะไปตกหลุมรักเหลียนฮวายังไง
ยังไงตอนนี้เธอก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับชิงอีอีก เหลียนฮวาจะเอาเรื่องอะไรมาเกี่ยวข้องกับครอบครัวเธอได้อีก
แต่อีนี่มันก็ฉลาดนะ ใช้เสน่ห์ล่อลวงคนใกล้ตัว เข้าหาแบบค่อยเป็นค่อยไปจนเหยื่อติดกับ ไม่รู้มันตั้งใจมั้ย แต่ต้องยอมรับว่ามันนิสัยเหมาะกับการไปแย่งผัวคนอื่นจริง ๆ แทรกซึมเข้าไปในครอบครัวเข้าอย่างช้า ๆ ไม่มีใครเอะใจอะไร
“ข้าบอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่ชอบนาง ท่านห้ามยุ่งกับนางเด็ดขาด”
“ได้อยู่แล้ว ข้าพอดูออกถึงได้ตอบนางเช่นนั้นอย่างไรเล่า อย่าคิดมากเลย อย่างไรข้าก็เลือกเจ้ากับลูกอยู่แล้ว หรือเจ้าหึงหวงงั้นหรือ”
“ท่านเป็นสามีข้า การที่ข้าหวงสามีตนเองมันแปลกตรงไหน หรือข้าไปหึงหวงสามีผู้อื่นดีล่ะท่านว่า”
“เจ้ากล้า”
“ข้ากล้าแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านทำตัวให้ดีเถิด โง่ก็ให้มันมีขอบเขตนะเจ้าคะ ข้ายังต้องการสามี ไม่ใช่ลูกเพิ่มอีกคน”
หงุดหงิดแต่เช้าเลย นังบ้านั่นเข้าหาสามีเธอออกหน้าขนาดนี้เลยได้ยังไง ยังดีที่สามีเธอโง่มาก ไม่ทันทั้งเล่ห์เหลี่ยม กระทั่งสตรีทอดสะพานก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้โง่จริงมั้ย จะโง่ก็โง่เถอะยังไงก็มีเธอที่โง่ยิ่งกว่า ที่มารักคนโง่แบบนี้ จิ๊ ขัดใจแม่
หลังจากวันนั้นเหลียนฮวาก็แวะเวียนมามอบน้ำใจให้สามีและลูกเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทำอาหารมาให้ ปักผ้ามาฝากลูกเธอ เหตุผลก็ง่าย ๆ อิพวกบ้านหยินบอกน่ะสิว่าเธอไม่เคยทำงานในบ้านเองเลย ผ้าก็ยังให้สามีซักให้ใส่ ไม่รู้แยกอยู่เองลูกชายและหลานน้อยเอาอะไรกิน
ถามว่ารู้ได้ไงหรอ สมาคมแม่บ้าน ไม่ใช่อะไรที่จะดูถูกได้นะโดยเฉพาะเรื่องข่าวสาร เธอก็พอมีสหายบ้าง แค่ไม่ค่อยได้เจอกัน สหายเธอถามว่านิสัยเป็นยังไง ก็ดูนิสัยเธอเอานะ ถ้านิสัยไม่คล้ายกันจะมาคบกันได้หรอ
วันก่อนนังเพื่อนตัวดีก็แวะมาบอกเล่าให้ฟังว่าชาวบ้านพูดกันให้ทั่ว ทั้งเรื่องชิงอีไม่ใช่ลูกลู่จิว ทั้งเรื่องบ้านหยินดูอยากส่งเสริมให้ลู่จิวแต่งเหลียนฮวาเข้าอีกคน เหลียนฮวานี่ก็แปลกคน ไม่รู้นางรู้มั้ยว่าคนอื่นมองยังไง ทำไมนางถึงยังกล้าเอาของเอาผ้ามาส่ง พยายามดูแลสามีและลูกคนอื่น
มีครั้งนึงเธอกับลูกชวนกันเข้าเมือง แวะเอาเหล้าผลไม้ไปเสนอให้เหลาอาหาร ก่อนออกไปก็สั่งให้ลู่จิวเอาผ้าไปซักให้เรียบร้อย บังเอิญเหลียนฮวาก็ไปซักผ้าเช่นเดียวกัน ได้ทีก็แสดงน้ำใจจะช่วยซักเพราะเห็นเป็นงานของสตรี ปล่อยให้บุรุษทำนั้นไม่ดี
โชคดีที่เพื่อนสาวของเธอขัดขวางเสียก่อน ไม่รู้เหลียนฮวาคิดอะไรอยู่ คงต้องนัดเพื่อนมาคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกที เธอจะขอให้เพื่อนช่วยจับตามองเหลียนฮวา อีกไม่นานบ้านนางก็จะเสร็จแล้ว บ้านเพื่อนเธออยู่แถว ๆ ท้ายหมู่บ้านเหมือนกัน คงต้องให้นางทำตัวเป็นป้าข้างบ้านของเหลียนฮวาเสียหน่อย