พิมพ์ดาวหันกลับมามองหน้าลูกสาวอย่างเหลือเชื่อ “ใจดีโทร.แจ้งตำรวจเหรอคะ”
แม่หนูพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มเผล่ ตอนที่พิมพ์ดาวบอกว่าจะออกมาเปิดรั้ว คราแรกใจดีร้องเย่ๆ ในใจ คิดจะพักเบรกสายตาจากการอ่านเขียนมาแอบเปิดทีวีดู แต่ด้วยความเป็นห่วงแม่เพราะตอนนี้ค่ำมากแล้ว จึงเปลี่ยนใจวางรีโมตลง แล้วรีบแอบไปสังเกตการณ์อยู่ข้างหน้าต่าง
เมื่อใจดีเห็นติณณภพดึงแขนของแม่ เด็กหญิงก็ตกใจเบิกตาค้าง หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวไปหมด เกรงว่าลุงติณจะทำร้ายแม่
สองขาป้อมๆ วิ่งเร็วจี๋ไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ เวลานี้ ใจดีมีสีหน้าแดงก่ำ ในใจหนูน้อยอยากวิ่งออกมาช่วยแม่เอง แต่รู้ว่าเธอตัวเล็กนิดเดียวคงช่วยอะไรแม่ไม่ได้ เมื่อคว้าหยิบโทรศัพท์ได้ก็รีบปลดล็อกหน้าจอด้วยรหัสที่แม่กับลูกรู้กันเพียงสองคน ใจดีจำได้ขึ้นใจ เพราะมันคือวันเกิดของแม่กับเธอรวมกันเป็นรหัสสี่หลัก จากนั้น นิ้วอวบก็เลื่อนปัดหน้าจอหารายชื่อคุณยายโสภาเป็นคนแรกก่อน เพราะอยู่ข้างบ้านกัน เป็นความโชคดีที่ใจดีอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้ตั้งแต่สามขวบ แต่แล้วแม่หนูก็กลัวว่าคุณยายจะเดินช้า หรือถ้าวิ่งมาก็อาจล้มระหว่างทางแล้วจะช่วยแม่ไม่ทันการณ์ จึงโทร.ไปฟ้อง 191 เบอร์ที่แม่เคยสอนว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินให้โทร.ไปแจ้ง แต่ห้ามกดโทร.เล่นเด็ดขาด
“ใจดีโทร.ไปฟ้องพี่ๆ ที่ 191 ว่าลุงติณกระชากแขนแม่ขา จะพาไปขึ้นรถค่ะ”
พิมพ์ดาวตะลึงไป ชื่นชมในความมีไหวพริบ กล้าตัดสินใจ ไม่คิดว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยสอนลูก เวลาเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายจะมีประโยชน์มากขนาดนี้
“เก่งมากเลยค่ะใจดี”
ปราบทัพรีบเสริม “ที่ผมตามมาช่วยคุณพิมพ์ทัน ก็เพราะหนูใจดีโทร.ไปตามคุณป้าโสภา พอดีผมพาตาป้องแวะมาเยี่ยมคุณป้า คุณป้าก็เลยให้ผมรีบมาดูที่บ้านคุณพิมพ์” พูดจบปราบทัพก็หันไปยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้ใจดี “ใจดีเก่งมากครับ คืนนี้ ใจดีเป็นฮีโร่ช่วยคุณแม่ รู้ไหมครับ”
ใจดียิ้มหน้าบาน กระโดดเหยงๆ ซอยขาถี่ๆ เพราะคำว่าฮีโร่
“จริงเหรอคะ ใจดีเป็นฮีโร่ เป็นฮีโร่ก็เหมือนแด๊ดดี้น่ะสิ แด๊ดดี้ก็เป็นฮีโร่”
พิมพ์ดาวหน้าเสีย เพราะคำว่าฮีโร่ฝังใจคนเป็นลูก ก่อนหน้านี้พอแกเริ่มจำความได้ คำถามที่มักถามเวลากลับมาจากโรงเรียนก็คือ
“แด๊ดดี้ของใจดีเป็นใครคะ”
เป็นคำถามที่พิมพ์ดาวไม่อยากตอบมากที่สุด ครั้นจะบอกว่าพ่อตายไปแล้วเพื่อตัดจบ วันหลัง ใจดีจะได้ไม่ต้องถามอีก ก็ดูจะใจร้ายกับหัวใจลูกเกินไป แต่เมื่อถูกใจดีถามทุกวัน เพราะเห็นเพื่อนร่วมชั้นต่างมีพ่อมาคอยรับส่ง จนเด็กหญิงต้องกลับมาตั้งคำถาม
“แด๊ดดี้หายไปไหน”
จนวันหนึ่งพิมพ์ดาวสงสารแววตาขี้สงสัยคู่นั้น ที่เขามาออดอ้อนจะเอาคำตอบให้ได้ เธอเลยตอบไปว่า
“แด๊ดดี้เป็นฮีโร่ ที่แด๊ดดี้ของใจดีมาอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะต้องไปทำหน้าที่ช่วยคน เข้าใจไหมคะ”
ตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิงให้เธอตอบลูกไปแบบนั้น เวลานี้พิมพ์ดาวเลยรู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาทันที พอนึกถึงใบหน้าหล่อเข้ม เจ้าของดวงตาสีบรั่นดี ที่บ่งบอกอารมณ์ได้ยาก เดาใจไม่ถูก แต่มาร์คัสก็คือผู้ชายคนเดียวที่ทำให้พิมพ์ดาวใจสั่นเสมอยามคิดถึง พอนึกถึงสิ่งที่เขาทำแล้ว ทุกอย่างกลับตียุ่งอยู่ในหัวเพราะจริงๆ แล้วเขาคือปีศาจไม่ใช่ฮีโร่อยากที่เธอบอกใจดีไป
มาร์คัส พ่อของใจดีคือปีศาจ เขาคือไอ้คนใจร้าย ปากร้าย ใจหิน เย็นชา ไม่มีหัวใจ ไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลยด้วยซ้ำไป
ปราบทัพเล่าว่าเขาพาน้องป้อง หรือ ‘ปกป้อง’ เด็กชายที่มีอายุมากกว่าใจดีหนึ่งปีแวะมาหาคุณป้า เพราะได้ยินว่าคุณป้าช่วงนี้ท่านกำลังป่วย เดินเหินไม่สะดวก ด้วยความเป็นญาติและคุณป้าช่วยเลี้ยงลูกชายให้ตั้งแต่แกยังเล็ก ปราบทัพจึงมาที่บ้านเรือนไทยหลังนี้เสมอ
ตอนที่เขาโผล่หน้าเข้าไปพร้อมกับถุงสาลี่ของโปรดคุณป้า ก็เห็นท่านกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แล้วหันกลับมาบอกเขาว่าหนูใจดีโทร.มาบอกว่าลุงติณกระชากแขนแม่ของแกจะให้ไปขึ้นรถ เท่านั้นคุณหมอก็ทิ้งทุกอย่างวางไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งไปช่วยเหลือพิมพ์ดาวได้ทันเวลา
ปราบทัพเดินเข้ามาใกล้ใจดี วางมือลงบนศีรษะทุยๆ ของแกแล้วกล่าวอย่างชื่นชม “หนูใจดีเก่งมาก สติดีมาก” จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พิมพ์ดาวพร้อมเล่าเรื่องที่ใจดีโทร.ไปบอกคุณป้า เขาถึงมาช่วยเธอได้ทันเวลา
“คุณพิมพ์สอนหนูใจดีได้ดีมาก ผมขอชื่นชม”
“ไม่เกี่ยวกับพิมพ์หรอกค่ะคุณหมอ” คนเป็นแม่มองลูกสาวด้วยรอยยิ้มชื่นชม “แต่พิมพ์ก็ดีใจ ที่ใจดีตั้งสติได้ดี โตขึ้นจะได้เอาตัวรอดได้”
ปราบทัพมองสองแม่ลูกด้วยสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผย เขาเป็นพ่อหม้ายเมียตาย ตั้งใจว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานใหม่แล้ว จนกระทั่งสองแม่ลูกย้ายมาเช่าบ้านคุณป้าของเขา ตาป้องลูกชายของเขาชอบปีนรั้วคุยกับหนูใจดี ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกัน แล้วยังมาติดหนึบสองแม่ลูกบ้านนี้เพราะพิมพ์ดาวมักจะแบ่งปันของกินให้ลูกชายเขาเสมอ มันทำให้เขามีความรู้สึกวูบไหวในหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดใช้กำลังหรือฝืนใจพิมพ์ดาวเหมือนที่ติณณภพทำเมื่อครู่
เขาเห็นว่าเวลานี้ดึกมากแล้ว และพิมพ์ดาวเพิ่งเจอเรื่องไม่ดีมา แม้จะยังรู้สึกห่วงสองแม่ลูกแต่ก็จำต้องกล่าวคำลาขอตัวกลับอย่างสุภาพ
“ยังไงผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณพิมพ์” แล้วหันไปยิ้มให้แม่หนูน้อยที่ยืนจับมือแม่แน่น “ลุงหมอกลับแล้วนะคะใจดี”