หากแต่แค่เพียงก้าวมาถึงด้านหน้าคฤหาสน์ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ ท่านนายพลจ้าวผู้เป็นบิดานั้นกลับมาดักรอและเรียกเอาไว้เสียก่อน
"ตามไปคุยกับฉันที่ห้องหนังสือ!"
คนเป็นบิดากล่าวเพียงเท่านั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปภายในทันที จ้าวลู่เฉินไม่อยากจะตามไปแต่เพราะปกติแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขากับท่านนายพลจ้าวก็ไม่ดีมาโดยตลอด ยิ่งช่วง3ปีให้หลังมานี้แทบจะมองหน้ากันไม่ติดสุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้าวตามคนเป็นบิดาเข้าไปด้านใจด้วยท่าทางเร่งรีบอย่างมากเนื่องจากภายในใจนั้นร้อนรนหนักหนากลัวว่าเหรินซินจะฟื้นขึ้นมาเพียงลำพังแล้วเธอจะรู้สึกไม่ดี
"นั่งสิ"
หลังจากเข้ามาภายในห้องแล้วท่านนายพลจ้าวก็กล่าวกับบุตรชายโดยไม่ยอมมองหน้าบุตรชายคนรองเพราะอารมณ์โกรธขณะนี้มีมากเหลือเกินนั่นก็เพราะเมื่อครู่ใหญ่บุตรชายเล็กของตนเองเพิ่งจะรายงานเรื่องสำคัญให้เขาทราบ
"แกกำลังจะไปไหน" รู้ทั้งรู้แต่ท่านนายพลจ้าวก็อยากจะฟังจากปากของบุตรชายคนกลางอยู่ดี
"ปกติท่านนายพลก็ไม่เคยสนใจว่าผมจะไปไหน มีอะไรก็พูดมาเถอะครับอย่าอ้อมค้อมเลยมันดูไม่เหมือนท่านนายพลจ้าวที่ผู้คนทั้งหนานจิ้งยำเกรงนะครับ" จ้าวลู่เฉินเอ่ยออกมาเสียงเรียบเนื่องจากพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าจ้าวป๋อจิ้งคงเอาเรื่องที่เขาซุกซ่อนเหรินซินเอาไว้ที่หางโจวมารายงานอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เศษสวะนั่นมันคงเตรียมหาคนปกป้องอยู่เป็นแน่
"ไอ้ลู่เฉิน!"
ท่านนายพลจ้าวที่โกรธบุตรชายอยู่แล้วกลับยิ่งโกรธจนแทบจะพ่นไฟออกทางจมูกได้อยู่แล้ว ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่มันจะได้ดังใจของเขา
"ท่านนายพลจ้าวต้องการจะพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะผมกำลังรีบ"
จ้าวลู่เฉินไม่อยากต่อปากต่อคำกับบิดาให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงเอ่ยปากให้ตรงประเด็นไปเลย
"ฉันกับท่านนายพลเจียงตกลงกันแล้วว่าจะให้แกกับคุณหนูเจียงหมั้นกันเอาไว้ก่อน อีกครึ่งปีคุณหนูเจียงเรียนจบค่อยจัดการแต่งงานให้ถูกต้อง ส่วนตอนนี้แกจะไปมีใครอะไรยังไงฉันจะไม่ก้าวก่ายขอแค่เมื่อถึงเวลาแกแต่งงานรับคุณหนูเจียงมาเป็นสะใภ้รองของฉันก็พอ"
เพราะช่วงนี้เขากับสหายเช่นท่านนายพลเจียงที่อยู่ฉงชิ่งเห็นสมควรว่าต้องเกี่ยวดองกันเพื่ออำนาจทางการทหารที่มั่นคงจึงคิดว่าคู่ที่เหมาะสมนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากบุตรชายคนรองของเขากับคุณหนูเจียงบุตรสาวคนเล็กของท่านนายพลเจียง แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่จ้าวป๋อจิ้งนั้นกลับรายงานว่าบุตรชายคนรองคล้ายจะเลี้ยงผู้หญิงเอาไว้ที่หางโจวคนหนึ่งเขาจึงต้องรีบเรียกจ้าวลู่เฉินมาพูดคุยทั้งที่ไม่อยากจะเห็นหน้าของมันแม้แต่น้อย
"ผมคงหมั้นกับใครอีกไม่ได้หรอกครับพ่อ ผมแต่งงานมีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานาน3ปีแล้ว" จ้าวลู่เฉินตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดเผยฐานะของเหรินซินออกไป ถึงจะยังไม่ลงตัวในชีวิตนักก็ไม่รออีกแล้ว เขากลัวจะไม่มีโอกาสที่สองดังนั้นเขาจะเดินหน้าพุ่งเขาชนไม่สนใจอีกแล้วว่าบิดานั้นจะยอมรับภรรยาคนนี้ของเขาหรือไม่
"อะไรนะ!?"
ท่านนายพลจ้าวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาที่มองบุตรชายคนรองนั้นเรืองรองไปด้วยเพลิงโทสะยากจะระงับเลยทีเดียว หากแต่จ้าวลู่เฉินนั้นกลับยังคงนั่งเงียบสงบไม่แสดงอาการใดออกมาทั้งสิ้น
"ผมบอกว่า ผมแต่งงานมีภรรยาตามกฎหมายมานาน3ปีแล้วครับ หมั้นหมายหรือแต่งงานกับใครอีกไม่ได้หรอก แม้แต่ภรรยารองผมก็ไม่ยินดีจะแต่งเข้ามาให้วุ่นวาย เพราะเท่าที่เห็นจากประสบการณ์ตรงของท่านนายพลผมก็ปวดหัวจะแย่"
จ้าวลู่เฉินพูดออกไปด้วยกิริยามั่นคงน้ำเสียงนั้นแสนจะแน่วแน่ นั่นยิ่งทำให้ท่านนายพลจ้าวโกรธจนหนวดเหนือเรียวปากทีเข้ากระตุกเลยทีเดียว
"จ้าวลู่เฉิน! แก่นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!"
ท่านนายพลจ้าวชี้หน้าบุตรชายคนกลางด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้มไปหมด เนื่องจากแต่อดีตหลังจากแม่ของมันตาย เขาชี้ซ้ายมันก็แหกคอกไปขวา ครั้งนี้ก็เช่นกัน
"ผมแค่แต่งงาน เกินไปตรงไหนครับ" จ้าวลู่เฉินเอ่ยถามเสียงนิ่ง ใบหน้ายิ่งนิ่งสนิท
"ฉันไม่มีวันยอมรับผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นลูกสะใภ้คนรองของสกุลจ้าวเด็ดขาดแก่จำเอาไว้"
"ก็ตามใจท่านนายพลจ้าวเลยครับ ส่วนผมอย่างไรก็มีเหรินซินเป็นภรรยาคนเดียวไม่ตายไม่แยกจากแน่นอน ส่วนท่านนายพลจะยอมรับเธอหรือไม่มันไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ เมียก็เป็นเมียของผมไม่ใช่เมียของท่านนายพลสักหน่อย หากท่านนายพลอยากจะดองกับสกุลเจียงนักก็แต่งเธอเข้ามาเองสิครับ หรือไม่นอกจากผม เผื่อท่านนายพลจ้าวจะลืม ลูกชายที่ยังว่างของท่านนายพลนั้นมีอีกคนหนึ่ง"
ผลัวะ!
ใบหน้าของจ้าวลู่เฉินสะบัดไปตามแรงฝ่ามือของผู้เป็นบิดา หากแต่เขากลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำนอกจากมองบิดาด้วยสายตาตัดพ้ออยู่หลายส่วน
"ยังไงแกก็ต้องหย่ากับผู้หญิงคนนั้น เพราะฉันไม่รับมันมาเป็นสะใภ้แกได้ยินไหม!!!"
"พอเถอะครับท่านนายพล ผมไม่มีวันนอกใจเหรินซิน และยิ่งไม่มีวันจะหย่าขาดกับเธอ แล้วอีกอย่างนะครับนอกจากผมกับพี่ใหญ่ท่านนายพลช่วยอย่าลืมว่ายังมีป๋อจิ้งเป็นลูกชายอีกคน บีบบังคับผม บีบบังคับพี่ใหญ่แล้วช่วยหันไปใส่ใจป๋อจิ้งด้วยจะดีมากๆ"
ผลัวะ!
ใบหน้าอีกข้างของจ้าวลู่เฉินสะบัดไปอีกทาง พอเขาเหลียวกลับมาคราวนี้มีหยดเลือดไหลลงมาจากมุมปากอีกด้วย หากแต่ชายหนุ่มกลับเหยียดยิ้มราวกับจะเย้ยหยันโชคชะตาของตนเองอย่างไรอย่างนั้น
"ตบพอใจหรือยังครับ หากท่านนายพลพอใจแล้วผมยังมีธุระที่สำคัญกว่าเรื่องไร้สาระของท่านนายพลให้ต้องไปทำอีกมาก"
"จ้าวลู่เฉิน! แกจะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!!"
หากแต่จ้าวลู่เฉินไม่ฟังอะไรอีกเพราะยิ่งพูดก็ยิ่งยาว ทะเลาะกันไม่รู้จบเช่นเรื่องที่เขาลาออกจากราชการทหารไม่ยอมเจิญรอยตามบิดา เนื่องจากพี่ชายคนโตนั้นต้องไปสืบต่อธุรกิจทางฝ่ายมารดาเลี้ยงของเขาดังนั้นหน้าที่สืบทอดอำนาจทางการทหารของสกุลจ้าวจึงต้องตกมาเป็นของเขาทั้งที่บุตรชายนั้นไม่ใช่มีเพียงเขากับพี่ชายคนโตสักหน่อยหากยังคงมีจ้าวป๋อจิ้งอีกคน แต่บิดากลับลำเอียงเอาแต่บีบบังคับเขากับพี่ใหญ่ไม่มีวันสิ้นสุด แบบนี้นี่แหละที่จนวันนี้เขาก็ไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่า พ่อ มาเป็น10กว่าปี
"ไอ้ลู่เฉิน ไอ้ลูกอกตัญญู กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!"
"พอเถอะครับ ถึงอย่างไรผมก็ไม่มีทางแต่งงานหรือหมั้นหมายกับคุณหนูอะไรคนนั้นหรอกครับ และอีกอย่างหนึ่งผมจะพาเหรินซินเข้ามาอยู่ในบ้านไม่ว่าท่านนายพลจะยอมรับหรือไม่ เพราะเธอคือเมียของผม ไม่ใช่เมียของท่าน!"
"ไม่ได้ ห้ามพานังผู้หญิงไร้ยางอายนั่นเข้ามาอยู่ในบ้านของฉันเด็ดขาด!"
"ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะย้ายออกไปอยู่กับเหรินซินเอง!"
พูดจบจ้าวลู่เฉินก็ก้าวออกจากห้องไปทันทีไม่สนใจว่าบิดาจะด่าทอหรือขว้างปาข้าวของไล่หลังมาติดๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตูแจกันใบหนึ่งก็พุ่งตามมาเฉียดศีรษะของเขาไปเล็กน้อย หากแต่ชายหนุ่มกลับวางสีหน้าสงบก้าวเดินมั่นคงมุ่งหน้าไปยังด้านหน้าตึกแล้วให้จางจงออกรถไปโรงพยาบาลทันที...