“เธอขับรถได้น่ากลัวมากนะ รู้ตัวมั้ย”
หลังรับยาจากโรงพยาบาลเสร็จสิงหราชก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะปลายฟ้าเป็นคนขับรถได้ชวนอาเจียนที่สุดเท่าที่เขาเคยนั่งเลย
บทจะขับช้าก็ช้าจนโดนคันหลังบีบแตรใส่ พอจะขับเร็วก็ดันเหยียบเบรกกะทันหัน พร้อมยิ้มแห้งให้เขาที่เกือบหน้าคะมำมาแล้ว
“แต่หนูมีใบขับขี่แล้วนะคะ อีกอย่างหนูก็แค่ต้องขับระวังมากขึ้นแค่นั้นเอง”
“งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ หนูขับระวังเพราะมีเฮียมาด้วยเลยนะ” พูดจบแน่นอนว่ามือหนาก็ยกขึ้นจิ้มหน้าผากปลายฟ้า ก่อนคว้ากุญแจรถในมือเธอไปถือแทน
คนตัวเล็กเชิดดวงหน้าขู่ฝ่อเหมือนลูกแมวใส่สิงหราช ก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิดเพราะเจ้าตัววิตกกังวลกับรถบนท้องถนนมากเกินไป จนต้องยอมรับว่าเผลอขับรถได้แย่จริงๆ
“เดี๋ยวฉันขับเองดีกว่า” สิงหราชเปรยเสียงเรียบ แต่กลับทำให้ปลายฟ้ามีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“เฮีย” ปลายฟ้ามุ่ยหน้าอย่างขัดใจ เพราะรู้ดีว่าพูดอะไรออกไปสิงหราชก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่แค่เขายอมมาหาหมอและไม่ปิดบังเธอเรื่องป่วย แค่นี้เธอจะพอจะยิ้มออกมาได้แล้ว
เธอพยายามจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างของฉากให้บิดเบี้ยวต่างจากครั้งก่อน หวังเพียงแค่ว่ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แม้ว่าจะทำทุกอย่างโดยมีเพียงแสงสว่างอันลับหรี่ก็ตามที
อย่างน้อยก็ยังเหลือความหวังอยู่..
“เฮียจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ เดี๋ยววันนี้หนูทำหน้าที่เป็นไดร์เวอร์ส่วนตัวให้เอง”
“ฉันขับเอง เธอไปนั่ง”
“แต่ว่าเฮีย..”
“อย่าดื้อ แล้วก็ขึ้นรถ”
นัยน์ตาคู่คมหรี่ลงมองเธออย่างจับผิด เพราะปลายฟ้าเอาแต่แสดงท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่เจอเขาที่สนามบิน จนสิงหราชอดคิดไม่ได้เลยว่าเธออาจจะกินยาหรือทานอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่า
“หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย เฮียต่างหากที่ต้องฟังกันบ้างสิคะ”
“บอกให้ขึ้นรถ ไม่เข้าใจหรือไง”
เจ้าของใบหน้าสวยไหล่ลู่คอตกเพราะถูกดุ แม้ว่าจะไม่มีเสียงตะคอกใส่ แต่เวลาสิงหราชกดเสียงต่ำแล้วมองเธอแบบนั้นก็หมายความว่าเธอถูกเขาดุเข้าให้แล้ว
สุดท้ายปลายฟ้าก็จำใจขึ้นรถอย่างว่าง่าย เธอคอยเหลือบสายตามองสิงหราชเป็นระยะ สีหน้าและแววตาของเขายังสดใสเหมือนคนปกติทั่วไป แต่เธอก็ยังแอบกังวลใจกับวันเกิดที่ใกล้เข้ามาถึงอยู่ดี
ใครจะอยากฝันร้ายเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่ากัน
“เราจะไปไหนกันคะ” ปลายฟ้าเอ่ยถาม พลางส่ายตามองเส้นทางที่คุ้นเคยแล้วย่นคิ้วเข้าหากัน
“กลับบ้าน” สิงหราชตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบสายตามองปลายฟ้าผ่านกระจกมองหลัง ถึงได้รู้ว่าเธอมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“หนูยังไม่อยากกลับ” คนตัวเล็กว่าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่วันนี้มีนัดทานข้าว จำไม่ได้หรือไง”
“ถึงจะจำได้แต่ว่าหนูก็ยังไม่อยากกลับ เราลอง.. ไปที่อื่นกันดูมั้ยคะ”
คิ้วเข้มหักงอเข้าหากันทันทีที่ได้ยินปลายฟ้าตอบกลับไม่เต็มเสียง ราวกับว่าปกปิดอะไรไว้ภายใต้ดวงตาคู่สวยที่ดูสั่นประหม่าตั้งแต่ได้เจอกัน
“หนูไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เฮียอย่าเพิ่งกลับไปเลยได้มั้ยคะ”
สิงหราชส่ายหน้าปฏิเสธ จนอีกฝ่ายต้องรีบจับแขนเขาเขย่าอย่างอ้อนวอน
“อะไรกันเฮีย วันนี้หนูว่างทั้งวันเลยนะ อยู่เป็นเพื่อนเฮียได้สบายเลย” ปลายฟ้าระบายยิ้มกลบเกลื่อนพิรุธในแววตา เธอไม่คิดว่าตัวเองจะยอมบอกเหตุผลที่แท้จริง เพราะยังไงสิงหราชก็ไม่มีทางเชื่อเธอแน่นอน
“จะมาทำตัวติดกับฉันทำไม เป็นตังเมเหรอไง”
สาวเจ้ายกมือขึ้นกอดอก แล้วพองแก้มอย่างแง่งอน
“บอกมาว่าเธอจะไปไหน แล้วทำไมถึงมาตามฉันแบบนี้”
“ไปไหนอะไรคะ ก็ไปกับเฮียไง”
“ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
“ไปให้สุดปลายฟ้ากันเลยมั้ยล่ะคะ”
ใบหน้าสะสวยสะบัดหน้ามองเจ้าของดวงตาคู่คม ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เพราะเหมือนสติจะกลับมาหลังโพล่งประโยคเมื่อครู่ออกไปแล้วเรียบร้อย
พอมาคิดดูแล้วตั้งแต่ปลายฟ้าไม่เหลือใครแม้แต่ญาติพี่น้อง สิงหราชก็เป็นคนเดียวที่คอยปกป้องเธอมาตลอด
เป็นคนเดียวที่เธออยากจะปกป้องเขาบ้างเหมือนกัน..
“วันนี้เราเลื่อนนัดทานข้าวกับคุณลุงไปก่อนได้มั้ย หนูมีที่นึงที่อยากให้เฮียไปด้วยกัน” ปลายฟ้าเอ่ยเสียงแผ่ว เธอก้มหน้าแล้วบีบมือเข้าหากันเล็กน้อย กลัวใจว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
“ทำไม กลัวฉันจะเอาเรื่องที่เธอโดดเรียนไปฟ้องหรือไง”
“หนูมีข้ออ้างเยอะแยะเลยล่ะค่ะที่จะบอกคุณลุงว่าทำไมวันนี้หนูถึงไม่เข้าเรียน”
“เด็กเลี้ยงแกะ”
“เปล่าซะหน่อย” เจ้าตัวรีบแย้งทันควัน “เพราะยังไงหนูก็จะบอกคุณลุงค่ะว่าไปรับเฮีย หนูไม่โกหกหรอก เพราะถ้าโกหก.. เราจะรู้สึกไม่ดีแล้วคนที่ถูกเราโกหกก็รู้สึกแย่ไปด้วย ใช่มั้ยคะ”
“ให้จริงเถอะ”
“อะไรคะ”
“ที่จะไม่โกหกน่ะ”
พูดจบปลายฟ้าก็พยักหน้าหงึกหงักว่าเธอจะไม่โกหกท่านเกษมเรื่องนี้แน่นอน แต่เรื่องอื่นอันนี้ก็ไม่แน่ เพราะถ้าหากพูดไปเดี๋ยวสิงหราชหาว่าเพ้อเจ้ออีก สู้ยอมให้โดนมองว่าทำตัวประหลาดแล้วโดนดุ แต่ยังเห็นเขาอยู่ในสายตาเสียยังดีกว่า
“มีเหตุผลอะไรให้ไม่กลับบ้าน ทะเลาะกับเจ้าเธียรหรือพี่ธีร์เหรอ หะ” สิงหราชโยนคำถามกลับไป สายตายังคงมองทางข้างหน้าไม่วอกแวกไปไหน
“ไม่ได้ทะเลาะหรอกค่ะ แค่ยังไม่อยากกลับไปตอนนี้.. ขอร้องนะเฮียสิงห์ อย่าเพิ่งกลับบ้านตอนนี้เลยนะ”
“มันมีอะไรกันแน่ปลายฟ้า บอกฉันมา”
เธอกลอกตาอย่างใช้ความคิด “เพราะหนูอยากให้เฮียไปทะเลด้วยกัน นั่นแหละค่ะที่หนูอยากจะบอก”
“ทะเลเหรอ” สิงหราชขมวดคิ้วคิดตาม พอพูดถึงทะเลก็เหมือนจะได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝังเสียอย่างนั้น ทั้งยังอยากไปนั่งสัมผัสรับลมทะเลหลังหมกตัวทำงานไม่หยุดเหมือนกัน
“ที่จริงหนูไม่ไปเรียนวันนี้ก็เพราะมีคนบอกว่าทะเลช่วงนี้สวยมาก เฮียเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก น่าจะลองไปรับลมทะเลหน่อย ว่ามั้ยคะ” เจ้าของรอยยิ้มสวยระบายยิ้มเศร้าอย่างปิดไม่มิด
“งั้นเหรอ”
“อื้ม ค่ะ”
ปลายฟ้ากำลังโกหก สิงหราชสามารถจับพิรุธในแววตาสีหม่นของเธอได้
ทว่าเขาก็เลือกที่จะเงียบไม่ตอบอะไร เพราะรู้ดีว่าถ้าหากปลายฟ้าอยากจะเล่าเดี๋ยวเธอก็คงจะบอกเขาเอง แต่ตอนนี้ที่รู้ก็คืออีกฝ่ายน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจจนสีหน้าเธอนั้นแสดงออกมาหมดแล้ว
หรือว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่ไทย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอกันแน่
“หนูขอดูหน่อยได้มั้ยคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาไล่ลงมองต่ำก่อนขยับขึ้นสบตาคู่สนทนานิ่งๆ
“ดูอะไรของเธอ” สิงหราชมุ่นคิ้วแล้วทำเสียงแข็งอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในหัวเขาตีความหมายสองแง่สองง่ามไปแล้ว
“ก็.. คอนโดไง หนูยังไม่เคยไปคอนโดเฮียเลย วันนี้ขอเข้าไปดูหน่อยได้มั้ยคะ”
“ที่นั่นไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
“จะยี่สิบแล้วเหอะเฮีย หนูไม่ได้เด็กขนาดนั้นแล้วนะ เลิกมองหนูเป็นเด็กได้แล้วค่ะ”
ใบหน้าคมคายส่ายหัว ก่อนจะแอบอมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมุ่ยปากได้อย่างน่าเอ็นดู จนน่าจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าเจ้าตัวเล่นบทเศร้าอะไรเอาไว้
แต่ก็นั่นแหละปลายฟ้าเป็นเด็กที่บางทีก็ไร้เดียงสาและร้ายเดียงสาแต่ก็น่าทะนุถนอม เพราะงั้นในสายตาสิงหราชเธอจึงเป็นได้แค่น้องสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น
ไม่มีวันเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน
รถยนต์ขับเข้ามาจอดบริเวณชายหาดที่เงียบสงบ แต่แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา มีเพียงทะเลสีครามกับหาดทรายสีทองที่เรียกร้องให้ปลายฟ้าเข้าไปสัมผัส
เธอเดินลงจากรถแล้วยืนรับลมอยู่ข้างบนพื้นปูนไม่ได้ลงไปบนผืนทรายแต่อย่างใด ความจริงก็คือเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาทะเลตั้งแต่แรก แค่อยากจะยื้อเวลาให้ตัวเองได้ใกล้ชิดสิงหราชมากกว่าเดิมก็แค่นั้น
ปลายฟ้าอยากรู้ว่าในหนึ่งวันของผู้ชายที่ชื่อสิงหราชต้องพบปะใครบ้าง เผื่อจะได้รู้ข้อมูลบางอย่างว่าใครกันแน่ที่พยายามจะฆ่าเขา
“เฮียรู้มั้ยว่าทำไมเวลามาทะเลแล้วเราถึงผ่อนคลาย..” ปลายฟ้าพูดขึ้นหลังคนตัวสูงเดินมาหยุดขนาบข้าง สัดส่วนของส่วนสูงที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้เธอต้องเงยหน้าคุยกับเขา ก่อนระบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูสนใจในสิ่งที่พูดเมื่อครู่
“ทำไม”
“เพราะเสียงของคลื่นที่หนักเบาไม่เท่ากันค่ะ ทำให้เวลาฟังแล้วเราจะรู้สึกผ่อนคลายไปกับมัน ไหนจะท้องฟ้าผืนใหญ่ข้างบนอีก สวรรค์บนดินชัดๆ”
สิงหราชพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลางสูดลมหายใจรับกลิ่นไอทะเล แล้วหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อฟังเสียงคลื่นให้ชัดๆ
“หนูชอบทั้งเสียงคลื่นแล้วก็เสียงฝนเลย ผ่อนคลายดี”
พูดจบเธอก็หลุบสายตามองข้อมือของสิงหราชที่มีนาฬิกาเรือนหลักล้านประดับอยู่ ก่อนภาพกำไลหินอ่อนที่ปลายฟ้าเชื่อว่ามันนำโชคจะผุดแทรกขึ้นมาในหัว
เธอจะไม่มีทางเอามันมาให้เขาใส่แน่นอน
“ขอบใจ”
“ขอบใจหนูเรื่องอะไรคะ”
“ที่พามาทะเล”
เรียวคิ้วสวยยู่ย่นด้วยความงุนงง เมื่อจู่ๆ สิงหราชก็โพล่งประโยคขอบคุณเธอทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้ทำอะไร ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าคมคายดูผ่อนคลายยามสายลมโกรกปะทะหน้า มันก็พลอยทำให้ปลายฟ้ารู้สึกดีไปด้วย
ดวงตาคู่สวยสำรวจสันกรามคมของสิงหราชทุกรายละเอียดบนใบหน้าด้วยความคิดถึง พลันหน่วยน้ำตาก็เอ่อคลอจนเธอต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน
เบื้องหลังของสิงหราชจะเป็นคนดีเหมือนที่เขาดีกับเธอหรือเปล่า อันนี้เธอไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะโลกของเขาปลายฟ้ายังไม่เคยได้เข้าถึง คล้ายว่าสิงหราชเองก็มีเส้นบางๆ กั้นระหว่างเขากับคนอื่นไว้เช่นกัน
เพราะงั้นสิ่งแรกที่เธอควรทำคือเข้าใกล้ตัวตนของสิงหราชให้ได้..
“คืนนี้หนูนอนห้องเฮียนะ” ทันทีที่คิดออกปลายฟ้าก็โพล่งบอกเขา จนคู่สนทนาถึงกับเบิกตาด้วยความตกใจในการรุกเร็วอย่างน่าใจหายของเธอ
“ฝันอยู่หรอ”
“ทำไมล่ะคะ หนูนอนไม่ได้หรอ”
“มันไม่เหมาะสม”
“เราไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อยนี่”
“ปลายฟ้า” สิงหราชขบกรามกรอด ในใจมันอยากจะจับเธอมาตีก้นสักทีสองที แต่ในอีกความคิดนึงเขาก็อยากตีตัวเองมากกว่าที่ดันคิดไกล ทั้งที่อีกฝ่ายอาจจะพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรเลย
ผิดที่เขามันเป็นพวกคิดมากนั่นแหละ คิดมากจนโยงเข้าเรื่องอย่างว่าไปหมดแล้ว
“แล้วหนูพูดอะไรผิดล่ะคะ ที่จริงช่วงนี้หนูมีเรื่องให้เครียดนิดหน่อย พอเฮียไม่อยู่ก็ไม่มีใครให้ระบายด้วยเลย ใจอ่อนให้หน่อยไม่ได้เหรอเฮียสิงห์ นะคะ”
น้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้สิงหราชตั้งใจฟัง ก่อนจะมุ่นเรียวคิ้วเข้มเข้าหากันเมื่อเธอกระโจนเข้ามาเกาะแขนเขา
เรียวคิ้วสวยงุ้มงอเชิงอ้อนวอน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ดูน่ารักเป็นทุนเดิมยิ่งทำให้คนโดนอ้อนถึงกับกระแอมไอออกมา
“นะคะ แค่ครั้งเดียวก็ได้”
“ไม่ได้”
“แต่หนูไม่อยากอยู่คนเดียวคืนนี้.. หนูฝันร้ายค่ะเฮีย แล้วก็รู้สึกเหมือนฝันร้ายมันไม่หายไปไหนเลย”
“มันก็เป็นแค่ฝัน ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่หรอ”
“แต่มันเจ็บจริงนี่คะ เจ็บจริงๆ นะ เจ็บมากๆ เลยด้วย”
หลังพูดจบประโยคใต้ตาเธอก็แดงก่ำคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ น้ำเสียงที่เจือรอยเจ็บปวดทำให้สิงหราชชะงักงันไป ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธคนตัวเล็กกว่าที่เปลี่ยนโหมดมาทำหน้าอ้อนใส่
สิงหราชกลั้นใจแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อน ฉันไม่ใจอ่อนเด็ดขาด”
“อื้อ”
“ไม่ก็คือไม่”
สิ้นประโยคนั้นสิงหราชก็เบือนหน้าหนีสายตาออดอ้อนของอีกฝ่ายในทันที ก่อนที่จะเผลอยกยิ้มมุมปากกับสีหน้าปลายฟ้าเมื่อครู่
“เฮียขา นะคะ ให้หนูอยู่ด้วยเถอะนะคะ หื้ม”
เขาจะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด ยังไงก็จะไม่มีทางยอมให้เธอล้ำเส้นเข้ามาในโลกของเขาได้แน่นอน
ไม่มีทาง
ทว่า..
“เฮียขา หนูแช่อ่างได้มั้ย”
เสียงเล็กฟังดูเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากห้องนอนด้านใน ก่อนปรากฏร่างของปลายฟ้าที่วิ่งยิ้มร่ามาแต่ไกล สิงหราชส่ายหน้าอย่างปวดหัวกับความซุกซนของอีกฝ่ายที่เล่นสำรวจห้องเขาไม่พัก
แต่จะให้เขามองข้ามเธอได้ยังไงก็ในเมื่อปลายฟ้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน การที่เธอทำตัวแปลกไปก็แปลว่ามีเรื่องให้กังวลใจ เพราะงั้นเขามีหน้าที่แค่รอให้เธอเปิดปากพูดออกมาเท่านั้นเอง
“ว่าไงคะเฮีย ถ้าคืนนี้หนูแช่อ่างได้มั้ย ไม่ทำเลอะหรอก”
“ตามใจ”
“เย้ เฮียใจดีจังเลยค่ะ” ปลายฟ้าคลี่รอยยิ้มจนดวงตาหยีลงเป็นสระอิ
ร่างสูงที่เดินเปลือยเปล่าท่อนบน มีผ้าขนหนูสีขาวคาดเอวดูหมิ่นเหม่ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับปลายฟ้าที่วิ่งมาหยุดตรงหน้าเขาพอดี
ปลายฟ้าหยุดชะงักฝีเท้าลง พลางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแล้วตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ใจเต้นแรงกับหุ่นกำยำและมัดกล้ามบนหน้าท้องของสิงหราชเข้าให้แล้ว
“มองอะไร ยัยเด็กแก่แดด” สิงหราชแสยะยิ้มมุมปากแล้วมองเธอที่จ้องเขาไม่พักสายตา
“เฮียโป๊ออกมาแบบนี้ไม่ได้ตั้งใจโชว์หนูหรอกเหรอ หรือจะให้หนูลองให้คะแนนหุ่นเฮียดีคะ” ปลายฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักคิ้วใส่คนอายุมากกว่าทีนึง
เธออยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขายาวของสิงหราชที่ดูตัวใหญ่จนเกะกะไปหมด แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อไปรับลมทะเลจนเนื้อตัวเหนียวเหนอะ ถึงต้องกลับมาอาบน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าเจ้าของห้องไปพลางก่อน
“เหอะ” สิงหราชแค่นหัวเราะในลำคอ มองปลายฟ้าที่ชูนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองข้าง
“สิบเต็มสิบไม่หักเลยก็แล้วกันค่ะ”
“เด็กนี่นี่มัน..”
สิงหราชลอบถอนหายใจกับรอยยิ้มที่ดูร้ายเดียงสาของเธอ ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจที่จะโชว์เรือนร่างของตัวเอง แต่มันเป็นเพราะความเคยชินของผู้ชายที่อยู่ตัวคนเดียวต่างหาก
ดีเท่าไหร่ที่ไม่เจอเขาในเวอร์ชั่นชีเปลือย ล่อนจ้อนไม่นุ่งอะไรเดินโทงเทงในห้องเหมือนตอนอยู่ตัวคนเดียว
แล้วใครจะรู้ว่าปลายฟ้าจะไม่เขินอายเลยที่เห็นเขาเปลือยกายอยู่ตรงหน้า กลับกันดันใช้สายตาสำรวจร่างกายเขาอย่างสนอกสนใจ
“เพิ่งรู้ว่าเฮียมีรอยสักด้วย” ใบหน้าขาวที่มีเลือดฝาดบนแก้มใสเบิกตาโตด้วยความสนใจ เมื่อไล่สายตามองมัดกล้ามบนหน้าท้องที่เด่นชัดของสิงหราชแล้วสะดุดกับรอยสักบนเรือนร่างอีกฝ่าย
ปลายเท้าเล็กขยับเข้าไปใกล้คนตัวสูงทีละนิด ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตรอยสักให้ชัด
มันเป็นลายสักหมึกสีดำรูปนกฟินิกซ์กับผีเสื้อสีน้ำเงินที่อยู่บริเวณสีข้างเอวหนา ปลายฟ้าพยายามจะนึกความหมายของมันแต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี
“นั่นนกฟินิกซ์หรือเปล่าคะ มีผีเสื้อด้วย” พูดพลางเงยหน้ามองสิงหราชที่กดสายตามองมาคล้ายว่าเอือมระอากับความอยากรู้อยากเห็นของเด็กคนนี้เต็มที
“จะทำอะไร” เสียงเข้มถามขึ้น แต่ก็ไม่ได้จับใบหน้าเธอให้ออกห่างหน้าท้องแต่อย่างใด ทว่าแทนที่ปลายฟ้าจะผละออกห่าง เธอกลับขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดหน้าท้องสิงหราช เล่นเอาเขาเผลอกลัดเกร็งหน้าท้องอัตโนมัติ
“ดูรอยสักใกล้ๆ ไงคะ”
“ใกล้ไปหรือเปล่า”
“ก็ไม่กะ..” ปลายฟ้าที่เพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์รอยสักที่สวยจนอยากดูใกล้ๆ เงยหน้าแล้วยิ้มเจื่อน “ใกล้แฮะ ใกล้จนเห็นขนอ่อนที่หน้าท้องเฮียเลย”
สิงหราชพยักหน้าในเชิงว่าเธอเพิ่งรู้ตัวหรือว่ากำลังล้ำเส้นเข้ามา จนเจ้าตัวผละใบหน้าออกไป ก่อนจะค้อมศีรษะขอโทษทันที
“ขอโทษค่ะ ว่าแต่เฮียอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะ พาสาวมาบ้างมั้ย” เสียงคำถามที่ดูกังวลกับคำตอบทำให้ปลายฟ้าแสร้งหันมองโน่นนี่ไปเรื่อย คล้ายว่าไม่ได้ใส่ใจแต่ใบหูกางผึ่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม” สิงหราชขานรับ
“ใครเหรอคะ” ปลายฟ้าหันขวับในทันที ทำเอาสิงหราชเกือบหลุดขำอยู่แล้วเชียว
“ก็เธอนี่ไง”
“อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย รู้หรอกว่าหล่อๆ แบบเฮียต้องมีบ้างแหละ”
“ถ้าใช่ แล้วเธอจะทำไม”
“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ ไม่เห็นจะอยากรู้เลย”
พูดจบเธอก็ย่นปลายจมูกอย่างไม่อยากจะนึกภาพตามว่าในห้องนี้เคยใช้เป็นสถานที่ในการทำอะไรมาบ้าง ทว่าสิงหราชกลับย่างกรายเข้าหาจนปลายฟ้าต้องก้าวเท้าถอยหลังอัตโนมัติ
“อะไรของเฮียเนี่ย”
“หึ”
จู่ๆ สิงหราชก็อยากจะกำราบเด็กดื้อให้รู้จักกลัวผู้ชายอย่างเขาเสียบ้าง เขาสืบเท้าเข้าใกล้ทีละนิด พลันรอยยิ้มร้ายก็ผุดขึ้นบนมุมปาก ส่งผลให้คนตัวเล็กกว่าสั่นกลัวเหมือนลูกกระต่ายที่กำลังตื่นตูม สายตาล่อกแล่กไปมาอย่างหาจุดวางไม่เจอ
กลิ่นสบู่เหลวหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูก บ่งบอกว่าตอนนี้สิงหราชขยับเข้ามาใกล้เธอมากเกินไปแล้ว
“เธอยังเด็ก..”
“คะ”
“และฉันไม่ชอบเด็ก”
นัยน์ตาคู่คมดูมีเสน่ห์ล้นเหลือหรี่ลง ในจังหวะเดียวกันปลายฟ้าก็เหมือนจะขัดขาตัวเองส่งผลให้เจ้าตัวเกือบจะหน้าคะมำ ทว่าคราวนี้ก็เป็นสิงหราชอีกครั้งที่คว้าเอวบางเอาไว้ได้ทัน จนหน้าอกของปลายฟ้าที่ไร้ซึ่งบราเซียปิดกั้นชนเข้าหาแผงอกแกร่งของสิงหราชเข้าอย่างจัง
ภายในพริบตาเดียวตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าปลายฟ้าอยู่ตกในอ้อมกอดของสิงหราชไปโดยปริยาย โดยที่ร่างกายแนบชิดกับเกือบทุกสัดส่วน ส่งผลให้ความนุ่มนิ่มสัมผัสแผงอกแข็งแกร่งจนทั้งคู่ตัวชาดิกไม่กล้าขยับไปไหน
“เฮียคะคือว่า..”
“ฉันรู้แล้ว”
ใบหน้าขาวร้อนผ่าวขึ้นสีแดงฉานราวกับมะเขือเทศสุก ไม่ต่างอะไรกับสิงหราชที่เสียอาการไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนตัวแรงเพราะรับรู้ได้เลยว่าบางอย่างกำลังเสียดสีกับผิวกายเขาอยู่
ใช้เวลาไม่กี่วินาทีที่ทั้งคู่ใกล้กัน แต่กลับเนิ่นนานในความรู้สึกที่ปลายฟ้าเผลอกลั้นหายใจ ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายผลักเขาออกแล้วมุ่ยหน้าแล้วสะบัดผมใส่อีกฝ่ายอย่างแง่งอน
“ฮือ เฮียสิงห์โรคจิต หนูจะฟ้องคุณลุง”
“เอ้า”
สิงหราชยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขินกับสถานการ์ณเมื่อครู่ สายตาไล่มองปลายฟ้าที่งอนปึ่งวิ่งกลับเข้าไปข้างในแล้วระบายลมหายใจออกมาเบาๆ พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“หึ”