คีตะติดธุระด่วนที่เข้ามาในตอนที่เขากำลังจะออกมาจากบริษัท ทำให้ต้องโทรบอกทุกคนว่าจะไปถึงบ้านช้ากว่าเวลาที่นัดเอาไว้
ทุกคนจึงเลือกที่จะรอเพื่อที่จะได้ทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่สองชั่วโมงล่วงเลยผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แววของคนนัด เมื่อติดต่อไปก็ไม่รับสาย ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วง
“ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีกล่ะ”
“คงจะติดธุระอยู่ อีกสักพักก็คงมาถึง” วสันต์เอ่ยประโยคนี้เป็นรอบที่ห้าแล้ว
“แต่ว่า...” คะนิ้งกำลังจะทักท้วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อก็ต้องรีบหยุดลง
ปกติคีตะไม่เคยมาสายแบบนี้ ต่อให้บอกว่ามีธุระด่วนก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ครอบครัวของเขาไม่ใช่เพียงนักธุรกิจทั่วไป แต่ยังซ่อนตัวตนด้านในที่จะต้องปกปิดเอาไว้ หากจะโดนลอบทำร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา
“นั่นไง มาแล้ว”
“ไหนๆ” คะนิ้งรีบร้องบอกเมื่อเห็นรถยนต์ของคีตะที่ขับเข้ามาภายในรั้วของบ้าน
แต่เมื่อคนขับรถลงมาจากรถและวิ่งมาเปิดประตูด้านหลัง พร้อมกับดึงร่างของคนในรถออกมาพยุง ก็สร้างความตกใจให้กับทุกคนไม่น้อย
“คีตะ!” อรดาเอ่ยเรียกลูกชายด้วยความตกใจ
เสื้อเชิ้ตสีขาวมีเลือดซึมออกมาเป็นรอยใหญ่ มีรอยของมีดที่ถูกแทงผ่านเสื้อเชิ้ตเข้าไปที่หน้าท้องด้านซ้าย และบาดแผลเล็กน้อยอีกหลายจุด
ทุกคนรีบลุกขึ้นไปช่วยคีตะ โดยมีคะนิ้งเดินนำไปที่ห้องของคีตะพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
โชคดีที่มีดไม่ได้แทงเข้าไปลึกจนถึงอวัยวะด้านใน คีตะจึงไม่ยอมไปโรงพยาบาลและให้คะนิ้งช่วยเย็บแผลสดให้กับเขา
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้ ว่าแต่มีใครจะอยู่ทานข้าวกับพ่อแม่ไหม”
“เดี๋ยวหนูทานเป็นเพื่อนค่ะ”
“หนูต้องไปเข้าเวรต่อแล้วค่ะ”
“ผมก็ต้องกลับคอนโดครับ”
“ถ้างั้นก็ไปกันเลย เดี๋ยวพ่อแม่กินข้าวกับขมิ้นก็ได้” จากที่จะทานมื้อเย็นด้วยกัน ก็กลายเป็นว่าต้องล้มเลิกไป
ขมิ้นเองแม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงคีตะมากแค่ไหน แต่ก็กินอะไรแทบไม่ลงเลย
“ถ้างั้นพ่อกับแม่ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ” คืนนี้เธออาสาเป็นคนช่วยดูแลคีตะเอง ซึ่งก็ไม่มีใครสงสัยอะไร แต่ถึงสงสัยก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะกังวลแล้ว
“ผิดหวังหรือเปล่า” เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าขมิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปไหน
“หืม ผิดหวัง?”
“ก็ฉันไม่ได้บอกเรื่องของเธอกับฉันให้ทุกคนรู้สักที”
“ไม่หรอกค่ะ ว่าแต่ไปทำอีท่าไหนมาถึงได้บาดเจ็บกลับมาแบบนี้คะ” เธออดไม่ได้ที่จะถามถึงสาเหตุที่เขากลับมาในสภาพแบบนี้
“ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ”
“ไม่มีทางเลี่ยงเลยเหรอคะ” ขมิ้นสีหน้าเศร้าลง เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ แล้วคีตะยังไม่ชอบให้ลูกน้องคอยตามดูแลอีก จึงตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“แล้วถ้าครั้งหน้าเป็นล่ะ ถ้าครั้งหน้าพี่คีตะพลาด...”
“เอาเถอะๆ เดี๋ยวฉันเพิ่มคนคอยคุ้มกันก็ได้” เขาพยายามทำให้ขมิ้นคลายกังวลลง
“พี่คีตะนอนพักเถอะค่ะ ขมิ้นจะไปแล้ว”
“เดี๋ยวๆ ไม่นอนด้วยกันเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“แต่ถ้าเธอไม่อยู่ ใครจะคอยวัดไข้ให้ฉันล่ะ” คีตะยกข้ออ้างขึ้นมา ทำให้ขมิ้นไม่อาจปฏิเสธเขาได้
“มานอนด้วยกัน”
ร่างบางถูกเขาดึงให้ลงไปนอนด้านฝั่งขวาในอ้อมกอดของเขา หากพรุ่งนี้มีใครเข้ามาเห็นภาพนี้ก็คงจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับขมิ้นแล้ว
หลังจากนั้นก็ค่อยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดและเขาก็ยอมรับความผิดของตัวเองที่ขัดคำสั่งของผู้เป็นพ่อตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา
แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่โดนลงโทษหนัก เพราะตอนนี้เขายังป่วยอยู่ เผลอๆ อาจจะแค่โดนด่าชุดใหญ่เท่านั้น
หลังจากนั้นเขาจะจัดงานแต่งงานต่อ ทันทีที่ขมิ้นพร้อมและยอมตอบตกลงแต่งงาน เขาทนให้ใครมาชอบขมิ้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตลอดเวลาที่ขมิ้นใช้ชีวิตมหาลัย เธอมักจะส่งข้อความเล่าทุกอย่างให้เขาฟังทั้งเรื่องเพื่อนและการใช้ชีวิตของเธอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่ต้นโอ๊คเพื่อนในกลุ่มของเธอเข้ามายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเธอมากจนเกินไป
- วันต่อมา –
อรดาที่ตั้งใจจะมาดูอาการลูกชายเปลี่ยนกับขมิ้นในตอนเช้า เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เจอะเจอกับภาพที่ตัวเองไม่ได้คาดคิดเอาไว้ คีตะลืมตาขึ้นก่อนจะส่งสัญญาณขอร้องให้แม่เงียบๆ หน่อย
อรดาก็ใช่ว่าจะไม่รู้ซะทีเดียวเกี่ยวกับเรื่องของลูกชาย อันที่จริงทุกคนก็คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าสุดท้ายขมิ้นก็ต้องไม่พ้นเงื้อมมือของคีตะ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
“เป็นยังไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ”
“แล้วนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” อรดาเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“สักพักแล้วครับ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีตอนเย็น”
“ครับแม่” คีตะรับคำ ก่อนที่อรดาจะรีบออกไปจากห้องเพราะกลัวว่าวสันต์จะมาเห็นแล้วโวยวายใส่ลูกชายจนกลายเป็นว่าอาจจะทำให้ขมิ้นรู้สึกไม่ดี
หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเตียงที่ว่างเปล่า มีเพียงเธอนอนอยู่บนเตียงคนเดียว ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาและนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
งาน!!!
เธอยังไม่ได้โทรไปลางานกับหัวหน้าเลย แต่ถ้าโทรไปตอนนี้มีหวังโดนด่าเละกลับมาแน่ เถียงก็ไม่ได้ด้วยเพราะเธอเป็นคนผิดเต็มๆ
“เอายังไงดีเนี่ย”
ขมิ้นยืนกำโทรศัพท์อยู่นาน ก่อนจะเปิดดูและเห็นว่ามีสายโทรออกจากโทรศัพท์มือถือของเธอไปยังหัวหน้าแผนก นั่นก็แสดงว่าคีตะใช้โทรศัพท์ของเธอโทรไปบอกหัวหน้าแล้วงั้นเหรอ?