"ฉันนึกว่าพวกนายจะมาไม่ทันซะอีก"น้ำตาที่เริ่มหายไปคงเหลือไว้เพียงขอบตาที่บวมแดงเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
"พวกฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอกน่า"นิทานเอ่ยขึ้นพลางเอาผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำมาเช็ดใบหน้าของเธออย่างเบามือ
"ตาบวมหมดแล้ว อยากนอนพักหรือเปล่า"ชายหนุ่มอีกคนที่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ตอนนี้หญิงสาวเริ่มดีขึ้นแล้วแต่ยังคงกลัวอยู่นิดหน่อย
"ฉันว่าพวกนั้นไม่หยุดแค่นี้แน่นอน มันเป็นคนของยัยแม่มดนั่นที่ส่งมา"
"ไม่ต้องห่วง นอกจากพวกฉันแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้อีก"มือหนาลูบผมของหญิงสาวเบาๆ
"นอนพักเถอะ"นิทานเอ่ยตัดบทก่อนจะดันตัวของเธอให้นอนบนเตียงของเขาพลางห่มผ้าให้เสร็จสรรพ
"ที่จริงฉันไปนอนห้องตัวเองก็ได้นะ"น้ำรินเอ่ยขึ้นพลางทำท่าจะลุกออกจากเตียงของนิทาน
"หยุด เธอนอนที่นี่นี่แหละ ห้ามขัดขืน นอนไปซะ"เสียงดุๆของนิทานรีบบอกเธอทันที พลางชี้นิ้วห้ามไม่ให้เธอลุกจากเตียง
"ก็ได้..."น้ำรินเอ่ยเสียงเบา พลางหลับตาลงทันที โดยมีสายตาสองคู่ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เมื่อทั้งสองเห็นว่าเธอหลับแล้ว จึงเดินออกมาดูข้างนอก
สภาพของทั้งสองคนที่บุกเข้ามาในตอนนี้ไม่ค่อยจะน่ามองซักเท่าไหร่ ใบหน้าที่แตกยับเยินจากฝีมือของลูกน้องของพวกเขาห้าคนยังน้อยไปสำหรับที่พวกมันกล้าบุกเข้ามาถึงในบ้านของพวกเขา
"กลับไปบอกคนที่ส่งแกมาด้วยนะว่าอย่ามายุ่งกับน้ำรินอีก ไม่งั้นคราวหน้าฉันจะบุกไปถึงบ้านเลย"น้ำเสียงดุดันของนิทานเอ่ยบอกก่อนจะเสยปลายคางของพวกนั้นไปอีกทีนึงจนสลบเหมือดไป
"พวกนายเอามันไปทิ้งไว้หน้าบ้านยัยแม่มดนั่นด้วย"วอร์มเป็นคนเอ่ยสั่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปดูน้ำรินอีกรอบอย่างเป็นห่วง ส่วนนิทานนั้นก็ต้องกลับไปดูผับที่ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องและยังเคลียร์ไม่ลงตัว
ร่างสูงที่นั่งจ้องมองหน้าของน้ำรินจนแทบจะไม่กระพริบตาหรือออกห่างมาสองชั่วโมงยังคงไม่ยอมไปไหน จนในที่สุดหญิงสาวที่หลับก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา
"นะ นายมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี้ย"หญิงสาวที่ลืมตาขึ้นมาก็เจอเขานั่งอยู่จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
"มาเฝ้าเธอไง"น้ำเสียงนุ่มเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน ภายในแววตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนและห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย"น้ำรินค่อยลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางหลบสายตาของชายหนุ่มที่กำลังจ้องเธออยู่ตลอดเวลา จนเธอรู้สึกแปลกๆ
"หิวหรือเปล่า อยากกินอะไรไหม"
"อืม นิดหน่อย"ใจจริงเธอก็อยากจะบอกเขาไปว่าเธอหิวมาก แต่ก็อยากจะรักษามารยาทนิดหน่อยเลยตอบไปแบบนั้น
"โครกกก ครากกกก" จู่ๆท้องของเธอก็ร้องดังออกมาอย่างชัดเจน
"สงสัยจะไม่นิดแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปทำให้ รอแปบนึง"น้ำรินพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ก่อนที่วอร์มจะเดินออกไปทำอาหารให้เธอ
เวลาผ่านไปราวๆสิบนาที วอร์มก็กลับเข้ามาพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ที่กินคนเดียวไม่มีทางหมดแน่นอน
"ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะ"
"กินด้วยกันไง"วอร์มตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย
"แล้วทำไมนายถึงไม่แบ่งใส่ถ้วยตัวเองมาล่ะ"น้ำรินเริ่มโวยวายกับการกระทำของชายหนุ่ม จู่ๆเขาก็ทำหน้ามึนเหมือนกับนิทานขึ้นมาทันที
"ขี้เกียจล้างจานน่ะ กินด้วยกันก็ได้นี่นา รังเกียจฉันหรือไง"
"เปล่า"สุดท้ายก็เป็นเธอที่ต้องยอมแพ้ไป ไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้กินอะไรกันพอดี
"เดี๋ยวฉันป้อนเอง"มือหนาค่อยคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ช้อนก่อนจะเป่าเบาๆและป้อนเธอ พอเขาทำแบบนี้แล้วเธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนพิการไปแล้ว
"ทำไมนายไม่ไปเอาตะเกียบมาอีกอันล่ะ"ชายหนุ่มคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากตัวเองบ้าง พลางคีบให้เธอกิน
"ไม่อ่ะ ฉันอยากกินแบบนี้"น้ำรินแทบจะกุมหัวตัวเอง วันนี้วอร์มหน้ามึนจริงๆ เธอคิดมาตลอดว่าคนอย่างวอร์มกับนิทานเป็นเพื่อนกันได้ยังไง วันนี้เธอรู้แล้วล่ะ วอร์มกับนิทานหน้ามึนพอๆกันเลยล่ะ
เธอได้แต่ยอมให้วอร์มป้อนอยู่อย่างนั้นจนถึงลูกชิ้นลูกสุดท้าย
"ฉันอยากกินลูกชิ้นอ่ะ"น้ำรินเอ่ยขึ้นระหว่างที่วอร์มกำลังคีบลูกชิ้นขึ้นมา
"แต่ว่าฉันก็อยากกินเหมือนกันอ่ะ"วอร์มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาหาเธออีกครั้ง
"แต่ว่าฉันก็อยากกินนี่นา นายแบ่งให้ฉันไม่ได้หรือไง"
"ก็ได้ๆ"ลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปากของเธอเป็นที่เรียบร้อย น้ำรินยิ้มออกมาอย่างดีใจ วอร์มที่นั่งมองอยู่ก็ยิ้มตามอย่างเผลอตัว ก่อนจะเอาถ้วยไปล้างทันที
น้ำรินรีบลุกตามเขาออกไปจากห้องทันที เพราะอยู่ในห้องของนิทานนานแล้ว แต่ยอมรับเลยว่าห้องของนิทานนั้นเป็นระเบียบมากกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงซะอีก
"เห็นห้องไอ้นิทานไปแล้ว สนใจไปดูห้องฉันบ้างไหม"วอร์มที่เพิ่งล้านจานเสร็จเอ่ยถามน้ำริน
"ห้ะ เอ่อ ไม่ต้องก็ได้"น้ำเสียงของเธอตะกุกตะกักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะถามเธอแบบนี้
"รังเกียจห้องของฉันหรือไงกัน"วอร์มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจะงอน(มั้ง) ทำให้เธอถึงกับกุมขมับอีกรอบ เขาเป็นอะไรไปเนี้ย
"ก็ได้ๆ ฉันจะไปดูห้องนาย"วอร์มรีบลุกพลางพาเธอไปที่ห้องทันที จากที่ดูเหมือนจะงอนไปเมื่อกี้ก็หายดีทันที
น้ำรินก้าวเข้ามาในห้องของวอร์มที่สไตล์ค่อนข้างจะแตกต่างจากห้องของนิทาน ห้องของวอร์มมีกระจกที่มองเห็นป่าด้านนอกด้วย มีกีต้าร์วางอยู่ตัวนึงบริเวณปลายเตียง
"กระจกนั้นเราสามารถมองออกไปข้างนอกได้ แต่ข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาด้านในได้"วอร์มเอ่ยบอก พลางนั่งลงที่ปลายเตียง
"นี่นายเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ"เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าวอร์มนั้นเล่นดนตรีเป็นเพราะปกติเขาจะนิ่งและสุขุมอยู่เกือบตลอดเวลาแต่ก็ยังคงไม่ทิ้งภาพลักษณ์ที่ดูเป็นคนอบอุ่น ยกเว้นวันนี้นะที่เขาดูจะขี้งอนซะเหลือเกิน เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน
"ใช่ เธออยากลองเล่นไหม ฉันสอนได้นะ"น้ำรินไม่อยากจะปฏิเสธเนื่องจากสายตาของเขาที่มองมานั้นช่างคาดหวังกับเธอมาก เธอจึงเลือกที่จะพยักหน้าไป
"นิ้วชี้กดตรงนี้นะ"มือหนาค่อยๆจับนิ้วของเธอให้วางตามจุดต่างๆพลางช่วยกดเล็กน้อย ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้เข้ามาใกล้เธอมากซะจนเธอไม่กล้าจะหายใจเลย
การสอนกีต้าร์ยังคงยืดยาวออกไปเรื่อยๆจนลืมไปแล้วว่าเธอเริ่มเคลิ้มไปกับมันตั้งแต่ตอนไหน น้ำรินเริ่มคลายความเกร็งออกไปก่อนจะเริ่มสนุกไปกับการเรียนรู้ครั้งใหม่...
"วันนี้พอแค่นี้แล้วกันนะ เจ็บนิ้วมากไหม"วอร์มยกกีต้าร์ออกไป พลางจับนิ้วของเธอขึ้นมาดู
"ไม่เป็นไรหรอก สนุกดี"ชายหนุ่มค่อยๆเป่านิ้วของเธอเบาๆ
"น้ำริน..."
"หืม ว่าไง"หญิงสาวที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาหาคนที่เรียก ใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ เธอตกใจจนสตั้นไปเล็กน้อย ริมฝีปากหนาที่จู่โจมเข้าหาตอนที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวในทันที น้ำรินได้แต่เงอะงะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป มือหนาที่จับท้ายทอยของเธอไว้ไม่ให้ถอยหนี ลิ้นร้อนที่บุกรุกเข้ามาภายในโพรงปากของเธอ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการเม้มริมฝีปากเธอไปทีนึง ก่อนจะผละออก
"ฉันไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวไอ้นิทานกลับมา"วอร์มเอ่ยพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทีของหญิงสาวที่นิ่งไป ก่อนจะวิ่งออกไปทันที
"ห้ะ...." มือเรียวแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติบ่งบอกว่าเธอกำลังหวั่นไหว ก่อนจะรีบลุกออกจากห้องของวอร์มทันทีด้วยความเขินอาย