เวลาล่วงเลยผ่านจากวันเป็นเดือน วันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่ของลี่เหลียนฮวา คาดเดาตามเวลาแล้วพวกตัวละครหลักน่าจะใกล้แห่กันมาอีกไม่นาน ตอนนี้เธอรู้สึกก็มั่นใจว่าสามีเธอไม่ได้สนใจเหลียนฮวาเหมือนในเนื้อเรื่อง หรืออาจจะยังไม่มีเหตุการณ์มากระตุ้น เธอเองก็จำไม่ได้
คนบ้านหยินนั้นแห่กันไปช่วยงาน เตรียมอาหารและคอยแนะนำคนในหมู่บ้านให้รู้จักกับลี่เหลียนฮวาให้มากขึ้น โดยเฉพาะแม่เฒ่าหยินที่ออกหน้าออกตาเกินเหตุ ซึ่งเป็นข้อยืนยันคำพูดของเพื่อนเธอได้เป็นอย่างดีว่าแม่สามีต้องการเกี่ยวดองกับลี่เหลียนฮวาแน่นอน
หันกลับไปดูสามีแล้วก็คลายใจได้บ้าง เขาเหมือนวัวเฒ่าที่วัน ๆ คอยทำตามคำสั่งเธอ งานบ้านทุกอย่างเธอใช้สามีทำ ยกเว้นทำอาหารที่เธอจะรับผิดชอบเอง
เธอยังให้เขาเข้าป่าไปล่าสัตว์เหมือนเดิม ด้วยไม่อยากทำตัวมั่งคั่งจนผิดสังเกต เดี๋ยวจะมีคนมาขอส่วนแบ่งจากเงินที่เธอหามา เหตุผลที่ยังให้สามีเข้าป่าก็มมีอะไรมากแค่ให้เขาหาเงินส่งค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยตัวเอง พ่อแม่ใครก็หาเงินส่งเอง เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยว
ตอนนี้เธอกำลังช่วยลูก ๆ แต่งตัวไปร่วมงานบ้านลี่ แม่สามีย้ำลู่จิวน้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องไปคอยช่วยเหลือศิษย์พี่ของน้องสาว นางอยู่กันเพียงผู้หญิงกับเด็กมันอันตราย เธอเลยตั้งใจประโคมเสื้อกผ้าหน้าผมเพื่อไปร่วมงานโดยเฉพาะ เธอจะไปเยาะเย้ยนังเฒ่านั่น มาย้ำสามีเธอให้ไปร่วมงานแต่ไม่เคยบอกเธอเรื่องนี้เลย ถ่อมาบ้านเธอก็หลายที แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยถ้าไม่ใช่เซี่ยงจูมาคอยรายงานข่าว
ณ บ้านใหม่ตระกูลลี่
“ท่านป้าไม่น่าลำบากเลยเจ้าค่ะ ข้าพอมีฝีมือทำอาหารบ้างท่านป้าก็ทราบ”
“ได้อย่างไรเล่า..เราคนกันเองทั้งนั้น อีกเดี๋ยวลูกสามก็น่าจะมาแล้ว ให้พี่เขาช่วยยกของหนัก ๆ เจ้าไปเตรียมตัวเถิด เดี๋ยวทางนี้ป้าดูแลให้เอง”
นางเอ็นดูหญิงสาวนางนี้ ทั้งยังเป็นศิษย์สาบในของสำนักใหญ่อย่าง สำนักหัตถ์เทวะ หากได้เกี่ยวดองก็นับว่าได้หน้า เหลียนฮวาก็ดูสนิทสนมกับลูกสามของนางอีกด้วย
ติดตรงนังจิ้งจอกนั่น แต่เหลียนฮวาก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม หากแต่งให้ลูกสามได้ก็คงพอฟัดพอเหวี่ยงกับนังจิ้งจอกได้ ทั้งยังงดงามอ่อนหวานต่างจากนังจิ้งจอก นางมั่นใจว่าลูกชายนางต้องพึงพอใจในตัวหญิงสาวแน่นอน
บ้านตระกูลหวัง
“ซูฉี เจ้าประโคมเสื้อผ้าเครื่องประดับมาเยี่ยงนี้ ไม่กลัวแม่สามีเจ้า เข้ามาวุ่ยวายรึ เดี๋ยวแม่เฒ่าหยินก็ป่วยกระทัน ต้องใช้สมุนไพรวิเศษราคาแพงรักษาหรอก”
“สักวันนางก็ต้องรู้นั่นแหละ แต่ละวันเจ้านกหงหยกลูกข้าประโคมเครื่องแต่งกายจนสตรีในหมู่บ้านพากันอิจฉา นังเฒ่านั่นคงเริ่มระแคะระคายบ้างแล้วแหละ เจ้าดูลูกข้าตอนนี้เถิด หากกลิ้งได้คงกลิ้งแล้ว ยังดีที่เจ้าคิงคองนั้นบ้าพลัง ส่วนนกหงหยกก็กินแต่พองาม ใครบ้างจะไม่รู้ว่าอยู่ดีกินดี”
“จริงดังเจ้าว่า...โอ้ เจ้าแต่งหน้าได้งามนัก ใช่เครื่องประทินโฉมที่เจ้าว่าหรือไม่”
“ใช่แล้ว แต่เป็นสินค้าที่ข้ายังไม่ส่งขาย เจ้าเอาไปลองใช้สิ อ่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก ของแพงแบบนี้หากให้ซื้อเองข้าคงไม่มีวันได้ใช้หรอก”
“เจ้าก็หางานทำเองเสียสิ จะไปรอสามีหาเลี้ยงอย่างเดียวได้อย่างไร ตระกูลหวังก็หาได้ต่างจากตระกูลหยินไม่ ข้าว่าคงจะหนักกว่ากระมัง”
“เจ้าก็พูดได้ ข้าไม่ได้เก่งอย่างเจ้านิ่”
“เอาน่า เดี๋ยวข้าจะหาทางช่วยแล้วกัน แต่ข้าขอแนะนำ เจ้ากลับไปเป่าหูสามีเจ้าให้แยกบ้านก่อน เงินทองจะได้ไม่รั่วไหล เดี๋ยวข้าจะให้ลู่จิวสอนลูกเจ้าหัดควบคุมพลังพร้อมลูกข้าเลย จะได้ไม่ต้องจมปลักในหมู่บ้านนี้”
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“ข้าจะหลอกเจ้าทำไมเล่า ไปเป่าหูสามีเจ้าให้ได้ก่อนเถอะ ดูท่าสามีเจ้าน่าจะเชื่อเจ้าแต่คงจะแยกลำบาก บ้านหวังหน้าด้านจนช้ายอมแพ้เลย”
“เอาน่า เดี๋ยวข้าหาทางเอง แล้วเจ้าจะเข้าไปร่วมงานเมื่อไหร่ นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว”
“ยังหรอก เอาไว้กลาง ๆ งานค่อยไป ข้าอยากเปิดตัวในงานให้ทุกคนได้เห็นความงามของข้า ทั้งยังได้แก้เผ็ดนังเฒ่าหยินด้วย อยากให้สามีข้าไปช่วยงานจนตัวสั่น วุ่นวายจนข้านึกว่าบ้านหยินเป็นเจ้าของบ้านใหม่นี้เสียอีก”
“เอาตามเจ้าว่าแล้วกัน เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ค่อยฉลาดเรื่องวางแผนนัก”
บทสนทนาระหว่างเธอและเพื่อนสนิท อยู่ภายใต้การรับรู้ของลู่จิวและสามีของเพื่อนสนิท แต่เธอและเซี่ยงจูหาได้สนใจนั่งพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ฆ่าเวลา
ทางด้านลูกเธอและเซี่ยงจูนั้น ตั้งแต่มาถึงบ้านหวังเธอก็ให้ขนมเด็ก ๆ ออกไปเบ่งกันกิน พร้อมกับว่าให้เล่นอยู่ในบริเวณบ้าน ห้ามออกไปไหน
ย้อนกลับไปที่บ้านใหม่ของเหลี่ยนฮวา แขกในหมู่บ้านมากันครบแล้ว ขาดเพียงแต่บ้านสามตระกูลหยิน แม่เฒ่าหยินนั้นรู้สึกกังวลใจว่าเหตุใดลูกชายนางยังไม่มาเสียที ทั้งที่ย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าให้มาก่อนแขก
รอไม่นานบ้านสามตระกูลหยินก็เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน สี่คนพ่อแม่ลูกมาในชุดหรูหรา โดยเฉพาะคนแม่และลูกชายอย่างอี๋นัวที่ประโคมเรื่องประดับอลังการกว่าปกติ
สตรีในงานพากันมองด้วยสายตาชื่นชมปนอิจฉา นางงดงามอยู่แล้วแต่ยามนี้กลับยิ่งงดงามผิดหูผิดตา ใบหน้าที่ได้รับการแต่งอย่างประณีตบวกกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับศีรษะวิบวับนั่น ช่างงดงามคล้ายปีศาลจิ้งจอกที่คอยยั่วยวนผู้คน
‘โอ้ๆๆ คนบ้านหยินพากันหน้าบิดหน้าเบี้ยว มองแล้วช่างเป็นภาพที่งดงาม’
“คารวะท่านพี่ลู่จิวและแม่นางซูฉีเจ้าค่ะ”
“ขออภัยที่มาช้า พอดีภรรยาข้าผัดหน้าเพลินไปเสียหน่อย ดูเวลาอีกทีก็มาสายเสียแล้ว”
ลู่จิวพูดนั้นไม่ผิด เธอแต่งหน้าจนมาสายจริง แต่ไม่ใช่หน้าเธอ เป็นหน้าเซี่ยงจู ก็แค่แต่งหน้ากันตามประสาสาว ๆ เท่านั้น ถือว่าสามีเธอใช้ได้ ให้หนี่งแต้ม
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ สตรีก็เช่นนี้ กว่าจะออกจากบ้านได้ต้องประทินโฉมทั้งกายจึงจะมั่นใจ ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ”
“ต้องขออภัยแม่นางลี่แล้วเจ้าค่ะ”
จะเริ่มสงครามน้ำลายอีกหรือไงไม่ทราบ บอกเลยนะว่าวันนี้เธอจะไม่ลดตัวลงไปเถียงด้วยหรอก เพราะวันนี้สวย คนสวยจะมาเถียงกับคนอื่นให้เสียภาพลักษณ์ได้อย่างไร
เพราะคิดเผื่อไว้แล้ว ก่อนมาเธอจึงได้นัดแนะกับเซี่ยงจูให้นางออกหน้าแทนแล้ว ส่วนเธอจะพูดเสริมและคอยชี้ทางให้เซี่ยงจูเท่านั้น เธอจะทำตัวเป็นนางเซียนที่ไม่ต้องการลดตัวลงมาวุ่นวายกับมนุษย์
“เชิญเข้าไปนั่งเถิดเจ้าค่ะ”
“เชิญแม่นางและสามีด้วยนะเจ้าคะ ข้าลี่เหลียนฮวา พึ่งย้ายเข้ามาอยู่กับหลานเจ้าค่ะ”
“คารวะแม่นางลี่ ข้า อันเซี่ยงจู ส่วนสามีข้า หวังฮั่น บ้านตรงข้ามนี่เองเจ้าค่ะ ยินดีด้วยนะเจ้าคะ”
หลังจากเชิญเธอเข้าไปนั่งแล้วจึงได้พูดทักทายครอบครัวหวังต่อ ทำความรู้จักกันไว้ก็ดี อีกเดี๋ยวอาจจะต้องเล่นสงครามน้ำลายกัน จะได้รู้ว่ากำลังสู้กับผู้ใด