05
เชื่อใจ
"ขอบใจแกมากนะที่มาช่วยพี่วันนี้ นี่ค่าตอบแทน" แพรวพรรณเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นค่าจ้างจำนวนหนึ่งให้กับที่รักที่เปลี่ยนกลับมาอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมกลับบ้าน
"ไม่เป็นไรค่ะเรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างพี่ก็ช่วยเหลือที่รักไว้ตั้งหลายอย่าง"
"แกอย่ามาดึงดราม่าใส่พี่นะ ไป ๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนี่ก็ดึกแล้ว" แพรวพรรณพูดดักทำให้หญิงสาวยิ้มออกมา เธอกับแพรวพรรณรู้จักกันมานานเพราะเป็นสายรหัสกันก่อนที่แพรวพรรณจะเรียนจบไปเมื่อสองปีที่แล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังพูดคุยติดต่อกันอยู่ตลอดตามฉบับพี่น้องที่สนิทกัน
"พี่แพรวครับ" ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกไปเสียงของพนักงานหนุ่มก็ดังขึ้นทำให้เท้าเรียวสองคู่หยุดชะงักพร้อมหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน
"มีอะไร?"
"บอสเรียกครับ บอกให้ขึ้นไปหาตอนนี้เลย"
"ตอนนี้เหรอ ถ้างั้นแกรอพี่แป๊บนึงนะเดี๋ยวพี่มา" ได้ยินแบบนั้นแพรวพรรณก็หันไปบอกกับหญิงสาวรุ่นน้องทันที
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไปคุยงานเถอะเดี๋ยวที่รักเรียกแท็กซี่เอาก็ได้ตอนนี้น่าจะยังมีอยู่" เธอเองก็ไม่อยากรบกวนแพรวพรรณเพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วอีกอย่างบ้านของเธอกับรุ่นพี่สาวก็อยู่กันคนละทาง
"เอางั้นเหรอ ถ้างั้นก็กลับดี ๆ นะ ฝากไปเรียกแท็กซี่ให้น้องฉันด้วยนะ" พูดจบแพรวพรรณก็หันไปบอกกับพนักงานคนดังกล่าวที่ยืนอยู่ก่อนจะเดินออกไป
"ปะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกแท็กซี่ให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไปทำงานต่อเถอะแค่นี้เอง"
"เอางั้นเหรอ?"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" เธอบอกกับพนักงานหนุ่มรุ่นพี่ก่อนจะเดินแยกออกไปด้านหน้าผับเพื่อรอเรียกแท็กซี่เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำงานแล้วกลับดึกดื่นแบบนี้ซึ่งก็มีแท็กซี่ผ่านอยู่บ่อย ๆ
เมื่ออยู่เพียงลำพังเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูก็ปรากฏว่าข้อความที่เธอส่งไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนถูกอ่านแล้วแต่ทว่าไร้ซึ่งการตอบกลับหรือโทรหาใด ๆ ครั้นจะกดโทรหาเขาก็กลัวจะรบกวนเวลาของเขาทำให้เธอได้แต่เก็บความน้อยใจเอาไว้แล้วกดปิดหน้าจอลง ยืนรอไม่นานรถแท็กซี่ก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าซึ่งที่รักก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูขึ้นไปนั่งพร้อมบอกพิกัดคนขับเรียบร้อยจากนั้นเธอก็เอาแต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเศร้า
ครืด~ ครืด~
เสียงสั่นครืดคราดของโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติที่เหม่อลอยของเธอกลับมาได้แต่ทว่าก็ไร้ซึ่งความดีใจใด ๆ เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นไม่ใช่ของเธอ
"อะไรนะ? ได้ ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้" เสียงคนขับแท็กซี่ดังขึ้นพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงจากนั้นก็ชะลอรถจนที่รักขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"มีอะไรรึเปล่าคะ?"
"ลุงขอโทษทีนะหนูตอนนี้ลูกสาวลุงไข้ขึ้นลุงต้องรีบไปรับพาไปโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวลุงจอดป้ายรถเมล์ตรงหน้าให้นะแล้วหนูก็เรียกรถต่อไปเองก็แล้วกัน" โซเฟอร์แท็กซี่พูดพร้อมตีไฟเลี้ยวจอดเทียบฟุตพาทหน้าป้ายรถเมล์ตรงหน้าอย่างไม่รอให้ที่รักได้ตอบอะไรทำให้หญิงสาวต้องเปิดประตูลงจากรถอย่างไม่มีทางเลือก
"เดี๋ยวค่ะค่าแท็กซี่ลุงยังไม่ได้..."
"ไม่เป็นไร ๆ ลุงเองก็ไปส่งหนูไม่ถึงที่ลุงไม่รับก็แล้วกัน" พูดจบชายวัยกลางคนก็ขับรถออกไปทันทีโดยปล่อยให้ที่รักยืนอยู่ลำพังที่ป้ายรถเมล์ แม้มันจะไม่ใช่สถานที่ที่เปลี่ยวมากนักแต่ถ้าหากมองไปรอบ ๆ ก็ไร้ผู้คนสัญจรในยามนี้มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใกล้ ๆ เท่านั้น
ที่รักที่หันมองบริเวณรอบ ๆ ก็เห็นชายฉกรรจ์หนึ่งในสามที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่หันมามองด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจทำให้เธอกำกระเป๋าสะพายข้างแน่นพร้อมกับหมุนเท้าเพื่อจะเดินห่างออกไปให้พ้นจากตรงนี้แต่ทว่าก็สายไปเมื่อชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางเธอเอาไว้ทำให้ที่รักก้าวถอยหลังด้วยความตกใจก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันจากชายฉกรรจ์อีกคนที่ยืนล้อมอยู่ทางด้านหลัง
"จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะคนสวย"
"ว้าา...ตัวสั่นเป็นลูกนกเชียวนะ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่เห็นว่ายืนอยู่คนเดียวค่ำ ๆ มืด ๆ เลยจะมายืนรอเป็นเพื่อน"
"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอคนเดียวได้ ดะ...เดี๋ยวแฟนฉันก็มารับแล้ว" ที่รักเอ่ยโกหกออกไปเพราะคิดว่าการที่เธอโกหกว่าแฟนจะมารับจะทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนเดินออกไปแต่ทว่าก็ไร้ประโยชน์เพราะนอกจากชายทั้งสามคนจะไม่ออกไปแล้วยังยกยิ้มขึ้นที่มุมปากราวกับขบขันในคำพูดของเธอ
"ฮ่า ๆ สวยแต่ว่าซื่อไปหน่อยนะคนสวย ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนจะปล่อยแฟนตัวเองมายืนอยู่ค่ำ ๆ มืด ๆ ในที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวแบบนี้ล่ะ นอกเสียจากจะไม่ใช่แฟนน่ะนะ ฮ่า ๆ"
"ฮ่า ๆ!" ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นราวกับคำพูดของหญิงสาวนั้นน่าขบขัน ในขณะที่ที่รักยืนตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อมองไปทางไหนก็ไร้ซึ่งผู้คนหรือคนสัญจรไปมาในยามนี้
ผลัก!
"โอ๊ย! ตามไปสิวะ!" หญิงสาวอาศัยจังหวะที่ชายฉกรรจ์ตรงหน้าหัวเราะลั่นอยู่นั้นออกแรงผลักอย่างแรงจนร่างสูงเซถลาไปด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด
"อึก!" หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดในขณะที่มือเรียวก็พยายามหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อจะโทรหาตำรวจแต่ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้กดโทรเสียงฝีเท้าหนัก ๆ สามคู่ก็วิ่งเข้ามาใกล้
"คิดว่าจะหนีพ้นเหรอจ๊ะคนสวย" เสียงเย้ยหยันตะโกนไล่หลังมาพร้อมกับรอยยิ้มในขณะที่ที่รักเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยความหวาดกลัวแต่ทว่าในจังหวะนั้นในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างเมื่อสายตามองไปเห็นแสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งที่แล่นเข้ามาทำให้เธอหันกลับไปมองทางด้านหลังที่มีชายฉกรรจ์สามคนวิ่งเข้ามาเกือบจะถึงเธอ หญิงสาวไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าไปขวางหน้ารถที่แล่นเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตเพราะถ้าหากเธอจะเป็นอะไรไปอย่างน้อยสิ่งที่เธอเลือกก็ไม่ใช่การถูกข่มขืน
เอี๊ยดดดด!!!
"อึก!!" เสียงเบรกรถจนล้อรถเสียดสีไปกับพื้นถนนจนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณในขณะที่หญิงสาวยืนหลับตาแน่นรอรับความเจ็บปวดที่จะกระแทกเข้ามาที่ร่างกาย
"ที่รัก" เสียงเรียกที่ดังอยู่ตรงหน้าทำให้ที่รักดึงสติกลับมาได้พร้อมกับค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
"พี่เสือฮึก!" เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครหญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะโผเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นทั้งหวาดกลัวและดีใจที่อย่างน้อยคนตรงหน้าก็คือเสือ
"ไม่เป็นไรพี่อยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ" ร่างสูงกอดปลอบคนในอ้อมกอดแน่นเขารับรู้ถึงแรงสั่นเทาจากร่างเล็กในอ้อมแขนบ่งบอกว่าเธอคงจะหวาดกลัวและตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"อึก!" ที่รักสะอื้นเบา ๆ นึกดีใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าคือเสือแม้จะไม่ได้หวังให้เขามาช่วยแต่สุดท้ายเขาก็มา
"ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรที่รักของพี่ได้นะ" สายตาคมมองไปยังชายฉกรรจ์สามคนที่รีบวิ่งห่างออกไปด้วยความกลัวก่อนจะลูบศีรษะทุยเบา ๆ จนกระทั่งร่างสั่นเทาเริ่มหยุดนิ่ง
"ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง" เสือประคองร่างเล็กไปขึ้นรถก่อนจะปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ก่อนจะพาเธอไปส่งบ้านเขาแวะเข้าที่สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลาย
"ดื่มน้ำก่อนนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะเหล็กสีขาว
"ขอบคุณค่ะ"
"ทำไมถึงไปยืนอยู่ที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวแบบนั้น" เสือเอ่ยขึ้นหลังจากที่หญิงสาวดื่มน้ำที่เขายื่นให้เสร็จสรรพ
"พอดีที่รักกำลังจะกลับบ้านค่ะแล้วลุงขับแท็กซี่มีธุระด่วนเลยส่งแค่หน้าป้ายรถเมล์แต่..."
"ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องไปนึกถึงมัน ทีหลังอย่ายืนคนเดียวแบบนี้อีกนะ มีอะไรก็รีบโทรหาพี่สิ"
"เห็นพี่มีธุระด่วนเลยไม่กล้าโทรค่ะ อีกอย่างข้อความที่ส่งไปพี่ก็ยังไม่ตอบเลย" ประโยคหลังเธอพูดเสียงเบาพร้อมก้มหน้าลงไม่สบตาคนข้าง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำธุระอยู่ที่ไหนยังไงขนาดข้อความเขายังอ่านไม่ตอบเธอเลยไม่กล้าที่จะโทรหาเขา
"พี่ขอโทษนะที่ผิดนัดพอดีพี่มีธุระด่วนเลยต้องรีบไป พี่ได้อ่านข้อความของเราก็ตอนเย็นพี่เลยคิดว่าจะมาขอโทษแล้วก็อธิบายให้เราฟังที่บ้านเลยดีกว่าแต่ก็มาเจอเราเสียก่อน โกรธพี่มากเลยเหรอ?" เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นที่รักเงียบไป
"เปล่าค่ะ ที่รักแค่คิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรผิดไป" หญิงสาวตอบเสียงเบา เพราะอยู่ดี ๆ เขาก็หายไปไม่บอกไม่กล่าวแถมยังอ่านข้อความที่เธอส่งไปแต่ไร้การตอบกลับหรือโทรหามันเลยทำให้เธอคิดไปว่าเธออาจจะทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
"ที่รักไม่ได้ทำอะไรผิดไปหรอก พี่ผิดเองที่ไม่ได้บอกเราก่อนอยู่ ๆ ก็หายไปแบบนี้ พี่ขอโทษนะครับ" เสือจับมือเรียวมากุมเอาไว้พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดทำให้ที่รักค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง ถ้าจะบอกว่าไม่น้อยใจมันก็คงเป็นคำโกหกที่ไม่น่าเชื่อเอาเสียเลยเพราะสิ่งที่เธอรู้สึกมันตรงกันข้าม เธอน้อยใจ เธอรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองเลยสักนิด
"ที่รักแค่น้อยใจค่ะ แต่ไม่อยากงี่เง่า" เพราะเธอกับเขาก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากคนคุย หากเธอแสดงอาการน้อยใจจนเกินไปก็กลัวว่าอีกคนจะรำคาญ
"พี่ขอโทษจริง ๆ นะ เพราะพี่มีธุระด่วนเลยไม่ได้บอกเราก่อน"
"พี่ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหมคะ?" เธอตัดสินใจถามเขาออกมาตรง ๆ เพราะถ้าเขาบอกและจะหยุดความสัมพันธ์นี้เธอก็ยอมรับการตัดสินใจของเขาก่อนที่ความรู้สึกของเธอมันจะเต็มร้อยไปหมดแล้ว
"ถ้าหมายถึงเรื่องผู้หญิงเหมือนที่ผ่าน ๆ มาพี่อยากบอกให้ที่รักมั่นใจในตัวพี่ว่าถ้าพี่มีผู้หญิงที่พี่รัก พี่มอบหัวใจให้แล้วพี่จะไม่มีวันนอกใจคนที่พี่รักเด็ดขาด ฉะนั้นไม่ต้องคิดมากกับเรื่องนี้ พี่รู้ว่าในอดีตก่อนเราจะเจอกันพี่เป็นยังไงแต่การกระทำที่ผ่านมามันไม่ทำให้ที่รักไว้ใจพี่ได้สักนิดเลยเหรอ?" ร่างสูงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมสบตาเธอตรง ๆ ในประโยคท้ายเขาทำหน้าเศร้าลงราวกับคนที่กำลังตัดพ้อและน้อยใจ
"มะ...ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ที่พูดเพราะที่รักอยากมั่นใจ ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาที่รักไม่เชื่อนะคะ ตอนนี้ที่รักเชื่อแล้วจะไม่สงสัยอะไรแบบนี้อีกแล้วค่ะ" เมื่อเห็นใบหน้าเศร้า ๆ ของเขาเธอก็รีบเอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกผิดที่คิดสงสัยในคำพูดของคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับเธออย่างตรงไปตรงมาตลอด ฉะนั้นต่อไปนี้เธอจะไม่เอาคำพูดที่ได้ยินจากปากคนอื่นมาสงสัยในตัวของเขาอีกแล้ว