ตอนเช้าตื่นขึ้นมาภควัติก็โทร.ให้ชานนท์เอาเสื้อผ้ามาให้ที่คอนโด เขาลงไปรับที่หน้าล็อบบีตอนที่ชานนท์โทร.มาบอก เขาเลือกที่จะลงไปเองเพราะไม่อยากให้ชานนท์เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของแสนรัก ทั้งที่เธอยังไม่ได้ตอบรับสถานะกับเขาอย่างชัดเจน
เมื่อคืนพออาบน้ำเสร็จ เขาก็เลือกที่จะนอนบนโซฟาในห้องรับแขก เพราะไม่อยากทำร้ายตัวเองด้วยการนอนกอดเฉยๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาอยากร่วมเตียงกับแสนรักแต่วันนี้เธอคงยังไม่พร้อม ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนดีแต่ไม่อยากรีบร้อนผลีผลาม เขาห่วงความรู้สึกของแสนรักมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง
ความรู้สึกแบบนี้คืออะไร ภควัติเฝ้าถามตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน และเขาก็แน่ใจในคำตอบ... ว่าเขากำลังมีความรักจริงๆ แบบที่เขาเองรู้สึกได้ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนแม้กระทั่งกับอดีตภรรยาที่เคยแต่งงานด้วย เขายินดีทำให้เธอมีความสุขทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เขายินดีทำให้
เมื่อเช้านอกจากจะให้ชานนท์เอาเสื้อผ้ามาให้ เขายังสั่งให้ซื้ออาหารเช้ามาให้เขาและแสนรักด้วยเลย
แสนรักกำลังเข้าครัวตอนที่ภควัติกลับมาถึงพอดี
“แสนตื่นแล้วเหรอ”
“คุณไปไหนมาคะ” แสนรักหันมาถามก่อนหันหน้ากลับไปยังอาหารที่กำลังทำอยู่ ตั้งใจว่าอีกเดี๋ยวจะโทร.หาเขาอยู่พอดี
“ผมให้นนท์เอาเสื้อผ้าชุดทำงานมาให้ แล้วแสนกำลังทำอะไรอยู่ครับทำไมไม่เรียกผม” เขามองสิ่งที่เธอทำ ขณะที่แสนรักมองไข่คนในกระทะแล้วหันมาตอบเขา
“มื้อเช้าของเราค่ะ”
“ผมทำให้ทานก็ได้ แสนไม่น่าเดินมาทำเอง”
“แสนพอจะเดินไหว คุณอย่าทำเหมือนแสนเป็นคนป่วยหนักสิคะ”
“ตกลงครับ งั้นมีอะไรให้ผมช่วยบ้าง” เขาเดินไปใกล้ซ้อนหลังเธอที่กำลังทำไข่คนอยู่ พอเธอเผลอเขาเลยฉวยโอกาสหอมแก้มไปครั้งหนึ่ง
“ท็อปคะ แสนทำอาหารอยู่นะคะ” แสนรักย่นคอหนีแต่ก็หลบไม่พ้น ปากหยักร้อนไล่งับติ่งหูจนเธอวาบหวิวไปหมด
“แค่ชื่นใจนิดเดียว เมื่อคืนผมอาบน้ำให้ ไม่ตบรางวัลผมบ้างเหรอ”
แสนรักมองค้อนเขา ทำไมหน้าหนามาทวงรางวัลทั้งที่เขาทำให้เธออายแสนอาย แต่ช่างเถอะ แสนรักบอกเขายิ้มๆ “แสนเลยทำอาหารให้ทานอยู่นี่ไงคะ”
“ดีจังเลยครับ” ภควัติตอบ ชอบที่แสนรักทำตัวน่ารักแบบนี้ ไม่งี่เง่าไม่แสนงอน ชอบก็บอกว่าชอบไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ
“ดีอะไรหรือคะ” เธอหันมาถาม
“ดีที่มีแสนอยู่ด้วยแบบนี้ไงครับ”
ครัวของแสนรักมีกระจกอยู่ตรงผนังฝั่งหนึ่ง แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเข้ามาเป็นเงาทาบทับบนเรือนกายอรชร เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอสะท้อนแสงอรุณ ดวงตาคู่งามที่มองเขาดั่งร่ายมนตร์จนเขาอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด
“ผมขอจูบรับอรุณได้ไหม” เท้ายาวก้าวเพียงก้าวเดียวก็มาถึงตัวแสนรัก มือหนาประคองกรอบหน้าหวานให้นิ่งแล้วมอบจุมพิตลงไปอย่างอ่อนหวานที่สุด
“อื้อ พอแล้วค่ะ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินอาหารเช้าพอดี”
“จริงๆ อยากกินแสนเป็นมื้อเช้า” ภควัติบอกแล้วจุมพิตเธออีกทีก่อนจะปล่อยริมฝีปากอิ่มให้เป็นอิสระ แสนรักกัดปากแน่นด้วยความอาย ไม่เข้าใจว่าวันนี้เขาเป็นอะไร ปากหวานแต่เช้า แต่เธอก็ชอบนะ ฟีลแฟนแบบนี้ แสนรักคิดอย่างขำๆ แล้วไล่ให้เขาไปอาบน้ำ ส่วนเธอจะรีบทำอาหารเช้า เพราะถ้าเขายังยืนอยู่ด้วย มีหวังคงไม่ได้ทำอาหารต่อ แต่เธอจะกลายเป็นอาหารของเขาแทน
กว่าจะกินอาหารเช้าจบก็ปาไปแปดโมงกว่า แสนรักถูกภควัติอุ้มพาไปห้องน้ำเพื่อช่วยอาบน้ำ แม้จะไล่เท่าไรเขาก็ไม่ไป เขาอยู่ในชุดคลุมแล้วตอนที่เดินมาถึงตัวเธอ
“แสนไม่ถอดเสื้อคลุมหรือครับ” เขาเลิกคิ้วถามหน้าตาย
“คุณจะไม่ยอมออกไปจริงๆ หรือคะ”
“จริงครับ” เขาตอบอย่างมั่นใจ ดวงตาจับนิ่งที่ดวงหน้าหวาน แล้วจัดการปลดเสื้อคลุมออก จนเหลือแต่ชุดนอนบางเบาตัวที่เขาเลือกให้เธอสวมเมื่อคืน เขาจับสายเดี่ยวแล้วปลดลงจากลาดไหล่ รูดลงไปตามเรือนกายอ้อนแอ้น สมส่วน เขารู้สึกว่าเป็นการดูแลแฟนที่ทรมานตัวเองมากเหลือเกิน
ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ทำไม เพราะมันเท่ากับทำร้ายตัวเองชัดๆ เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้ว ดวงตาคมกริบไล่มองขึ้นมาจากเท้าขาวสะอาด ขึ้นมาจนถึงน่องขาเรียว และจุดบอบบางของหญิงสาว เขาก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเพราะติดใจรสชาติน้ำหวานที่อยู่ในโพรงลี้ลับนั่น แสนรักรีบบิดกายหนีเขา ตอนนั้นเองที่เขาได้สติคืนมาเพราะว่าแสนรักยังขาเจ็บอยู่ เขาไม่อยากให้เธอลื่นล้มจนเป็นการซ้ำเติมให้บาดเจ็บหนักขึ้น
เขาดึงสายตาและสติกลับมา สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุดแล้วเริ่มทำหน้าที่ผู้ดูแลที่ดี แม้จะยากเต็มทีก็ตาม
เขาเปิดน้ำอุ่นแล้วหยิบฝักบัวลงมา ต้องชะงักอีกรอบเพราะว่าสายตาและเรือนร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้เขาแทบอดใจไม่อยู่ แสนรักยกมือปิดทรวงอกอวบตัวเองไว้ เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วดึงมือบางของเธอออก เก็บฝักบัววางคืนที่เดิม กักร่างบางเปลือยเปล่าไว้กับผนัง
“ท็อปคะแสนเจ็บขานะ”
ภควัติขำที่แสนรักเอาเรื่องอาการเจ็บขามาอ้าง “ไหนบอกว่าหายแล้วไม่เป็นอะไร”
“ตอนนี้เจ็บอีกแล้ว” แสนรักตอบหน้าตายทำให้ภควัติยิ่งขำอีกรอบ
“งั้นต้องพิสูจน์” ภควัติบอกพร้อมกับก้มหน้ามอบจูบให้อย่างเร่งร้อนในตอนแรกเพราะแรงอารมณ์ ก่อนจะค่อยๆ ปรับให้อ่อนลงแล้วบดคลึงปากนุ่มอย่างคุมสติไม่ได้ จูบทีไรก็ห้ามใจไม่อยู่ทุกที
“แสน” เสียงทุ้มครางออกมา ร่างหนาบดเบียดเข้าหาคนที่เขากักไว้กับผนัง แสนรักยืนอ่อนระทวย หายใจแรงอยู่ภายใต้การเกาะกุมที่เขามอบให้
“ท็อปคะ” แสนรักครางแผ่ว พยายามดันเขาออกแต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ของภควัตินั้นได้เตลิดไปไกลมากแล้ว เขาเหมือนคนที่เดินทางมาจนถึงขีดสุดของความอดทนที่ได้กำหนดเพดานไว้
เขาทดสอบความอดทนในเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเอง ทั้งที่ไม่ควรทำเลย แสนรักเป็นห่วง สงสารเขา แต่ก็ไม่อยากให้เขาล่วงเกินอีก จึงดันเขาออก
“แสนผมขออีกนิด”
แสนรักมองดวงตาที่เว้าวอนมาแล้วกัดปากแน่น เขาจูบแล้วขบเม้มไว้ทำให้แสนรักสมองปั่นป่วน เพราะความต้องการที่เขามีมากล้นส่งผ่านมาทางสัมผัสทางกายที่รุ่มร้อน รุนแรง เขาถอดเสื้อเชิ้ตตัวเก่าที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานออกและตามด้วยกางเกงอย่างรีบร้อน
แล้วตามกลับมาบดเบียดเธอ แนบร่างกับเธอจนชิด แสนรักเสียวไปทั่งร่าง เพราะมือไม้ ปากลิ้นของเขาที่ระดมสรรพกำลังมาพร้อมกัน ปั่นป่วนเธอจนหัวหมุน แต่ก็หวามไหวไปทั่วสรรพางค์กาย
ปากร้อนชื้นไล่จูบลงไปตามซอกคอลงมาถึงเนินอก เขาต้องย่อตัวนิดหน่อยเพราะความสูงที่ต่างกันถึงสิบกว่าเซนติเมตร เขาปรับองศาให้ปากพอดีกับทรวงอกคู่งามที่น่าหลงใหล มันงอนงาม อวบอิ่มพอดีมือ เขาตวัดลิ้นเลียไล้ก่อนจะครอบครองแสนรักไว้ด้วยริมฝีปาก
“อื้อ”
แสนรักครางเมื่อถูกโลมเล้าอย่างหนักหน่วง มือบางไร้ซึ่งที่ยึดเหนี่ยว เพื่อประคองตัวเองจึงต้องยึดบ่ากว้างกำยำของภควัติเป็นหลักยึด เธอเกาะเกี่ยวเขาแน่น ยิ่งเมื่อถูกครอบครองทรวงอกหนักมากขึ้นทุกขณะ เธอก็ยิ่งจิกเล็บลงบนแผ่นหลังแล้วครูดลงเป็นทางยาว