บทที่3
เหรินซินวิ่งสับเท้าเต็มกำลังคาดไม่ถึงว่าพอเลี้ยวพ้นหัวโค้งมาได้ตนเองก็ต้องเผชิญหน้าเข้ากับขบวนรถยนต์หรูหราหลายคันเข้าอย่างจัง ถึงรถคันหน้าจะเบรกแล้วก็ยังชนร่างเล็กจนกระเด็นตกลงไปในทุ่งนายังดีว่าเป็นทุ่งนามีน้ำและดินโคลนเพราะเพิ่งเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกของเมืองหนานจิ้งที่พอจะรองรับร่างของเธอเอาไว้ได้อยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี แรงกระแทกนั้นรุนแรงมากจนเธอปลิวพอตกลงพื้นเลยทำเอาเหรินซินนั้นจุกแน่นและมึนงงไปหมดไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วเธอนอนจมขี้โคลนแน่นิ่งไปเลยครู่หนึ่ง ต่อให้ภายในใจของหญิงสาวนั้นคิดอยากลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีต่อไปแค่ไหนก็เกรงว่าจะทำไม่ได้อีกต่อไปเสียแล้ว
"…!"
คนตัวเล็กนอนกลอกตามองท้องฟ้าไปมาครู่เดียวใครจะคิดว่าเจ้าฟาโรห์แมวอ้วนนั้นจะกระโดดตามเธอลงมาด้วยเพราะปกติแมวจะไม่ชอบน้ำและเธอเลี้ยงแมวส้มตัวนี้มากับมือถึง6เดือนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามันไม่ใช่แค่ไม่ชอบน้ำแต่ถึงขั้นเกลียดเลยทีเดียว พอเห็นมันกระโดดตามติดลงมาเหรินซินจึงยิ่งกว่าแปลกใจเจ้าฟาโรห์นั้นมันตรงเข้ามาดมๆ ตามใบหน้าของเธอเวลาที่ทะเลาะตบตีกันมาถึง6เดือนใครจะคิดว่าความผูกพันระหว่างคนกับแมวจะมีมากถึงขนาดนี้อาการจุกแน่นยังไม่ทุเลาดังนั้นเหรินซินจึงยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเพราะแม้แต่ลมหายใจหญิงสาวนั้นยังหายใจออกมาไม่สะดวกจะขยับปากเอ่ยกับแมวย่อมไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำได้
ซึ่งคาดว่าเจ้าฟาโรห์เองมันก็คงรับรู้ว่านางทาสของมันแค่บาดเจ็บแต่ไม่ถึงแก่ชีวิตเจ้าแมวส้มจึงเดินวนเวียนเฝ้าอยู่ข้างกายของหญิงสาว เหรินซินหลับตาพยายามใช้ความรู้สึกตรวจสอบดูว่าตนเองนั้นบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง ศีรษะปวดหนึบแต่ความรู้สึกอุ่นๆ กับเหนียวเหนอะหนะของ ของเหลวที่คาดว่าเป็นโลหิตไหลซึมออกมา มากกว่าจะเป็นแค่น้ำผสมโคลนตมในท้องทุ่งนาแห่งนี้จึงเดาได้ว่าศีรษะของเธอคงแตกแล้วหนึ่ง จากนั้นก็เป็นความรู้สึกเริ่มปวดร้าวภายในกระดูกของขาข้างขวาที่ถูกกันชนหน้ารถชนเข้าอย่างจังคิดไม่ออกเลยว่าหากไม่ตกลงมาในบ่อโคลนนี้ตนเองจะบาดเจ็บหนักเพียงใดนอกจะหัวแตกและขาข้างขวาหักยังจะมีส่วนใดของร่างกายแตกหักอีกบ้างหรือไม่เหรินซินยังค้นหาไม่พบเนื่องจากชาหนึบไปหมดทั้งร่างแล้วนั่งเอง
ขณะเดียวกันด้านคนบนรถนั้นก็แตกตื่นตกใจไม่น้อย หากแต่จ้าวลู่เฉินนั้นได้สติก่อนใครเขาจึงพุ่งกายลงมาพร้อมปืนพกที่ปลดเซฟพร้อมยิงตามติดด้วย กงเหยียน เฉียงเว่ย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คนของจ้าวป๋อจิ้งนั้นวิ่งไล่กวดตามหลังของเหรินซินมาติดๆ ตามมาทันพอดี เช่นกันแต่เมื่อพวกมันแลเห็นขบวนรถและคนก็พากับเบรกเท้าจนตัวโก่งยิ่งมองจนชัดเจนแล้วได้เห็นว่าเป็นพญายมแห่งเมืองหนานจิ้งเช่นคุณชายรองจ้าวลู่เฉินนั้นโผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้าพร้อมกำลังคนของแก๊งหงส์เพลิงเกินครึ่งร้อยเช่นนี้พวกมันจึงต่างพากันหันหลังกลับวิ่งหนีหางจุกก้นหวนคืนไปหาผู้เป็นนายของตนเองทันที
เห็นดังนั้นจ้าวลู่เฉินที่เปิดประตูรถออกมายืนอยู่ด้านนอกจึงรู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงที่ถูกรถของตนเองชนนั้นเธอคือใคร นั่นเองที่ชายหนุ่มจึงร้อนใจแทบเป็นบ้ารีบกระโดดลงไปในท้องทุ่งนาไม่สนใจว่าตนเองจะเปื้อนขี้ดินขี้โคลนอะไรทั้งนั้น!
"กงเหยียน เฉียงเว่ย เอาคนตามไปจับป๋อจิ้งมาให้ฉันให้ได้ จางจงเตรียมหันหัวรถกลับออกไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ฉันสามารถพาอาซ้อรองของแกไปโรงพยาบาลได้เร็วที่สุด!"
หลังจากหันไปสั่งการให้คนของตนเองเข้าไป'เก็บกวาด'และจับตัวของจ้าวป๋อจิ้งมาให้เขาแล้ว จ้าวลู่เฉินจึงกระโดดลงไปในทุ่งนาที่มีต้นข้าวที่สูงเพียงหัวเข่าของเขาในขณะที่มือก็เก็บปืนไปด้วย ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่มก็คือร่างเล็กจมอยู่ในน้ำผสมดินโคลนโผล่ขึ้นมาเพียงใบหน้าดวงตาคู่โตสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนกับแสงดวงอาทิตย์มองมาทางเขาพอดีทำให้ต่างคนก็ต่างหยุดชะงักและนิ่งงันกันไปครู่หนึ่ง
"เหรินซิน?"
ถามออกไปเพราะสภาพของอีกฝ่ายไม่ปกติจ้าวลู่เฉินแน่นอนเห็นภาพถ่ายของภรรยาตามกฎหมายแทบจะทุกเดือนตามรายงานมีหรือจะจำน้องสาวของผู้มีพระคุณไม่ได้เพียงแต่อีกฝ่ายบัดนี้จมอยู่ในดินโคลนกลางท้องทุ่งนาแบบนี้ใครจะไปจำอีกฝ่ายได้ต่อให้เป็นบิดามารดา หรือพี่ชายของเหรินซินที่ล่วงลับไปแล้วนั้นมาเห็นในยามนี้ก็คงจะไม่แน่ใจเช่นกันว่านี่ใช่เหรินซินหรือไม่
"คุณคือ? ..."
เหรินซินนั้นไม่กล้าขยับร่างกายตนเองก็จริงแต่เธอนั้นยังขยับปากถามอีกฝ่ายออกไปได้อยู่ เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือใคร เขาอาจเป็นคนขับรถคันที่ชนเธอแต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับไอ้คนที่ไล่กวดจะจับเธอกลับไปข่มขืนและนำไปขายทอดตลาดได้อย่างไร แต่ผู้ชายคนนี้ออกจะประหลาดสักหน่อยตรงที่คล้าย ไม่คล้ายสิคาดว่าเขาคงลุกมาจากเตียงนอนแล้วพุ่งมากมาเลยแน่นอนดูได้จากทรงผมที่ยังยุ่งเหยิง กับกางเกงแพรสีน้ำเงินเข้มและเสื้อคลุมที่ดูแล้วภายในไม่ได้สวมเสื้ออยู่เนื่องจากเธอมองเห็นหน้าอกของอีกฝ่ายได้เต็มตาขณะนี้
"ฉันคือพี่ลู่เฉิน เป็นสามีของเธอไง จำไม่ได้แล้วหรือ?"