“หรือคุณหาทางออกเอาไว้แล้วคะ” สำหรับเธอการอยู่ใกล้กับปริญญ์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรนัก เพราะส่วนมากเขาก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเธอสักเท่าไร ถึงจะต้องอยู่กับเขาไปอีกสักสองสามเดือนก็น่าจะรอด
“ไม่มี !” เพราะเขาไม่เคยคิดหาไอ้สิ่งที่เรียกทางออกจริงๆ จังๆ เลยสักที
“งั้นเอาตามนี้นะคะ ฉันจะได้เลิกเครียดสักที” หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าถ้าใช้เหตุผลกับปริญญ์ต้องไม่ใช่เรื่องยากที่จะตกลงกันได้
“ถ้าผมตกลงแล้วผมจะได้อะไรไม่ทราบ” เขาถามแต่แอบซ่อนสายตาเจ้าเล่ห์ไว้
“คุณอยากได้อะไรฉันให้ทุกอย่าง ขออย่างเดียว...แค่อย่าคิดลามกกับฉันก็พอ”
“อ้าว... อย่างนี้ผมก็ขาดทุนแย่น่ะสิคุณหนู แต่งงานแต่ไม่ได้นอนกับเจ้าสาว”
เธอเห็นรอยยิ้มของเขาก็รู้แล้วว่าปริญญ์ต้องการจะแกล้ง
“ไม่ต้องมาทำพูดดีไป ฉันรู้ว่าคุณออกจะไม่ชอบขี้หน้าฉัน เอาเป็นว่าระหว่างที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณจะไปหาความสุขที่ไหน หรือกับใครก็ตามสบาย”
“ใจกว้างจริงนะ” นี่เธอจะเป็นภรรยาประเภทไหน ยังไม่ทันได้แต่งงานก็ไล่เขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นซะแล้ว...
แต่การสนทนาของทั้งคู่ก็มีอันต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีผู้มาใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาร่วมวง
“อ้าวเฮ้ย ไม่คิดว่าจะเจอแกที่นี่นะโต”
ปริญญ์มองมือที่แตะอยู่ที่บ่าของตนอย่างแสนรังเกียจ
“ฉันก็ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคร้ายไปได้”
คณานางค์มองสองคนสลับกันไปมา กับน้ำเสียงที่แสนจะเข้มและเย็นชาของปริญญ์ ต่างจากตอนที่คุยอยู่กับเธอลิบลับ
“เข้าใจล้อเล่นนี่เพื่อน แล้วใจคอไม่คิดจะแนะนำคุณผู้หญิงคนนี้ให้ฉันรู้จักบ้างเหรอวะ”
ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มหวานให้นางแบบสาว
“แต่ไม่เป็นไร ถ้าแกไม่แนะนำ ฉันแนะนำตัวเองก็ได้ สวัสดีครับผมชื่อรณรวิชญ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คะน้าเรากลับกันเถอะ” ปริญญ์ไม่รอให้ร่างบางหรือใครเอื้อนเอ่ยอะไรได้อีก เขารีบจับข้อมือหญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้แล้วทำท่าจะพาเธอออกไปให้พ้นๆ จากผู้ชายที่ชื่อรณรวิชญ์ อัศไวย์
“จะรีบไปไหนล่ะเพื่อนรัก” รณรวิชญ์เอาตัวเข้ามาขวาง “ฉันอุตส่าห์มีข่าวดีจะมาบอกแกสักหน่อย ไม่อยากรู้หรือไง”
คณานางค์เห็นเลยละว่าหน้าของปริญญ์แดงเข้มเพราะโทสะ อารมณ์ต่างจากวันก่อนโน้นโดยสิ้นเชิงที่หูแดงเพราะเขินเธอ
“แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับแก หลีกไป !”
“แน่ใจนะว่าไม่อยากจะฟังจริงๆ”
“ฟังเขาก่อนเถอะค่ะ” การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เธอไม่รู้ว่าระหว่างผู้ชายสองคนนี้เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่ปริญญ์ไม่ควรหนี ให้ศัตรูได้ใจและตามราวีไม่เลิกรา
“ตอนนี้ฉันกับดาหย่าขาดจากกันแล้วอย่างเป็นทางการ เห็นเธอร่ำๆ ว่าคิดถึงแก ยังไงถ้าตอนนี้ถ่านไฟเก่ายังพอมีเชื้อ หรืออยากจะสานสัมพันธ์สวาทกันต่อ ก็เชิญตามสบายเลยนะ”
“ไอ้...” ปริญญ์กัดฟันแน่นจนขึ้นเป็นแนวสันกราม สะกดคำสบถรุนแรงไว้ได้ทัน “ฉันขอเตือนให้แกเลิกพูดจาที่ทำให้ดาเสียหาย ไม่อย่างนั้น ฉันจะเอาเลือดชั่วๆ ออกจากปากโสมม ของแกไอ้วิชญ์ !”
“กะอีแค่ผู้หญิงใจง่ายคนเดียว ทำไมเพื่อนที่คบกันมาตั้งหลายปีอย่างเราต้องผิดใจกันด้วยวะ แล้วตลอดสองปีที่ฉันอยู่กินกับอดีตคนรัก... ของเรา” รณรวิชญ์ตั้งใจใช้คำว่า ‘ของเรา’ ให้อีกฝ่ายเดือดเข้าไปอีก
“ฉันก็เห็นแต่ความจืดชืดน่าเบื่อ ไม่รู้ตอนนั้นฉันหน้ามืดตาบอดไปคว้ามาทำเมียได้ยังไง แต่คิดว่าผู้หญิงแบบนั้นคงจะเหมาะกับแกมากกว่า ฉันเลยเปิดโอกาสให้ นี่ถือว่ารักเพื่อนสุดๆ เลยนะเว้ย”
คณานางค์รู้สึกว่าตนเองทนฟังผู้ชายคนนี้เห่าหอนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“คุณคะ เพื่อนกันเขาไม่ทำร้ายกันขนาดนี้หรอกค่ะ แล้วในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันขอบอกอะไรคุณไว้อย่าง ผู้ชายที่พูดจาดูถูกเพศแม่ของตัวเองได้ขนาดคุณ” เธอยิ้มเยาะอย่างที่มั่นใจว่ามันร้ายกาจพอดู “เขาเรียกว่าหน้าตัวเมีย !”
รณรวิชญ์ไม่ได้รู้สึกโกรธที่ตัวเองโดนหญิงสาวสาดวาจาเผ็ดร้อนใส่ กลับรู้สึกสนุกยิ่งกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
“คนนี้แซบนี่หว่า แถมสวยหยาดเยิ้มอีกต่างหาก” รณรวิชญ์โน้มตัวลงไปใกล้ๆ อดีตเพื่อนรัก “แลกกันเอามั้ยโต แกเอาดาไปส่วนคนนี้... ฉันขอ”
“ไอ้วิชญ์ ! มึงไม่มีสิทธิ์มาดูถูกหรือเข้าใกล้แฟนกูอีก จำเอาไว้” เขาว่าเสียงลอดไรฟันก่อนที่จะซัดหมัดหนักๆ ลงไปบนหน้าของอดีตเพื่อนรัก
พลั่ก ! โอ๊ย !
“นี่มึง !”
คณานางค์และพนักงานในร้านรีบเข้ามายื้อแยกทั้งคู่ออกจากกัน กว่าที่จะลากปริญญ์ออกมานอกร้านจนถึงลานจอดรถได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสักนิด แต่ต้องยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่เขาปกป้องเธอ
“จอดทำไม”
ปริญญ์มองรถที่หญิงสาวกำลังขับ ซึ่งมันคือรถของเขาจอดเทียบอยู่ข้างๆ ถนน เลยไปนิดคือสนามเด็กเล่นขนาดย่อมของหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง แรกเดิมทีตอนที่เธอขออนุญาตยามเข้ามาและยื่นถุงขนมใบใหญ่ให้ไป เขายังนึกว่าหญิงสาวมาหาเพื่อนหรือคนรู้จักซะอีก
“ลงมาเถอะน่า”
เธอเดินนำเข้าเข้าไปที่ชิงช้าสองตัวในสวนเล็กๆ เหลือบไปมองเขาที่เอาแต่นั่งนิ่งอย่างเป็นห่วง คณานางค์รู้สึกว่าเรื่องเมื่อหลายนาทีก่อนคงยังทำให้เขาไม่สบายใจนัก ถึงจะไม่รู้ตื้นลึกอะไรกับเรื่องของเขากับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อน แต่จากที่ได้ฟังก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าคงเป็นเรื่องของรักสามเส้าแน่
“เวลาที่ฉันทะเลาะกับพ่อ ก็จะหนีท่านมาหาเพื่อนที่นี่ มาบ่อยซะจนสนิทกับพี่ยามหน้าป้อมนั่นแหละ ถึงตอนนี้เพื่อนฉันจะย้ายบ้านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังสนิทใจที่จะมาที่นี่ เพราะตรงนี้ไม่มีใครสนใจฉัน ไม่มีใครจำฉันได้ ถึงจะพอมีคนคุ้นๆ บ้าง แต่พวกเขาจะไม่เข้ามายุ่งกับฉันนัก ไม่ทำให้รำคาญใจด้วย”
“เล่าให้ผมฟังทำไม”
“แค่จะบอกว่า ฉันอนุญาตให้คุณยืมใช้หลุมหลบภัยของฉันได้ นั่งจนกว่าจะสบายใจแล้วค่อยไป”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
คณานางค์รู้สึกว่าปริญญ์ คนที่เธอเคยเจอวันแรกได้กลับมาแล้ว คนที่นัยน์ตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึก คำพูดที่ใช้ก็ไร้ซึ่งอารมณ์ ต่างจากคนที่เธอเจอในหลายวันให้หลังมานี้
“อืม... งั้นรอฉันอยู่นี่แป๊บนะ เดี๋ยวมา”
ปริญญ์มองเจ้าของร่างบางวิ่งออกไปที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่นานเจ้าหล่อนก็กลับมาพร้อมถุงที่โชว์ยี่ห้อของร้านสะดวกซื้อเด่นหรามาด้วย
“หันหน้ามานี่สิคุณ”
ปากออกคำสั่งแต่มือบางก็ยังถือโอกาสจับคางเขาหมุนมาในทิศที่เธอต้องการอยู่ดี
“โดนเขาต่อยมาเหมือนกันสินะ” ที่จริงเธอเห็นมันขึ้นรอยช้ำตั้งแต่อยู่ในรถแล้วแหละ คิดว่าในช่วงชุลมุนคงมีพลาดกันบ้าง “ทำไมไม่รู้จักหลบบ้างล่ะ ดูคุณก็ไม่ใช่คนโง่นี่คะ”
“จะทำอะไร”
“ทำแผลค่ะ ถึงไม่แตกแต่ก็บวมคงต้องประคบสักหน่อย”
เขากำลังจะบอกว่าไม่ต้อง ตอนที่เห็นหญิงสาวทำท่าจะเอาไอศกรีมแท่งโตมาแปะที่มุมปากให้ แต่ดูจากน้ำหนักมือเธอคงไม่ยอมง่ายๆ แน่
“ใครเขาสอนคุณทำแบบนี้กัน ปัญญาอ่อน !”
เธอได้ยินที่เขาว่า แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นอีกคนยอมให้ของเย็นแช่อยู่บนใบหน้าที่เนียนใส ไร้สิวฝ้า ขนาดผู้หญิงบางคนยังอายของเขา โดยที่ไม่หลบแล้ว เธอจึงกดๆ ยกๆ สลับกันไป แกล้งจี้ลงไปหนักๆ บ้างในบางครั้ง แต่คุณตัวโตก็ไม่ยักกับแสดงท่าทีเจ็บปวดสักนิดด้านจริงอะไรจริง
สงสัยแผลที่ใจคงจะเจ็บกว่า...