ปริญญ์เห็นหญิงสาวใช้มืออีกข้างถือไอศกรีมทานอย่างสบายใจ ส่วนอีกมือก็ทำหน้าที่ประคบของเย็นกับหน้าเขา
“มานี่มา เดี๋ยวผมทำเอง”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ กินเถอะก่อนที่มันจะละลายซะหมด”
เธอเห็นเขาแกะเปลือกมันแล้วตั้งใจเลียไอศกรีมแท่งอย่างว่าง่าย
“คนที่ชื่อดา เขาเป็นแฟนเก่าคุณเหรอคะ”
ร่างใหญ่ชะงักไปเล็กน้อย “จะอยากรู้ไปทำไม”
หญิงสาวยักไหล่ทำท่าไม่แยแส “ก็ไม่ทำไม ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ต่อไปฉันก็จะไม่ถามอีก”
ปริญญ์นิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ยังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก แต่ผมก็รู้สึกกับเธอมากกว่าเพื่อนมาตลอด ไอ้วิชญ์มันก็รู้ ดาเขาสนิทกับผมที่สุด และผมก็มั่นใจว่าเธอเองก็คิดเหมือนกับผม ถึงไม่ได้พูดออกมา แต่คนทั้งมหาวิทยาลัยก็รู้ว่าเราสองคนเป็นมากกว่าเพื่อน”
“รักสามเส้าสินะคะ”
“ไม่ใช่หรอก ไอ้วิชญ์มันหลอกดา มันขืนใจดา ผมเคยคิดว่ามันเป็นเพื่อน แต่เพิ่งจะรู้ตอนที่มันบอก ไม่ว่าอะไรที่เป็นของผมมันจะแย่งมาให้หมดทุกอย่าง เพราะมันไม่เคยมองว่าผมเป็นเพื่อนแต่มองว่าผมเป็นคู่แข่งมาตลอด ถ้าผมรู้ตัวก่อนหน้านี้ คงจะไม่ปล่อยให้มันเข้าใกล้ดา... แต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไป”
“คุณยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่าคะ” เธอเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีสับสนอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็เลือกที่จะตอบว่า...
“รักสิ” เขาคิดว่าตัวเองไม่เคยลืมผู้หญิงที่เป็นรักแรกอย่าง นิลณดา ได้ และยิ่งไม่มีวันรู้ว่าถ้าตอนนี้เธอกลับมา เขาจะทำยังไง เขาจะรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมอยู่ใช่หรือเปล่า ?
ณ ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ ทีเค อินดัสทรี
“เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกวันนี้คือปีนี้ผมจะขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์”
ฉัตรวิลัยรับช่วงต่อจากเจ้านาย
“ซึ่งฉัตรเห็นว่าหลายปีให้หลังมานี้ทางเราแทบไม่เคยซื้อโฆษณากับทางหนังสือเลย ฉัตรเลยไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เชิญทุกคนดูที่เอกสารประกอบค่ะ”
คนในโต๊ะประชุมเริ่มพูดคุยกันอย่างอื้ออึงอยู่สักพักเล็กๆ จนมีคนเริ่มเสนอความคิดเห็นขึ้น
“ผมเห็นด้วยนะครับ เพราะหนังสือและนิตยสารเป็นสื่อที่เรียบง่ายก็จริง อาจจะเข้าถึงคนได้น้อยกว่าสื่ออื่น แต่มันก็ยั่งยืนกว่า มีอายุการโฆษณาให้เราเทียบเท่ากับอายุของหนังสือหนึ่งเล่ม โดยที่เราไม่ต้องโปะเงินลงไปเพิ่ม”
“ใช่ค่ะ ถูกต้องอย่างที่คุณสมิทเข้าใจ ที่สำคัญเลยคือเราจะยังไม่หยุดการประชาสัมพันธ์แบบเดิม แต่เราจะเพิ่มช่องทางนี้เข้าไป ซึ่งจะใช้งบประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้มาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา”
นารถลักษณ์มองเอกสารเสนอราคาของหนังสือเครือหนึ่งที่ฉัตรวิลัยเตรียมไว้
“ลักษณ์ว่าราคามันสูงไปหรือเปล่าคะ และอีกอย่างอายุของนิตยสารหนึ่งเล่มบนแผงปัจจุบันนี้อายุก็สั้นมากเมื่อเทียบกับราคาที่เราจ่ายไป”
เลขาสาวหันมาส่งสายตากึ่งไม่พอใจให้ผู้ช่วยคนใหม่ของเจ้านาย
“ไม่ใช่ว่าลักษณ์จะบอกว่าสื่อนิตยสารไม่ดี แต่เท่าที่ดูราคา จากที่ทางโน้นเขาเสนอมา ลักษณ์ว่าหัวนี้ไม่สมควรจะเรียกราคาโฆษณา สิบแปดหน้าในราคานี้นะคะ”
“อะไรกันคะคุณลักษณ์” ที่จริงเธอไม่อยากจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณนักหรอก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่านารถลักษณ์จะได้มาเป็นเจ้านายเธออีกคน “เล่มนี้นี่ไม่ใช่ไก่กานะคะ คุณลักษณ์ไม่รู้อะไรจริงก็อย่าเสนอความคิดเห็นเลยดีกว่าค่ะ”
“นารถลักษณ์ คุณเพิ่งมาทำงานอาจจะยังไม่มีประสบการณ์เท่าคุณฉัตร เอาเป็นว่างานนี้ผมไฟเขียวให้คุณฉัตรติดต่อทางโน้นได้เลย” เขาทำงานกับฉัตรวิลัยมาหลายปี และงานทุกอย่างที่มอบหมายไปก็สำเร็จลุล่วงแทบไม่มีข้อบกพร่องแต่ไหนแต่ไรมา เรื่องนี้เขาก็มั่นใจเช่นนั้นเหมือนกัน
ฉัตรวิลัยยิ้มรับกับคำสั่งของเจ้านาย นึกลำพองอยู่ในใจเพราะไม่ว่าจะยังไงตรีศูลก็ไว้ใจเธอที่สุดเสมอ
นารถลักษณ์นึกผิดหวังอยู่ในใจ ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาตรีศูลแทบไม่รับฟังอะไรจากเธอเลย ให้จมอยู่แต่กับงานตรวจกองเอกสาร ที่บอกจะพาไปดูตลาด ก็ยังไม่เคยได้ไปสักครั้ง ป่วยการที่จะพูดเพราะเขาได้ออกคำสั่งให้ทุกคนพักเที่ยงไปแล้ว และคนในห้องประชุมก็กำลังทยอยกันออกเกือบจะหมด
“เดี๋ยวค่ะคุณตรี”
ตรีศูลถอนหายใจแรง แต่ก็ยอมเอ่ยปากบอกให้เลขาออกไปรอข้างนอก
“อะไรของเธอนักหนา”
“มันไม่ได้อะไรของลักษณ์หรอกค่ะ แต่มันเป็นผลประโยชน์ของบริษัท คุณตรีต้องทบทวนให้รอบคอบ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเมื่อสักครู่นี้ไงคะ ถึงลักษณ์จะไม่มีประสบการณ์แต่ลักษณ์ก็เคยฝึกงานแบบนี้มาก่อน กว่าจะจบมาได้ก็ได้เรียนรู้อะไรมาพอสมควร”
“ฉันรู้ว่าเธอฉลาด ไม่ต้องอวดก็ได้” เขาเหน็บ
“ลักษณ์ไม่ได้อวดฉลาด แค่จะบอกว่าราคาที่คุณฉัตรเอามาเสนอในห้องประชุมวันนี้มันสูงเกินไปจริงๆ”
“ฉัตรเขาไม่เคยทำงานชุ่ยๆ และห้ามเธอมาใส่ร้ายคนของฉันด้วย”
“คุณตรีช่วยพักอคติในใจสักครู่จะได้มั้ยคะ”
“เธอจะบอกว่าฉันเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ?” ตรีศูลยังคงยิ้มยียวน การได้ก่อกวนยายลูกเลี้ยงของพ่อแบบนี้มาตลอดสัปดาห์ดูสนุกกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
“ก็ถ้าไม่ใช่ งั้นฟังลักษณ์สักนาทีนะคะ นิตยสารเล่มนั้นถึงจะติดท็อปเท็น แต่ก็ยังเป็นเกรดรองๆ บางเล่มอยู่ เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่า ทางเขาเสนอขายหน้าโฆษณาให้เราในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงจนไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโปรโมชั่น”
“เธอจะให้ฉันเชื่อว่าฉัตรวิลัยปกปิดข้อมูลสำคัญ หรือว่ายักยอกกันแน่ล่ะ”
“มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ค่ะ บางทีทางโน้นคงจะเสนอราคาเอาเปรียบเราเฉยๆ ซึ่งลักษณ์คิดว่าคุณฉัตรน่าจะยังไม่ได้เทียบกับของที่อื่น”
“ไม่จริงหรอก ฉันให้เวลาเขากับโปรเจกต์นี้มาทั้งเดือน ซึ่งถือว่านานมากถ้าเทียบกับงานอื่น”
“คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ลักษณ์อยากขอให้คุณตรีระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายไว้ก่อน ขอเวลาลักษณ์หน่อย ให้ลักษณ์ได้ตรวจสอบและหาข้อมูลราคาเปรียบเทียบมาให้คุณดู”
“อยากทำอะไรก็ทำ” ถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดจะฟังดูมีเหตุผล และมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ แต่ยังไงซะเขาก็ยังคิดว่าเธอแค่ต้องการหาเรื่องสร้างผลงานให้พี่โตและพ่อของเขาเห็นเท่านั้น
ฉัตรวิลัยรีบหลบไปอีกทางเมื่อประตูห้องประชุมแง้มออกมา นึกเข่นเขี้ยวโมโหและกังวลหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน ถ้าเกิดเรื่องที่เธอกำลังทำอยู่เปิดเผย เรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ก็ต้องโดนขุดคุ้ยเช่นกัน แต่เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ
อารามร้อนใจทำให้หญิงสาวเริ่มเหงื่อตก บอกตัวเองว่าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป แต่ลำพังพนักงานออฟฟิศอย่างเธอจะมีปัญญาไปทำอะไรได้สักเท่าไร
แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ก็ต้องหาตัวช่วย และเขา เขาเท่านั้นที่เธอนึกถึงในตอนนี้...
คุณรณรวิชญ์ !
“วันก่อนผมไปเจอไอ้โตมา” พูดไปแล้วเขาก็ลอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเขม็ง
นิลณดามองคนเป็นสามีเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันมาสนใจกับงานบ้านที่ทำอยู่
“ผมบอกว่าเราเลิกกันแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะดีใจจนเนื้อเต้นเชียวละ”
หญิงสาวชะงักกึก เพราะคำบางคำที่เหมือนเฉือนหัวใจเธอจนแผลเหวอะหวะอีกครั้ง แต่ก็ยังคงแสดงความนิ่งให้ถึงที่สุด อย่างที่แสดงมาตลอด
“ตอนนี้ถ้าคุณอยากจะกลับไปหามัน ก็ได้นะ ทางสะดวกแล้วนี่”
เธอเลือกที่จะเดินออกไปจากห้องเอง ดีกว่าทนฟังคำพูดประชดประชันของเขาไม่จบไม่สิ้น
“ทำไมฮะ !” ร่างใหญ่ออกแรงกระชากร่างของเมียสาวจนเธอปลิวล้มมากระแทกชนเขาทั้งตัว “ทนฟังไม่ได้ เถียงไม่ออก หรือจะรีบกลับไปหามันกันแน่”
“วิชญ์ปล่อยดานะ” เธอบิดตัวออกจากแรงบีบมหาศาลที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ของที่อยู่ในมือก็พากันล้มลงไปกองระเนระนาดอยู่ที่พื้น เขาก็เก่งแต่เรื่องนี้ เก่งแต่การทำลายล้าง ขนาดชีวิตคู่ของเราก็ถูกเขาทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี