CHAPTER 1 : แก้วร้าวที่รอวันแตกสลาย
การใช้ชีวิตโดยไม่หวังว่าจะถูกรักก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่..
เสียงคมมีดเสียดสีกับจานขณะหั่นเนื้อรมควันเกรดดีเข้าปาก ไร้ซึ่งบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร มีแค่สายตาคู่คมที่เหลือบมองคนตรงหน้านั่งทานอาหารอย่างเงียบเชียบ
ตรงข้ามชายหนุ่มคือหญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง มีสัดส่วนที่ใครหลายคนอยากมี ทั้งหน้าอกที่อวบอิ่มรับสะโพกผายดูเซ็กซี่
แต่คงไม่ดึงดูดสายตาผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่..
เพราะเอกหรือเอกชยินทร์ วรโชติเมธา ลูกชายคนที่สองของเคย์ยูกรุ๊ปวัยยี่สิบเจ็ดปี กำลังตั่งสมาธิเพื่อเรียบเรียงคำพูดในเรื่องสำคัญที่หนักใจเขาตั้งแต่เมื่อวานก่อน
“อิง”
“คะ”
เจ้าของใบหน้าสวยสง่าช้อนดวงตาเรียวสวยขึ้นมอง พลางเลิกคิ้วขึ้นเชิงให้เขาพูดต่อ
อิงหรืออิงจันทร์ อธิพัชร์เมธี ลูกสาวเพียงคนเดียวของควินซีกรุ๊ปวัยยี่สิบห้าปี ซึ่งในตอนนี้กลายเป็นที่หมายปองมากมายของเหล่าชายหนุ่ม
แต่ทว่าเธอกลับละทิ้งหนทางแสวงหารักอันหวานชื่น เพื่อมอบช่วงเวลาให้กับหน้าที่การงานทั้งหมด
ไม่เว้นแม้กระทั่งในเวลานี้ ต่อให้อยู่ตรงหน้าเอกชยินทร์ที่ใครต่างก็บอกว่ารูปงามดั่งลูกรักของพระเจ้า หญิงสาวผลัดเปลี่ยนกันเข้าหาไม่ซ้ำหน้า แต่อิงจันทร์ก็ยังสนใจงานมากกว่าเขาอยู่ดี
เพราะชายหนุ่มเป็นฝ่ายไปรับเธอมาทานข้าวเอง ฉะนั้นคนที่ควรเกริ่นเริ่มเรื่องก็ควรเป็นตัวเอกชยินทร์ แค่ต้องนั่งตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็หนักใจสำหรับเธอมากพอแล้ว
ถึงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันปานนั้น
“ฉันขอไม่อ้อมค้อมกับเธอนะอิงจันทร์” เอกชยินทร์เอ่ยขึ้นทำลายกำแพงความเงียบ
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องอ้อมค้อมสิคะ พูดมาได้เลย พี่มีธุระอะไรกับฉันกันแน่” อิงจันทร์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะหั่นเนื้อในจานเข้าปากไปด้วย
“พ่อกับแม่เธอได้พูดอะไรบ้างหรือเปล่า”
“.....”
“เรื่องที่ทางผู้ใหญ่วางแผนอยากให้เราสองคนแต่งงานกัน..”
สิ้นประโยคนั้นมือเรียวที่กำลังหั่นเนื้อก็ถึงกับชะงักงัน ก่อนจะเปรยสายตามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อือ” เธอขานรับ ก่อนวางมีดในมือลง “พี่เอกไม่อ้อมค้อมเรื่องนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นกับเรื่องนี้เหมือนกัน”
“งั้นก็ดีสิ แปลว่าเธอจะให้ความร่วมมือขัดขวางพวกเขาใช่มั้ยอิง”
“ที่พี่อุตส่าห์สละเวลาไปรับฉันมา เพราะเรื่องนี้เองสินะ”
พูดจบเอกชยินทร์ก็มุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พลางลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มองเธอที่แย้มยิ้มขณะหยิบผ้าเช็ดมุมปากเบาๆ
“ฉันมีผู้หญิงที่ฉันอยากแต่งงานด้วยแล้ว” น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยบอก ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความวิตกกังวล หากต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ตนไม่ได้รัก
“ฉันก็ไม่คิดจะแต่งงานกับพี่เหมือนกัน” อิงจันทร์ตอบกลับทันควัน ทำเอาอีกคนถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้ารับคำพร้อมคลี่ยิ้มที่ทั้งคู่มีความคิดตรงกัน
“สรุปว่าเธอจะช่วยฉันใช่มั้ย” เอกชยินทร์เลิกคิ้วรอคำตอบจากปากอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้ช่วยพี่ ฉันช่วยตัวเองต่างหาก.. ใครจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ล่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นพรุ่งนี้เธอช่วยพูดกับแม่ฉันให้ที ถ้าเป็นเธอพูดด้วยตัวเอง แม่ฉันต้องเข้าใจแน่”
สิ้นเสียงอิงจันทร์เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อุตส่าห์นั่งเกร็งตั้งนานกลัวเธอจะไม่ร่วมมือกับเขา
“ว่าแต่พี่เอก.. สบายดีนะคะ” อิงจันทร์เอ่ยถามเสียงเรียบ สายตาเหม่อมองใบหน้าคมคายนานหลายวินาที หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแรมปี
“ฉันสบายดี เธอล่ะ ตั้งแต่บินกลับจากอังกฤษก็ลุยหน้างานอย่างเดียวเลยเหรอ”
“ควินซีกรุ๊ปเป็นทุกอย่างของคุณแม่.. ฉันไม่ไว้ใจให้คนอื่นดูแล”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ยังไงเธอกับฉันก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
หญิงสาวค้อมศีรษะพร้อมกับยิ้มรับ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นสบนัยน์ตาคู่คม ราวกับมีบางอย่างอยากจะพูดแต่ก็นิ่งเงียบไป
“ขอบคุณนะอิง” เขากล่าวขอบคุณ มุมปากสวยยกสูง สบมองหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มหวานละมุน
อิงจันทร์รีบเบือนหน้าหนี ยกมือขึ้นถูปลายจมูกกลบเกลื่อนพิรุธในแววตา ขณะเดียวกันมือที่วางบนตักตัวเองก็บีบเข้าหากันแน่น
“ยินดีกับรักครั้งใหม่ด้วยนะคะ ถ้ารู้ว่าพี่เจอผู้หญิงที่อยากแต่งงานด้วยสักที ฉันคงจะหอบดอกไม้มาแสดงความยินดีกับพี่ไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร แค่เธอช่วยฉันก็เหมือนว่าช่วยเราสองคนแล้ว”
สิ้นประโยคนั้นพลันใบหน้าหล่อเหลาก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ต่างจากก่อนหน้านี้ที่แสดงทีท่าเย็นชาใส่กัน
เครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนและดวงตาสีรัตติกาลของเอกชยินทร์ดูนิ่งลึก ดึงดูดสายตาคนที่ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ว่าเผลอสบมองนาน
ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอกชยินทร์หล่อเหลาเอาการ มากกว่าตอนเป็นพี่ชายข้างบ้านเธอ
อีกคนไปไกลเกินกว่าเธอจะวิ่งไล่เขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว..
“หมดธุระแล้วใช่มั้ยคะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่รบกวนดีกว่า ยังไงฉันจะคุยกับคุณแม่ท่านให้ วางใจเถอะค่ะ”
ท่าทางเย่อหยิ่งของอิงจันทร์เองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาจีบ บางคนก็มองว่าอิงจันทร์เป็นพวกเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว หากจะให้มีความรักคงยาก
ทว่าใครจะรู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กและบอบบางอย่างเธอ ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ใครตั้งความหวังเอาไว้เลยสักนิดเดียว
อิงจันทร์ไม่ต่างจากแก้วร้าว.. เพราะมันพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ