10 - หิวแสงเก่งนะเรา
“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าบูดเหมือนคนไม่ได้ปล่อยของหนัก”
ผมกำลังสั่งอาหารต่อจากป๊อกกี้ ผมเลือกหลายเมนูเสร็จส่งให้พนักงานแล้วผมจะได้นั่งคุยกับผู้ชายที่ผมแอบชอบ หน้าตาดีจนผมละสายตาไม่ได้ ยังไม่ทันเปิดปาก ผมเห็นสีหน้าของเขาแล้ว แอบหมดอารมณ์เพราะปกติเวลาผมคุยกับผู้ชาย คนตรงหน้าต้องไม่ทำสีหน้าแบบนี้ ทำผมตายยากไปอีกคน เสียบรรยากาศไปหมด ผมชักอยากจะรู้แล้วสิว่ามันเป็นอะไร หรือว่าแม่ด่ายับมาทั้งวัน
“แม่มึงคิดว่ากูทำอะไรกับมึงเหรอ”
“เออดิ กูบอกแล้วว่ามันไม่มีอะไร ออกจะเข้าใจผิด ต้องทำไงให้แม่กูเชื่อวะ” ผมคิดไว้แล้วว่าทำไมป๊อกกี้มีสีหน้าหมดอาลัยตายยากเพราะโดนแม่สวดยับจนหน้าบูด คอหักเป็นปลาทูแม่กลอง ผมเข้าใจว่าพวกผมกับผู้ใหญ่ ความคิดคนละวัยไม่แปลกที่จะมีความคิดต่างกัน โลกเปลี่ยนไปเยอะแล้วก็น่าจะเข้าใจบ้างว่าอะไรพัฒนาไปแล้ว โดยเฉพาะการคบเพศเดียวกัน
“ให้กูจัดการให้ไหม”
ผมคิดอะไรบางอย่างวางแผนกับป๊อกกี้เพราะเรื่องนี้ผมอยากให้แม่เข้าใจว่าป๊อกกี้ไม่ได้คิดอะไรกับผมจริงจัง ผมเคยบอกแล้วว่าผมมีแฟนแล้ว แค่เข้าหาเขา ชอบลวนลามจับกอด เขาชอบและไม่เคยขัดขืนผม ไม่แปลกที่ใครจะคิดไปในทางไม่ดี ผมกระซิบให้ฟังให้เข้าไปถึงโสตประสาท จำขึ้นใจจนไม่มีลืมว่าผมต้องการวางแผนทำอะไร
“ได้สิ เราจะทำให้ยิ่งกว่าในละครไปเลย”
“ทำแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ก่อนอื่นยิ้มให้เราดูหน่อยสิ” ผมขอให้ป๊อกกี้ยิ้มให้ผมดู บอกเลยว่าทำผมใจละลาย ดี๊ด๊าเก็บอาการไม่อยู่ คนอะไรเวลายิ้มที ตาหยี่ยิ้มหวานใส่รีเทนเดอร์แล้วหล่อมาก หลับตายิ้มยังหล่อ ลืมตายังดีต่อใจ ผมทนไม่ไหวจูบแล้วกอดรัดแน่น นั่งบนตักแทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ แสดงให้เห็นเลยว่าผมชอบเวลาเขายิ้มอยากให้เขาเป็นกระจกจะได้สะท้อนรอยยิ้มออกมา
“ตามนี้ครับป๊อกกี้ งื้ออ จู้บบบ”
ผมนั่งบนตักป๊อกกี้ เห็นหน้าตามีเสน่ห์ขนาดนี้ใครเห็นก็ต้องชอบ ผมทนไม่ไหวนั่งบนตักจูบปากกัน เรียกได้ว่าลืมตัวกันไปทั้งคู่เพราะอยู่ในร้านอาหหารสาธารณะ แต่เอาเถอะใครเห็นเขาก็คิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ทั้งที่จริงเป็นคนรู้จักกัน ไม่ได้เกินเลย ชอบกอดเล่นตามประสาคนที่ชอบเท่านั้น
“เอ่อเดี๋ยว ๆ เราว่าจูบขนาดนี้ไปเปิดม่านรูดไหม” ผมลืมตัวไปชั่วขณะ เรียกได้ว่ากำลังสืบพันธุ์แนบตัวกันบนเก้าอี้ ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแค่จูบเผลอตัวไปหน่อย ผมกลัวคนคิดไปไกล ก็เลยบอกให้ต้นส้มนั่งปกติที่เก้าอี้ไม่ใช่ที่ตักผมแบบนี้
“ไปทำกันที่บ้านนายได้ไหม”
“หื่นแบบนี้ เราเอาของเรายัดปากแน่”
“ไม่ขัดขืนเลยนะเวลาอยู่กับเรา”
“ก็ผู้ชายด้วยกันจะจับจะจูบเราก็ไม่ว่า งั้น... สั่งอาหารแดกเหอะ มาร้านข้าวนะเว้ยไม่ใช่โรงแรม” ผมรีบดึงสติกลับมาก่อนไม่งั้นต้นส้มจะพาหัวใจผมเตลิดจนได้กันคืนนี้แน่ ผมนัดต้นส้มมาช่วยทำอะไรบางอย่างให้แม่ผมเข้าใจว่าผมไม่ได้คิดเกินเลยกับเขา อีกอย่างเขามีแฟนแล้วผมไม่อยากไปทำครอบครัวเขาร้าวฉานหรอก คนอย่างบอนสีใช่ว่ามันจะไม่รุนแรง
“เราป้อนให้นะ”
ผมจะทำดีกับผู้ชายที่ผมชอบให้ดีที่สุด จะได้ไม่มีปัญหากับบอนสีทีหลัง ถึงผมจะเข้าหาผู้ชายหลายคนแต่คนของใจของผมก็มีแค่บอนสีคนเดียวเรื่องนี้ครอบครัวผมกับเขาปรองดองกันดี เข้าหากันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแม้ว่าจะตีกันแทบบ้านแตกก็ตาม
“ขอบคุณนะต้นส้มที่ช่วยเรา หวังว่าจะทำให้แม่เราเข้าใจนะว่าเราไม่ได้เกินเลย แล้วอีกอย่างรอยแผลบนหน้าเรารู้สึกผิดมากเลย...”
“ไม่เป็นไรหรอก แม่มึงนี่ดูมวยกับพวกท้ายซอยเหรอ เตะใส่หน้ากูเต็มแรงพอรู้ว่ากูกำลังม่อมึง” ผมไม่เข้าใจว่าเวลาวันเสาร์ แม่ป๊อกกี้มันไปดูมวยฆ่าเวลาท้ายซอยกับพวกลุงแก่ ๆ หาเวลาว่างดูมวยเพราะตอนหนุ่ม ๆ หมัดเด็ดทั้งนั้น มิน่าล่ะเท้าประทับหน้าผมเต็มแรงจนโครงหน้าเปลี่ยนจนต้องศัลยกรรมใหม่
“เรื่องแม่กู ยังไงก็เข้าใจกันแน่นอน เชื่อมึงแล้วนะ...”
“ตามนั้น ใครบวกกับกูก่อน กูก็บวกกลับไม่ยั้งมือ มีมือมีตีนครบสามสิบสอง เดี๋ยวพวกมันกลับไปเหลือสามสิบประการ”
“นั่นแม่กูนะเว้ย ไอ้สัตว์!!”
ที่บ้านต้นส้ม
“ไปไหนมา...”
ผมเดินเข้ามาในบ้านยังไม่ทันไปรินน้ำดื่มให้หายเหนื่อยล้าจากการออกไปทำธุระกับคนที่ผมชอบ ผมได้ยินเสียงบอนสีดุดันใส่ผม พูดเสียงดังแต่ไม่ใช่ตะคอก มันแค่ถามผมว่าผมไปไหนมา หายไปตั้งแต่เช้า ผมบอกแล้วว่าเข้าตลาด ไปบ่อนตามเพื่อนแม่แล้วก็ไปทำธุระกับครอบครัวป้าแยมท้ายตลาด เห็นครอบครัวมารวมญาติ ป้าแกชอบวิธีการชงเหล้าผมจึงขอให้ไปชงให้ก็แค่นั้น
“แน่ใจ อาร์ยูชัวรรร์ บ่อนไหนไม่เห็นมีใครเล่น ป้าแยมมีญาติที่ไหนกูไม่เคยเห็น มึงบอกมาดีกว่าว่ามึงไปไหน”
“ไปปาก”
ผมตกใจเมื่อมันจับหัวผมกดลงโต๊ะแล้วดึงกลับมาในท่ายืนปกติ มันไม่ได้คิดจะทำรุนแรงแต่ว่ามันจับที ทำเจ็บไปทั้งหัว แรงมือมันหนักอะไรขนาดนี้ ผมบอกแล้วไงว่าผมไปทำธุระไม่ได้เถลไถลออกไปหาผู้ชายตามที่มันกำลังคิดไปเอง
“กูเจ็บบ”
“ไปปากนี่มึงกวนตีนกูเหรอ เอาดี ๆ สารภาพมาว่ามึงไปไหน”
“ไอ้บอนสี มึงใจเย็น ๆ จะให้กูชักมีดมาไหม” ป้าเล้งแซ่บเดินเข้ามาพร้อมปืนเสมือนจริงที่ฉันชอบพกไว้หลอกคนอื่น เวลาใครทะเลาะกันให้คนคอนแบบฉันจัดการสักหนึ่งถึงสองนัดก็คงจะสงบปากสงบคำกลายเป็นคนใจเย็นทันที
“แม่... ผมคุยกับต้นส้มแบบนี้ปกตินะ”
“ปกติสำหรับมึงน่ะสิอีผี ลูกกูมีสิทธิ์อะไรมาทำร้าย” ผมอธิบายกับแม่ใจเย็นที่สุดและบอกว่าผมกับต้นส้มเวลามีปัญหา ผมไม่ทำรุนแรงไม่เคยตบตีซ้อมเหมือนเป็นกระสอบทราย ขู่และตั้งท่าให้เหมือนเท่านั้น ทุกวันนี้แม่เห็นบาดแผลบนร่างกายแฟนผมไหม ก็ไม่มีสักรอย ถือว่าผมเป็นผู้ชายแบดบอยอย่างมีคุณธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง
“ถ้ามีรอยมา ปืนได้เข้าปากมึงแน่”
“ป้าเล้งแซ่บครับ ป้าอย่าแซ่บเหมือนชื่อสิ วางปืนลงก่อน” ผมเริ่มจะระแวงปืนเงาวับในมือป้าคนนี้แล้ว ครอบครัวนี้มันมีญาติเป็นคนคอนหรือไง เอะอะจัดการปัญหาจะใช้ลูกปืนตัดสินอย่างเดียว ผมเกลี่ยกล่อมให้คนตรงหน้าลดความร้อนของอารมณ์ ลดปืนและเก็บไว้อย่าเอาออกมาอีกไม่งั้นผมจะไม่กล้าเข้าบ้านหลังนี้อีกเลย
“ต้นส้ม แม่มึงนี่ยังไง”
“หันไปดูนั่นสิ”
ผมชี้ไปตรงกรอบรูปบนชั้นวางให้เห็นเลยว่าป้าเล้งแซ่บตอนสาว ๆ แม่นปืนมากเพราะมีผู้ชายที่ชอบเป็นทหารมาก่อน เรียนรู้การยิงปืนมา พอมีลูกแบบผมแล้ว ปืนถือว่าเป็นสิ่งที่เห็นมาแต่ผมไม่เคยจับหรอก เห็นชินตาแต่ใช่ว่าไม่กลัว ผมขอย้ำให้บอนสีลดความใจร้อนลงไม่งั้น ปืนคือคำตอบของชีวิต
“เออ กูใจเย็นก็ได้... สรุปว่าคุณภรรยาไปทำธุระกับคนในหมู่บ้านนะครับ” ผมลดความใจร้อน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมใช้ภาษาดอกไม้ มันจะได้ใจเย็นลดปืน และแม่มันจะได้เข้าใจคุยกันปรับความเข้าใจกันดี ๆ ไม่ใช่เอะอะภาษาพ่อขุนรามคำแหงยุคสมัยก่อน ไอ้อีเต็มสวนสัตว์เช่นนี้
“ใช่ครับ...”
“ก็แค่นี้ ไม่ถามละ ไปส่งกูกลับบ้านด้วย” ผมจะกลับบ้านยังต้องให้คนของผมไปส่ง แน่นอนว่าผมมายังไงแต่ให้มันส่งผมกลับ อย่างน้อยผมจะได้เห็นหน้ามันบ้าง ยี่สิบสี่ชั่วโมงเห็นมันไม่ถึงชั่วโมงมันใช่เรื่องที่ไหน ถ้ามันส่งผมกลับบ้านแล้ว ผมขอให้มันอยู่ด้วยกันสักพักหนึ่งก็ยังดี ผมกับต้นส้มยังเป็นแฟนกันไม่ได้แยกกัน
ที่บ้านบอนสี
“ซื้อมาให้กูทำเผื่อ จะหลอกด่ากูตอแหลเหรอ” ป้าบานชื่นรับกล่องสตรอเบอร์รี่มาจากต้นส้ม ฉันเห็นมันซื้อมาให้ก็เต็มใจรับอยู่ แต่การซื้อของแบบนี้มามันเหมือนจงใจหลอกด่ายังไงไม่รู้ เอาเถอะ มันก็รู้จักกับฉันตั้งแต่เด็ก ออกลายตอนอายุสิบเก้า ถือซะว่าเป็นคู่กัดกับฉันและลูกชายไปก็แล้วกัน
“เปล่านะครับคุณแม่ ผมรักบอนสีมาตลอด ไม่เคยคิดจะด่าผัวหรือแม่ผัวผมสักหน่อย ซื้อมาให้อย่างเต็มใจ”
“ให้มันจริงสักครึ่งเถอะ มึงมีผัวแล้ว ทำตัวเหมือนคนโสดมั่วไม่เลือกไม่ได้นะ” ฉันเป็นห่วงขนาดไหนเวลาต้นส้มชอบออกลายเข้าหาผู้ชาย ต่อให้มันจะเป็นผู้ชายด้วยกัน ใช่ว่าจะออกไปให้ท่าโปรยเสน่ห์ใครก็ได้ ได้กับลูกชายฉันแล้วเรื่องอะไรจะทำแล้วทิ้ง
“บอนสี ได้ข่าวว่านอนไม่ค่อยหลับนี่ เอานมอุ่น ๆ สักแก้วไหม”
“มันช่วยได้จริงเหรอวะ”
วันนี้ผมไม่รู้ต้นส้มมาอารมณ์ไหน ผมไปอาบน้ำเตรียมจะเข้านอนแล้ว มันยังไม่กลับไปแต่เดินเข้าไปชงนมอุ่น ๆ ให้ผม ส่งผมเข้านอนทำเหมือนเด็กไปได้ทั้งที่ปีหน้าผมกับเขาก็จะบรรลุนิติภาวะแล้วด้วย
“ดื่มก่อนนะครับ...”
“อืมม”
ผมรับนมอุ่นจากมือต้นส้ม ดื่มไปครึ่งแก้วพร้อมคุยกับเขาขณะที่ผมถือแก้วในมือ ผมอยากคุยกับต้นส้มให้นานที่สุด เพราะวันนี้ผมไม่เห็นหน้ามันเกือบทั้งวัน จนผมนึกว่ามันไปกับผู้ชายอื่นแล้ว เรื่องอะไรที่ผมจะปล่อยให้มันเป็นของสาธารณะทั้งที่มันมีผมเป็นเจ้าของแล้ว
“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง”
“มึงคิดว่ากูแดกหญ้าแทนข้าวเหรอ มึงไปกับผู้ชายมาใช่ปะ”
“อ้าวเฮ้ย มึงยังไม่จบกับกูอีกเหรอ กูบอกแล้วไงว่าคนอื่นกูไม่จริงจัง มีแค่มึงคนเดียวไง” ผมยังไม่ทันปรับอารมณ์ให้คงที่ อยู่ ๆ มันถามคำถามจับผิดผมแบบนี้ จะให้ผมกลับมาทะเลาะกันอีกเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าตอนนี้ผมจะไม่ชวนใครทะเลาะแล้ว
“แล้วมึงคิดว่าคนอื่นจะคิดเล่น ๆ กับมึงเหรอ เกิดมาน่ารักผิวขาวดึงดูดเสน่ห์ ใครจะไม่ชอบล่ะ กูหวง”
“คร้าบบ จู้บบ”
ผมจูบบอนสีและให้ความเชื่อใจว่าผมไม่เคยคิดจริงจังกับคนอื่น ไปหว่านเสน่ห์แต่ผมไม่เอาหรอก ผมมีบอนสีคนเดียวแล้วจะเปลี่ยนใจไปหาใครอีก บอนสีเป็นผู้ชายแบดบอยสายรุนแรง เก่งมวยเพราะเพื่อนของป้าแยมสอนมันมาพักหนึ่งถึงคล่อง เตะต่อยหนักปกป้องผมได้ แต่เอามวยที่เรียนมา มาใช้ซ้อมเมียไม่ได้นะ
“ผมไม่นอกใจไปหาใครอยู่แล้ว”
“กูขอให้มันจริงนะ คนอื่นมึงไม่จริงจังอยู่แล้วนี่ ไอ้นิสัยชอบลวนลามผู้ชาย เลิกได้เลิกนะ ของกูก็ใหญ่ไม่ต้องไปจับของคนอื่น” ผมกำชับและเตือนสติว่ามันมีผมแล้ว วางแผนอนาคตด้วยกันจะมาพังเพราะผู้ชายรอบข้างไม่ได้นะ พ่อแม่ผมกับเขาตกลงปลองใจเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าคิดมาหักหลังก็แล้วกัน
“ศุกร์นี้มีเรียนนะครับ อย่าลืมล่ะ”
“ไม่ลืมหรอก”
ผมบอกให้บอนสีใจเย็น สงบสติอารมณ์เลิกบ่นผมว่าผมชอบไปหาผู้ชาย ทั้งที่บางวันผมไปทำธุระจริง ๆ ไปหาเงินจากบ่อนไม่ก็ไปเก็บค่าแผงในตลาด ถ้าให้ลักเล็กขโมยน้อยก็อาจจะทำในอนาคต ขายทองก็ได้ ผมอยากทำให้ตัวเองและบอนสีมีความสุขที่สุด ผมคิดดีแล้วที่ชีวิตผมมีทุกอย่างสุขสบายแม้ไม่หรูหราแต่จับต้องได้ รวมถึงคนรักของผมด้วย
“ค่อย ๆ หลับนะครับ”
ผมทำทีกล่อมให้บอนสีนอนหลับ ทำเหมือนมันเป็นเด็กทั้งที่มันอายุสิบเก้าเท่าผม ผมเห็นว่าเขานอนไม่ค่อยหลับ ผมก็ชงนมอุ่น ๆ และอยู่เป็นยานอนหลับให้แล้ว หวังว่าจะหลับสบายตื่นมาพบผมอย่างสดชื่นแล้วกันนะ
คร่อกกก...
“ทางสะดวกแล้วเว้ย”