MILK-KI CAFE
ร้านคาเฟ่ของเหนือฟ้ารุ่นพี่ที่อิงจันทร์สนิท ยังคงเป็นฐานลับที่เธอชอบมาขลุกตัวอยู่บ่อยครั้ง
ต่อให้ชีวิตจะแย่แค่ไหนแต่ของหวานจะเยียวยาทุกอย่างเอง..
เธอพยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลาย ก่อนจะต้องเผชิญหน้ากับครอบครัววรโชติเมธา ในหัวมีแต่ปัญหาค่าใช้จ่ายที่ต่อให้ขายทรัพย์สินส่วนตัวจนหมดก็ยังไม่พออยู่ดี
“มีเรื่องให้เครียดเหรอเรา สั่งของหวานเต็มโต๊ะเลย” ต้นเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ขณะเสิร์ฟชีสเค้กสตรอว์เบอร์รี่บนโต๊ะให้อิงจันทร์
“ใช่ค่ะ ฉันก็เลยต้องมาฝากท้องที่ร้านพี่ไง” เธอตอบกลับ พลางฝืนยิ้มที่ดูฝืดเคืองจนอีกฝ่ายเผลอหลุดยิ้มออกมา
“แล้วนี่ทานข้าวเช้าหรือยัง”
“แค่มีของหวานฉันก็ไม่ตายแล้วค่ะ”
“อีกแล้วนะอิง พี่บอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ”
รุ่นพี่คนสนิททิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับอิงจันทร์ พลันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้เห็นสีหน้าเธอที่ดูอ่อนเพลีย ราวกับคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
“อันที่จริง.. ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะนิดหน่อย” อิงจันทร์พูดพลางยกมือขึ้นเสยผม
“เห็นเธอกินแต่ของหวานก็รู้แล้ว”
“ก็มันเครียดจนกินข้าวไม่ลงนี่”
เหนือฟ้าคลี่ยิ้มบางเบาด้วยความห่วงใย เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้คิดมาก
ถึงอิงจันทร์จะไม่ค่อยระบายเรื่องราวในชีวิตให้เขาได้ฟัง แต่บางครั้งคนเราก็แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาผ่านแววตา เวลาที่ปากไม่สามารถระบายความรู้สึกออกมาได้
เพราะสายตาไม่เคยโกหกว่ารู้สึกยังไง..
“ถ้างั้นนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน พี่จะปิดร้านสัก 20 นาทีเดี๋ยวทำอะไรให้ทาน”
“เลม่อนล่ะพี่เหนือ วันนี้ไม่มาทำงานเหรอ”
“ยังไม่มา น่าจะติดเรียนภาคบ่ายอยู่”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันยืนเคานท์เตอร์ให้พี่ก่อนก็ได้ เผื่อมีคนมาพี่เหนือจะได้ไม่เสียลูกค้า”
เหนือฟ้าที่อ้าปากจะปฏิเสธ ถูกสายตาของอิงจันทร์มองเชิงกดดัน สุดท้ายเลยต้องจำยอมให้เธอเป็นพนักงานคอยต้อนรับลูกค้าหน้าร้านชั่วคราว
อิงจันทร์พลิกบทจากซีอีโอสาวตัวน้อยเป็นพนักงานต้อนรับของร้าน เธอกวาดสายตามองลูกค้าในร้านที่นั่งแยกกันคนละมุม พลางสูดลมหายใจแล้วปั้นหน้าแย้มยิ้มขึ้นมา
ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนเล็กน้อย เพราะปัญหาที่ค้างคายังคงวนเวียนให้คิดมากอยู่เรื่อย
แต่เมื่ออยู่หน้างานอิงจันทร์เป็นมืออาชีพเสมอ..
กระทั่งเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น อิงจันทร์ที่ยืนเหม่อครู่หนึ่งก็รีบหันไปยิ้มต้อนรับพร้อมกับทักทายทันที
“มิลค์กิคาเฟ่ยินดีต้อนรับค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ทว่าวินาทีที่สายตาเลื่อนขึ้นสบประสานกับใบหน้าที่คุ้นเคย พลันรอยยิ้มเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตาเดียว
“พี่เอก..” ชื่อของเขาหลุดออกมาจากปากเธอ สายตาจดจ้องมองชายหญิงที่เดินควงแขนกันอย่างสนิทสนม
ถ้าหากให้เดาจากบริบททั้งคู่ อิงจันทร์ก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวหน้าสวยข้างกายคือแฟนสาวของเขา
เอกชยินทร์ที่หันมาเห็นอิงจันทร์ชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกอิงจันทร์เมินใส่ไม่ยิ้มให้และไม่ทักทายเขาแต่อย่างใด
เพราะเธอรู้ว่าคงเป็นสิ่งที่เขาต้องการ..
“รับอะไรดีคะคุณลูกค้า” อิงจันทร์คลี่ยิ้มบางบนมุมปากสวย ยืนประสานมือไว้ข้างหน้า รอลูกค้าอย่างเอกชยินร์กับแฟนสาวเลือกเมนูเค้กจากตู้กระจกอย่างไม่รีบเร่งอะไร
นี่สินะว่าที่เจ้าสาวตัวจริงของเขาในอนาคต..
“เอกอยากทานอะไรมั้ย หรือว่าจะทานแค่กาแฟดีคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม พลางหันมองแฟนหนุ่มแล้วโปรยยิ้มหวานหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
“กาแฟก็ได้ครับ”
“เดี๋ยวเอกต้องเข้าบริษัทใช่มั้ย ดื่มกาแฟสักหน่อยจะได้สดชื่นเนอะ”
“ตามนั้นเลยครับพลอย”
“โอเค ถ้างั้นเอาอเมริกาโน่เย็นแล้วก็ส้มสมูทตี้ ขอพายบลูเบอร์รี่สองที่ด้วยนะคะ”
เอกชยินทร์หลุบตามองอิงจันทร์ที่ก้มหน้ามองเครื่องคิดเงิน ไม่ได้หันมาสบตาหรือแสดงทีท่าสนใจเขา เธอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องก็เท่านั้น
ต่อให้รู้สึกแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการไว้อย่าให้ใครรับรู้..
“รอสักครู่นะคะคุณลูกค้า” อิงจันทร์ค้อมศีรษะขณะที่รับเงินมา ก่อนจะใช้เครื่องตรงหน้าคิดและทอนเงินด้วยความชำนาญ
สถานการณ์ค่อนข้างอึดอัดเมื่อไร้ซึ่งเสียงสนทนา เธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาจนหายใจไม่ทั่วท้องอย่างบอกไม่ถูก
“รบกวนรอเครื่องดื่มสักครู่นะคะ ขอบคุณค่ะ” พูดจบเธอก็หุบยิ้มฉับทันทีที่ทั้งสองคนหันหลังไป
หากทว่าจังหวะที่เธอกำลังหมุนตัวไปชงกาแฟ อิงจันทร์ดันเกิดอาการหน้ามืดจนเกือบทรงตัวไม่อยู่ ส่งผลให้เอกชยินทร์มีปฏิกิริยาขึ้นมา ก่อนหันไปลูบศีรษะแฟนสาวแล้วยิ้มให้กลบเกลื่อนสีหน้าตนเมื่อครู่
“พี่เหนือ..”
แทนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น อิงจันทร์กลับตะโกนเรียกหาคนหลังร้านแทน
“มีอะไรอิง เป็นอะไรหรือเปล่า” เหนือฟ้ารีบเดินมาหาเธอ หลังได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“อเมริกาโน่เย็นกับส้มสมูทตี้ แล้วก็บลูเบอร์รี่พายสอง..” อิงจันทร์ทวนซ้ำเมนูที่อีกคนสั่งเมื่อครู่ “ฉันเวียนหัวนิดหน่อย พี่ช่วยทำออเดอร์แทนที”
“โอเค ถ้างั้นเธอไปนั่งพักก่อน”
“อือ..”