บทที่ 5
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไป" เสียงเข้มของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่ฉันพยุงร่างกายของตัวเองออกมาจากห้องน้ำด้วยความยากลำบาก
เหอะ! ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก เพราะเขานั่นแหละถึงทำให้ฉันอยู่ในสภาพแบบนี้
"มองหน้าพี่แบบนี้แปลว่าอยากโดนอีก?" ไม่ว่าเปล่าคนตัวโตก็สาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะรวบเอวของฉันเอาไว้จนทำให้ร่างของฉันเซถลาไปชนกับอกแกร่งของเขา
"อ๊ะ! พี่พอร์ชลินณ์เจ็บอยู่นะ!" ฉันถลึงตาใส่พร้อมกับทุบไปที่อกเปลือยเปล่าของเขาแรง ๆ
"พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไป" เขาเอ่ยก่อนจะช้อนร่างของฉันขึ้นในอ้อมเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นและวางฉันลงที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง
"ไม่ไปไม่ได้ วันนี้ลินณ์มีประชุมสำคัญ"
"แล้วไปไหวหรือไง" พี่พอร์ชกอดอกมองฉันด้วยสายตาดุ
"ไม่ต้องมามองลินณ์อย่างนั้นเลยนะ ก็พี่พอร์ชไม่ใช่เหรอที่ทำให้ลินณ์เป็นแบบนี้ เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย เก็บกดมาจากไหน ไม่ได้ปลดปล่อยกับสาว ๆ ในสต๊อกหรือไง" ฉันเงยหน้ามองเขาและเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักแต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีเปลี่ยนไปทั้งยังขมวดคิ้วยุ่งมองฉันอย่างไม่พอใจ
"เราตกลงกันแล้วนี่ลินณ์ว่าระหว่างที่เราอยู่สถานะนี้เราจะไม่มีอะไรกับคนอื่น" เสียงเข้มเอ่ยและมองหน้าฉันอย่างจริงจังจนฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก
"ลินณ์..."
"พี่ไม่เคยมีอะไรกับใครหลังจากที่เราตกลงนอนด้วยกัน จำไว้ด้วย" พูดจบร่างสูงก็เดินเข้าไปในห้องนอนเหลือเพียงฉันที่ยังตกใจกับคำพูดของเขาอยู่
นี่เขากำลังงอนฉันอยู่เหรอเนี่ย...ให้ตาย! ทำตัวเป็นเด็กไปได้น่า
ฉันลุกขึ้นจากโซฟาเดินตามพี่พอร์ชกลับเข้าไปในห้องก็พบว่าตอนนี้เขากำลังสวมใส่เสื้อผ้าหันหน้าเข้าหากระจกหน้าตู้เสื้อผ้า ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ริมฝีปากคว่ำเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด
"พี่พอร์ชงอนลินณ์เหรอ" ฉันเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เขา
คนตัวโตหันหน้าไปอีกทางเมื่อฉันขยับเข้าไปใกล้ มือหนาหยิบนาฬิกาขึ้นมาใส่และจัดเนคไทของตัวเองให้เข้าที่โดยไม่คิดสนใจคำพูดหรือการกระทำของฉันเลยสักนิด
"โธ่ พี่พอร์ช อย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ สิ ลินณ์แค่พูดเล่นเอง"
หลังจากที่เราสองคนตกลงอยู่สถานะนี้กฎข้อแรกที่เขาเน้นย้ำที่สุดก็คือความซื่อสัตย์ต่อกัน หากเขาหรือฉันทำผิดเผลอไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นก็นับว่าสถานะบ้า ๆ นี้จะต้องจบลง
ใช่...ฉันไม่อยากจบมัน ฉันยังอยากอยู่กับเขาแบบนี้ต่อไปแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนปวดก็ตาม
"พี่รู้นะว่าลินณ์มองพี่เจ้าชู้ แต่ถ้าพี่สัญญาอะไรไว้แล้วพี่ก็จะทำอย่างที่พูดไม่คิดกลับคำ" เขามองหน้าฉันด้วยแววตานิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายจนฉันเองก็คาดเดาไม่ถูกเช่นกัน
"ลินณ์รู้น่า ลินณ์ขอโทษนะคะ" ฉันพูดเสียงอ่อนลงและสวมกอดเขาจากทางด้านหลังพลางอิงใบหน้าซบกับแผ่นหลังกว้างของเขา
คนตัวโตหันกลับมาและจับใบหน้าของฉันให้เชยขึ้นส่วนมืออีกข้างก็กระชับรั้งเอวให้แนบชิดกับร่างกายของเขาจนกระทั่งริมฝีปากหนาบดคลึงลงมาอย่างดูดดึงและลึกซึ้งจนฉันเองก็ไม่สามารถผละออกจากมันได้เลย
หนำซ้ำฉันยังหลงใหลและอยากได้มันซ้ำ ๆ ราวกับถูกตอกตรึงให้จมอยู่กับสัมผัสของเขาแต่เพียงผู้เดียว
@ALAN MODERN-LIFE
ฉันเดินเข้าไปในบริษัทขณะที่วงแขนก็ถือแฟ้มเอกสารเอาไว้ หลังจากที่พี่พอร์ชขับรถมาส่งฉันที่บริษัทฉันก็ต้องรีบวิ่งเข้ามาเพราะว่ากลัวคนอื่นจะเห็นเข้า โดยเฉพาะพี่ลัน! ถ้าพี่ลันมาเห็นชีวิตของฉันจบเห่แน่!
"มอนิ่งค่ะคุณลินณ์ เช้านี้รับกาแฟไหมคะ" ทันทีที่ลิฟต์แก้วตัวหรูเปิดออกมายังชั้นของผู้จัดการฝ่ายประสานงานเสียงต้อนรับของแคทเลขาส่วนตัวของฉันก็ดังขึ้นพร้อมกับรีบเดินเข้ามาหาฉันด้วยรอยยิ้มกว้าง
ทุกเช้าเวลาทำงานมักจะพบเจอกับรอยยิ้มและความสดใสของเธออยู่ตลอด ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนแต่เธอก็ยังยิ้มสู้กับทุกปัญหา
"ขอบคุณค่ะคุณแคท แล้วเอกสารสำหรับการประชุมเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยังคะ"
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ครบทุกอย่างไม่มีผิดพลาดแน่นอน" เธอบอกพร้อมกับทำท่าประกอบและขยิบตาให้ฉันจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
"ขอบคุณค่ะ สงสัยสิ้นปีโบนัสเยอะแน่ ๆ เลยเลขาคนนี้" ฉันบอกปนเสียงหัวเราะก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงานและจัดเรียงแฟ้มเอกสารสำหรับการเข้าประชุมทั้งหมด
ฉันหยิบแฟ้มเอกสารออกมาจัดเตรียมและลำดับการอย่างเรียบร้อยกระทั่งเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งจังหวะนั้นฉันเองก็ไม่คิดสนใจอะไรเพราะกำลังสนใจกับเอกสารตรงหน้าอยู่
แต่ทว่า...
พรึ่บ!
หมับ!
มือหนาแตะที่คอของฉันโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ฉันรับสะบัดมือของเขาคนนั้นและรีบถอยหลังออกมา
"พี่ลัน!" ฉันขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ คน ๆ นั้นคือพี่ชายของฉันเองแถมตอนนี้ยังมองหน้าฉันนิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก
"อะไรของแก" คนตรงหน้าเอ่ยเสียงเรียบพลางกอดอกมองฉันนิ่ง ๆ ผิดกับฉันที่กำลังหัวเสียและหงุดหงิดที่อยู่ ๆ เขาเดินเข้ามาเงียบ ๆ แถมยังทำให้ฉันตกใจแบบนี้อีก
"เล่นอะไรเนี่ยพี่ลัน ลินณ์ตกใจนะ"
"ไปทำอะไรมา"
"อะไรของพี่ลันเนี่ย ทำอะไรคือยังไง?"
"ที่คอแก"
"หืม" ฉันเบิกตากว้างรีบยกมือขึ้นจับที่ต้นคอเอาไว้ทันที
"รอยดูด"
"..." ฉันเม้มปากและกำมือตัวเองแน่นเมื่อไม่รู้ว่าจะหาคำแก้ตัวอะไรเอ่ยออกไป
"ไม่ใช่แค่ตรงนั้น ยังมีอีก" สายตาคมเคลื่อนต่ำลงมามองบริเวรตำแหน่งสร้อยคอของฉันที่ตอนนี้มันมีรอยจ้ำเป็นจุด ซึ่งฉันเองได้เลือกสร้อยคอมาใส่เอาไว้เพื่อปกปิดมันแต่ก็ไม่คิดเลยว่าพี่ลันจะเห็นแบบนี้
"ลินณ์..." ฉันหลบสายตาลงเมื่อทำตัวไม่ถูก อยู่ ๆ ก็รู้สึกตันที่คอหายใจไม่ออกราวกับผู้ต้องหาถูกเค้นความจริงต่อหน้าทีมสอบสวนไม่มีผิด
"มันเป็นใคร"
ฉันผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นและเอ่ยคำหนึ่งออกไปเพื่อให้พี่ลันหยุดเค้นถามฉันสักที
"พี่ลันยุ่งอะไรด้วย นี่มันเรื่องส่วนตัวของลินณ์" ฉันบอกปัด ๆ และรีบหันหน้าหนีกลบเกลื่อนความสนใจไปยังเอกสารกองโตที่จะต้องนำเข้าการประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
"พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก พี่รู้ว่าแกโตแล้ว" ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่ลันดังขึ้นก่อนที่มือของเขาจะวางลงบนศีรษะของฉันเบา ๆ
"ลินณ์โตแล้วนะพี่ลันณ์ เป็นถึงผู้จัดการแล้วก็มีหุ้นบริษัทตั้งเยอะ ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว" ฉันบอกย้ำ ๆ พลางพิงศีรษะออดอ้อนคนเป็นพี่ชายอย่างที่ชอบทำ
"พี่ก็แค่เป็นห่วง จริงจังหรือเปล่าทำไมไม่แนะนำให้รู้จักบ้าง"
"ไม่จริงจังหรอก แค่แก้เหงาอะ" ฉันไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจในคำพูดก่อนจะรีบหันหนีเพราะกลัวจะเก็บความรู้สึกที่แท้จริงไม่อยู่
ให้ตายเถอะ! ฉันพูดออกไปได้ยังไงเนี่ย แค่แก้เหงาอย่างนั้นเหรอ!?
แก้เหงาบ้าอะไรรอยเต็มตัวแถมยังแทบเดินไม่ไหวแบบนี้ มันเรียกว่าบ้าระห่ำเก็บกดต่างหากล่ะ!
"โอ้โหยัยลินณ์ เดี๋ยวนี้แกเป็นแบบนี้แล้วเหรอ" พี่ลันพูดเสียงดังพร้อมกับหยิกที่แก้มของฉันอย่างแรงจนฉันต้องนิ่วหน้าและร้องออกมาด้วยความเจ็บ
"โอ๊ย! ลินณ์เจ็บนะพี่ลัน"
"โตแล้วนะโว้ย ไม่ใช่เด็ก ๆ จริงจังกับความรักได้แล้ว"
"จะรีบจริงจังไปทำไมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย ระหว่างนี้ลินณ์ก็ขอหาความสุขให้ตัวเองก่อนไม่ได้หรือไง เมื่อก่อนพี่ลันก็ทำแบบลินณ์ไม่ใช่เหรอ" ฉันรีบสวนกลับไปพร้อมกับทำหน้าตาล้อเลียน ฉันจำได้ดีว่าเมื่อก่อนสมัยเรียนและช่วงวัยรุ่นของเขาน่ะเจ้าชู้ตัวพ่อ!
"ยัย....ยัยน้องบ้า!" คราวนี้ถึงกับเถียงไม่ออกเพราะมันเป็นอย่างที่ฉันพูดจริง ๆ ยังไงล่ะ
แต่ถึงเมื่อก่อนจะร้ายกาจเจ้าเล่ห์แค่ไหนพอแต่งงานมีลูกมีเมียก็เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนจนฉันแทบไม่เชื่อในสายตาว่าพี่ลันจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
"เถียงไม่ออกเลยอะดิ สมน้ำหน้า!"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูสามครั้งดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกตามด้วยร่างบางของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ฉันหันไปมองก็พบว่าคน ๆ นั้นก็คือพี่สะใภ้ฉันเองนั่นแหละ
นึกถึงอยู่ในใจก็ดันมาปรากฏตัวอย่างกับล่วงรู้ความคิด บังเอิญจริง ๆ แฮะ
"ฉันมารบกวนอะไรหรือเปล่า" คาเธียร์พูดขึ้นมองหน้าฉันสลับกับพี่ลันไปมา
คาเธียร์เป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉันตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจนวนกลับมาเจอกันอีกทีก็ตอนที่พี่ลันตามจีบนั่นแหละ ตอนแรกฉันเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงมาเจอกันได้ แต่ก็นะ...ตอนนั้นพี่ลันเจ้าชู้จะตาย เห็นคนสวย ๆ ไม่ได้เป็นต้องพุ่งเข้าหาตลอด แต่ด้วยพลังความรักหรืออะไรก็ตามทำให้ทั้งสองคนแต่งงานและใช้ชีวิตด้วยกันในสถานะสามีภรรยาแถมยังมีลูกน้อยมาคล้องใจอีก คิดแล้วก็น่าอิจฉาชะมัดเลยคู่นี้
"ไม่เลยครับที่รัก ไม่รบกวนเลย" ว่าแล้วก็รีบเดินตรงปรี่เข้าไปหาภรรยาสาวและโอวเอวบางของเธอเอาไว้จนฉันกลอกตาไปมาอย่างนึกหมั่นไส้
"คุยอะไรกันอยู่เหรอ"
"นี่ยัยเธียร์ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจากพี่ลันด้วย"
"เฮ้ย! ยัยลินณ์อย่าพูดบ้า ๆ นะโว้ย" พี่ลันถึงกับชะงักชี้หน้าฉันอย่างเอาเรื่องแต่ฉันก็ไม่คิดสนใจแถมยังทำหน้าตากวน ๆ ส่งไปอีก
"อย่ามาแกล้งให้ยาก แกปั่นฉันไม่สำเร็จหรอก" คาเธียร์หัวเราะออกมาพลางโอบกอดสามีข้างกายเมื่อรู้ทันในคำพูดของฉัน
"สมน้ำหน้า แกมันน้องไม่รักดี"
"ชิ! น่าเบื่อ ไปรักกันที่อื่นโน้นนี่มันห้องทำงานฉันนะยะ" เมื่อปั่นหัวเพื่อนรักไม่สำเร็จก็ต้องโมโหกลบเกลื่อน ว่าจะหาอะไรสนุก ๆ แกล้งพี่ลันสักหน่อยแต่เพื่อนตัวดีกลับไม่เป็นไปตามน้ำซะได้
"เดี๋ยวเถอะยัยลินณ์ พี่เอาคืนแกแน่บอกเลย"
"มาเถอะ ไม่กลัวหรอก ไอ้คนกลัวเมีย!" ฉันตะโกนกลับไปพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารมาถือไว้ในวงแขนก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปในที่สุด
ในเมื่อทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ได้ก็ขอเป็นฝ่ายออกมาเองแล้วกัน เหม็นความรักโว้ย!