CHAPTER 10 จูบแรก

3216 Words
การได้ใช้ชีวิตอยู่กับสิงหราชผ่านไปเร็วจนปลายฟ้าทำใจไม่ทัน รู้สึกเหมือนเพียงพริบตาเดียวการได้อยู่ใกล้ชิดเขาก็เป็นเหมือนเข็มชั่วโมงที่ผ่านไปเร็วเหลือเกิน สิงหราชจะรู้ตัวเองหรือเปล่าว่าเขาเหลือเวลาแค่สามวันบนโลกนี้.. พอคิดแบบนั้นปลายฟ้าก็ยิ่งใจห่อเหี่ยวมากกว่าเดิม เพราะไม่รู้จะจับต้นชนปลายได้ยังไงว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้สิงหราชต้องตาย ครันจะให้แจ้งตำรวจล่วงหน้าว่ามีคนปรองร้ายสิงหราช เธอก็เกรงว่าพวกเขาก็คงจะมองว่าเธอเสียสติไปแล้วไม่ต่างอะไรจากคนหน้านิ่งแน่นอน “หนูควรเริ่มจากตรงไหนดี..” ปลายฟ้าพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง หลังกวาดสายตาไปทั่วห้องนอน แต่มองเห็นเพียงเฟอร์นิเจอร์โทนสีเดียวกัน ไม่มีอะไรเด่นสะดุดตา ทุกอย่างเป็นสีเดียวกันไปหมด เป็นผู้ชายที่เหมือนจะดูเรียบง่าย แต่กลายเป็นว่าเข้าถึงยากซะอย่างงั้น “เฮียไม่นอนเหรอคะ” ปลายฟ้าย่องเบามาที่ห้องทำงาน ก่อนชะโงกหน้าเกาะขอบประตูแล้วฉีกยิ้มหวานให้คนที่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานอยู่ “ยัง ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลย” “หนูเองก็ไม่ง่วงเหมือนกัน” สิงหราชเปรยสายตาขึ้นมอง ไม่ได้ดุที่อีกฝ่ายก้าวล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ทำงาน เขาแค่พยักหน้ารับตอนที่ปลายฟ้าส่งซิกขออนุญาตนั่งโซฟาในห้องเขา "ขอบคุณค่ะเฮีย" ปลายฟ้าหย่อนก้นลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เธอลอบมองใบหน้าหล่อเหลาไม่วางสายตาเพราะเกิดความกลัวในใจว่าเขาจะหายไปอีก รวมถึงใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอะไรคือต้นตอการตาย ถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจกำเริบ การตายของสิงหราชจะทำให้ใครได้รับผลประโยชน์สูงสุด.. เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีที่คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัว เธอมองหน้าสิงหราชอีกครั้ง ก่อนจะลอบถอนหายใจทิ้งออกมา “หนูขอถามอะไรเฮียอย่างนึงได้มั้ย” เสียงหวานเอ่ยบอกอย่างระมัดระวัง อีกใจนึงก็กลัวจะถูกดุ แต่อีกใจมันก็พร้อมจะฮึดสู้เช่นกัน “ฉันทำงานอยู่ปลายฟ้า” น้ำเสียงติดดุพูดเตือน “แค่คำถามเดียว” “ว่ามา” สิงหราชละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเงยขึ้นมองปลายฟ้า สายตาเรียบเฉยสะกดมองเธอที่เงียบไปหนึ่งอึดใจ พอได้โอกาสปลายฟ้าก็รวบรวมความกล้าถามเขา ทั้งสีหน้าและแววตาวูบไหวไปมา เธอไม่อยากให้สิงหราชรู้สึกไม่ดี เพราะเรื่องความสัมพันธ์ของคนในราพณามันค่อนข้างจะเปราะบาง “ถ้าหากเฮียได้ขึ้นบริหารบริษัทแทนคุณลุง เฮียจะทำมั้ย” ดวงตากลมสวยเบิกโตเล็กน้อย เผลอจิกเล็บลงบนหน้าตักตัวเองหลังลุ้นจนตัวโก่งว่าอีกฝ่ายจะตอบว่ายังไง คนที่โดนถามเงียบไปหนึ่งอึดใจ คล้ายว่ากำลังครุ่นคิดอยู่ แต่กลับทำให้ปลายฟ้าเกือบนั่งไม่ติดเก้าอี้ “ถ้ามันเป็นคำสั่ง ฉันก็ขัดไม่ได้” สิงหราชตอบเหมือนไม่ได้คิดอะไร ถึงจะแอบตงิดใจก็ตามที่อยู่ๆ เธอก็ถามเขาเรื่องพวกนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ราพณาเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ ท่านเกษมคือผู้ชุบชีวิตสิงหราช ถ้าหากมันเป็นคำสั่งจากท่าน สิงหราชก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่แล้วต่อให้หนักใจก็ตาม “แล้วเฮียว่าเฮียธีร์จะโกรธมั้ย” “ทำไม” “ก็แทนที่เฮียธีร์จะได้รับช่วงต่อ แต่กลับเป็นเฮียแทน แบบนี้จะดีกับตัวเฮียเหรอคะ” คำถามเริ่มจริงจังขึ้น จากที่สิงหราชไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาก็เริ่มเสตาไปด้านข้างอย่างใช้ความคิดตามสิ่งที่อีกฝ่ายได้พูดออกมา ถึงจะชอบดุว่าเธอชอบพูดจาเพ้อเจ้อและเพ้อฝัน แต่การที่ปลายฟ้าเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็ทำให้สิงหราชเริ่มคิดหนักเหมือนกัน “ไม่รู้ แต่ถึงโกรธก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” “พี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันคงไม่คิดที่จะแตกหักกันเพราะเรื่องนี้หรอกใช่มั้ยคะ” “อันนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ยิ่งได้ฟังคำตอบจากเขาปลายฟ้าก็ยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ ทว่าผู้พูดกลับโต้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้าที่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา เธอเลยเดาไม่ถูกว่าตอนนี้สิงหราชอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ “เรื่องเงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร ชื่อเสียงหรืออำนาจก็เช่นกัน” สิงหราชตอบกลับเสียงเรียบ “กระดาษมันคมเธอไม่รู้เหรอ” “แล้วมันจะเปลี่ยนเฮียหรือเปล่า” ปลายฟ้าตอบกลับแล้วเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย “แล้วเธอเห็นฉันเปลี่ยนไปหรือเปล่าล่ะ” “ไม่ค่ะ” “นี่เธอไปรู้อะไรมา ถึงได้พูดจาเลอะเทอะแบบนี้” สุดท้ายเขาก็ยังยิงตรงประโยคนี้เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้ปลายฟ้าต้องคิดมากกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง สิงหราชไม่รู้เลยว่าในอนาคตท่านเกษมจะตัดสินใจให้ใครบริหารบริษัทต่อ ยังไงเขาก็มีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น “มาจากอนาคตมั้งคะ ไม่สิ ย้อนอดีตมาต่างหาก” ปลายฟ้าไหวไหล่อย่างไม่หยี่ระ ก่อนสบนัยน์ตาคู่คมแล้วคลี่รอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “เหลวไหล” สิงหราชส่ายหน้าติดเอือมระอา ไม่คิดว่าคนเรียนหมอจะเพ้อฝันไปไกลได้ขนาดนี้ “ไม่เหลวไหลซะหน่อย” คนตัวเล็กงุดหน้าแล้วบ่นอุบอยู่คนเดียว แต่เหมือนชวนคุยไปคุยมาท้องน้อยๆ ก็เริ่มประท้วงขึ้นมาซะอย่างงั้น “ที่ห้องเฮียมีมาม่าหรือเปล่าคะ หนูหิว” “นี่มันเที่ยงคืนแล้ว เธอควรไปนอนมากกว่าหาอะไรกินตอนกลางคืน” “คนหิวจะให้นอนได้ยังไง หิวก็ต้องหาอะไรกินสิคะ” “ปลายฟ้า” “ขาเฮีย” เจ้าตัวแสบทำหน้าอ้อนหวังให้พ้นความผิดที่ตัวเองก่อเมื่อครู่ ก่อนปลายฟ้าจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าเตาะแตะพร้อมกับวางมือลงบนโต๊ะทำงานของสิงหราช พลางฉีกยิ้มกว้างด้วยสีหน้าออดอ้อนขอของกินจากเขา "ทำอะไรให้หนูกินหน่อยน้า นะคะเฮียขา~" "รอ" "เย้ เฮียใจดีที่สุดเลยค่ะ" ยิ่งเค้นให้คิดออกว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังสาเหตุการตาย ท้องก็ยิ่งประท้วงร้องขออาหาร เพราะงั้นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิ่มเมื่อไหร่ค่อยมานอนคิดอีกทีก็แล้วกัน ต่อให้อิ่มแล้วจะยังคิดไม่ออกก็ตาม.. ตกดึกที่ปลายฟ้ากับสิงหราชต่างก็แยกกันนอน สิงหราชเสียสละนอนโซฟาข้างนอก โดยที่สาวเจ้าขอให้เขาเปิดประตูห้องนอนไว้ กว่าจะนอนหลับได้ปลายฟ้าก็เอาแต่เรียกชื่อเขาจนหลอนหูไปหมด “อะไรของเธอ ทำไมพูดแปลกๆ” สิงหราชยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องของปลายฟ้าที่วันนี้เธอทำตัวแปลกไปหมด อยู่ดีๆ ก็โผล่ไปรับถึงสนามบินแล้วยังรู้เรื่องอาการป่วยของเขา หนำซ้ำยังทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ นี่ยังไม่รวมพูดจาเหลวไหลดูไร้สาระนั่นอีก จะไม่ให้เขาคิดมากได้ยังไง “อือ..” เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน หลังได้ยินเสียงดังจากในห้องแว่วออกมาให้ได้ยิน ภาพฝันอันดำมืดทำให้ปลายฟ้าที่ดำดิ่งสู่ฝันร้ายเริ่มกลัดเกร็ง ก่อนจะส่งเสียงอืออาในลำคอคล้ายว่าขอความช่วยเหลือ ใบหน้าสวยดูสับสนเปลือกตาบางยังคงปิดสนิท คล้ายว่าเธอกำลังจมสู่โลกแห่งฝันร้ายโดยสมบูรณ์แบบ ซ้ำดวงหน้ายังมีเหงื่อออกพลันหัวใจก็เต้นแรงกับร่างกายที่ไม่ยอมให้ตัวของเธอตื่นจากฝันสักที เธอเห็นเลือดสีสดกับภาพของเหตุการณ์ที่ผ่านมาฉายเป็นฉาก ใบหน้าซีดเซียวของสิงหราชที่มีคราบเลือดนอนแน่นิ่งบนเตียงห้องดับจิตยังฉายชัดในความทรงจำ “เฮีย.. ฮึก” ริมฝีปากเริ่มเปล่งเสียงเรียกชื่อสิงหราช สะบัดหน้าไปมาพยายามดิ้นให้หลุดจากฝันร้าย แต่ก็เหมือนว่าร่างกายจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย “ปลายฟ้า” “ฮึก” “ปลายฟ้า” วินาทีที่เหมือนว่าปลายฟ้าจะมองไม่เห็นทางออกของชีวิต เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มือหนาประคองพวงแก้มขาวแล้วดึงร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้แนบอก สีหน้าดูตื่นตระหนกไม่น้อยกับอาการของปลายฟ้าที่สิงหราชเรียกเธออยู่หลายครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้สติสักที กระทั่งเธอได้สติจากการที่มืออุ่นสัมผัสแก้มเย็น ดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลงราวกับคนที่เพิ่งโผล่พ้นขึ้นจากน้ำ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้าพลางหอบหายใจหนัก “ฝันร้ายเหรอ” สิงหราชขมวดคิ้วเคร่งเครียด หลังเห็นสีหน้าหญิงสาวดูไม่สู้ดีนัก เธอเงยหน้ามองเขาพร้อมกับน้ำตาเม็ดใสที่ร่วงหล่นบนแก้มขาว ก่อนจะโผเข้ากอดสิงหราชราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง ทุกอย่างมันเหมือนกับว่าไม่ว่าจะหลับหรือตื่นฝันร้ายยังคงตามตัวเธออยู่เสมอ.. ไม่มีทางให้หนี มีแค่ต้องสู้เท่านั้น สิงหราชตกใจไม่น้อยที่ถูกอีกคนทิ้งตัวเข้ามากอด แต่พอได้ยินเสียงสะอื้นไห้จนไหล่เล็กสั่นสะท้าน เขาก็อดที่จะยกแขนกอดปลอบไม่ได้ แม้ว่าในหัวเขาจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่สิงหราชก็ไม่อยากจะซักไซ้ไต่ถามคนที่เพิ่งจะเสียขวัญ ไว้วันพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลาเหลือมากมายให้ถามไถ่ “ไม่เป็นไรมันแค่ความฝัน.. ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกท่ามกลางความมืดสลัวของห้อง ที่มีเสียงร้องไห้ของปลายฟ้าดังขึ้น “อย่าตายนะคะ ฮึก.. อย่าตาย” คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นในอ้อมแขนแกร่งของสิงหราช เธอฟูมฟายเหมือนคนไม่ได้สติ ทั้งที่ได้สัมผัสร่างกายเขาแล้ว แต่ก็เหมือนว่ามันยังวูบโหวงภายในใจอยู่ดี มือเล็กกำเสื้อคนตรงหน้าแน่น ก่อนจะกระชับกอดไม่ยอมปล่อยให้สิงหราชไป ปล่อยโฮจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน จนสิงหราชต้องรีบดึงสติเธอขึ้นมา “ปลายฟ้ามีสติหน่อย” ใบหน้าสวยร่ำไห้จนเปียกชื้นเสื้อขาวไปหมด หูอื้อจนไม่ได้ยินในสิ่งที่อีกคนกำลังพร่ำบอก “ปลายฟ้า” “ฮึก.. ฮือ” สิงหราชระบายลมหายใจทิ้ง ก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำมาก่อนในชีวิต นั่นคือการคว้าใบหน้าปลายฟ้าเข้ามาประกบจูบ จนเธอเริ่มผ่อนคลายลงก่อนจะแน่นิ่งไปในวินาทีต่อมา ตอนแรกสิงหราชก็แค่จะดึงสติเธอให้กลับมา แค่ใช้ปากประกบปาก แต่วินาทีต่อมาเขากลับหลับตาลงแล้วล็อคท้ายทอยคนตรงหน้า ก่อนจะขยับริมฝีปากขึ้นลงขบเม้มเรียวปากนุ่มนิ่มอย่างลืมตัว มือเล็กเลื่อนขึ้นทาบอกคนตรงหน้า ก่อนครางอือประท้วงในลำคอเพราะหายใจตามสิงหราชไม่ทัน “หายใจ..” "อึก" เจ้าของใบหน้าคมคายผละออก ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หลังเห็นปลายฟ้าหน้าแดงราวกับมะเขือเทศ “ทีนี้มีสติแล้วใช่มั้ย” สิ้นเสียงคมเข้มสิงหราชก็ใช้สองมือจับใบหน้าเล็กให้มองหน้าเขา วิธีนี้ปราบเด็กดื้อได้สินะ.. คนที่ถูกดุกัดริมฝีปากพยายามกลั้นเสียงสะอื้นได้อย่างน่าเอ็นดู จนทำให้ใจใครบางคนเผลอเต้นแรงขึ้นมา “หนู.. หนูฝันร้าย” ปลายฟ้าพูดพลางกัดริมฝีปากล่างแน่น ฝันที่เห็นว่าสิงหราชตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เธอไม่กล้านอนต่อ ใบหน้าและดวงตาที่เฝ้ามองหามาเกือบทั้งสัปดาห์ส่งผลให้ปลายฟ้าไม่อยากละสายตาไปจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว “ฝันว่าอะไร” “.....” “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า รอให้ใจเย็นลงแล้วค่อยนอน” สิงหราชกำชับผ่านน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าใบหน้าคมคายจะเรียบเฉย แต่ปลายฟ้าก็สัมผัสความวิตกกังวลในสายตาคนตรงหน้าได้ “เฮีย..” สิงหราชเลิกคิ้ว มองมือเล็กที่รั้งชายเสื้อเขาเอาไว้ “คืนนี้นอนด้วยกันได้มั้ย หนูไม่อยากนอนคนเดียว” คนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ พลางกลอกตาอย่างครุ่นคิด “เฮียกอดหนูไว้ด้วยได้มั้ย” เธอร้องขอด้วยสายตาเว้าวอน ภาพจำของสิงหราชที่หมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาปลายฟ้ายังจดจำมันได้ดี “ไม่ได้” “ทำไม” “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ต้องถามเหตุผลว่าทำไม” มือคู่นี้ของเธอที่เคยกุมมือสิงหราชจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต กำลังเปลี่ยนเป็นเกาะเกี่ยวเอวไม่ให้เขาลุกหนีไป ทั้งสีหน้าและแววตาคนอายุน้อยกว่าออดอ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อยไม่มีผิด สิงหราชเป็นพวกความอดทนสูงทั้งยังใจแข็งมาก แต่ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นน้ำตาของเธอ ใจมันก็อ่อนยวบยาบจนสุดท้ายเขาก็ปฏิเสธคำร้องขอนั้นไม่ได้อยู่ดี “งั้นก็เช็ดน้ำตาซะ ฉันจะนั่งเฝ้าเธอตรงนี้เอง” “แล้วกอดล่ะคะ” “ไม่มีกอด” “แต่หนูอยากให้เฮียกอด..” น้ำเสียงสั่นคลอนร้องขอทั้งน้ำตา ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มหลังสิงหราชดุเธอผ่านสายตาเมื่อครู่ ปลายฟ้าเติบโตมากับครอบครัวที่แสดงความรักได้อย่างเปิดเผย เธอเป็นหญิงสาวที่ดูแก่นเซี้ยวก็จริง แต่ก็มีมุมอ่อนโยนรวมถึงชอบอ้อนเป็นนิสัย มือเล็กกระตุกชายเสื้อสิงหราชหลังเขาเงียบไปไม่ตอบ นัยน์ตาคู่คมจมลงสู่ความคิดของตัวเองยามสบมองดวงตาคู่สวยนานเกินไป เขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน สัญชาตดิบของชายฉกรรจ์มันน่ากลัว สิงหราชมองใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อย่านอนดิ้นก็แล้วกัน” สุดท้ายทาสแมวก็ยอมตามใจเจ้านายตัวเองอยู่ดี ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ก็ตาม สิ้นประโยคนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอนราบไปกับเตียง พลันอกข้างซ้ายก็เต้นแรงจนไม่สามารถกำหนดลมหายใจให้คงที่ได้เลย ปลายฟ้าระบายยิ้มเศร้า ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างเขาพร้อมกับมุดอกเข้าไปนอนกอด จับแขนข้างหนึ่งของสิงหราชออกแล้วใช้หัวตัวเองหนุนแขนอีกฝ่ายแทนหมอน “หนูทำเสื้อเฮียเปียกหมดเลย ขอโทษนะคะ” “ช่างมันเถอะ” “เฮียไม่เกร็งสิ หนูตัวหนักหรอ” “เลิกพูดเยอะแล้วนอนได้แล้ว” ประโยคคำสั่งจากสิงหราชทำเอาสาวเจ้าหน้าหงอ เพราะไม่อยากข่มตาลงนอน ฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริงมันยังไม่ยอมเลิกตามหลอกหลอนเธอ แม้กระทั่งยามหลับใหล.. “แต่หนูนอนไม่หลับ.. ไม่อยากหลับตาเลย” “อย่าดื้อ” “มันนอนไม่หลับนี่คะ เฮีย..” ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคคนที่นอนตัวเกร็งเพราะถูกหญิงสาวกอดก็พลิกตัวเข้าหาปลายฟ้า ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามาประชิดกาย จนเธอแทบจะถูกกลืนหายไปในอ้อมอกชายหนุ่ม ฉับพลันใบหน้าขาวก็เห่อร้อนขึ้นมา กลิ่นกายหอมจากสิงหราชทำให้เธอใจสั่นรัว การถูกอีกฝ่ายสวมกอดทั้งที่เขาไม่เคยทำ มันทำให้ใจเจ้ากรรมเต้นรัวราวกับมีคนเข้าไปนั่งตีกลองในใจ “เฮีย..” “นอนได้แล้ว” ปลายฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เขาอีกนิด เธอหลับตาลงแล้วพยายามนึกถึงเรื่องราวที่ดีระหว่างเธอกับสิงหราช ก่อนสุดท้ายจะผล็อยหลับคาอ้อมกอดอุ่นของสิงหราชในไม่กี่นาทีต่อมา เช้าวันรุ่งขึ้น ปลายฟ้าสะลืมสะลือตื่นมาพร้อมกับอาการใต้ตาบวม ผลมาจากการร้องไห้หนักเมื่อคืน เธอมองหน้าตาที่ไม่สดใสของตัวเองแล้วยู่ริมฝีปาก ก่อนจะเผลอแยกยิ้มหลังนึกถึงภาพวิธีที่สิงหราชใช้ดึงสติเธอเมื่อคืน “จูบเลยเหรอ.. บ้าน่า” ปลายฟ้ายิ้มขวยเขินจนตัวบิด พลางแกะแปรงสีฟันใหม่ที่วางไว้หน้ากระจก แล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เป็นจูบแน่ไม่ใช่แค่ปากแตะปากกัน.. สิงหราชจูบเธอ เขาเป็นคนที่ได้จูบแรกของเธอไป ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงปลายฟ้าก็ออกจากห้องน้ำในชุดของเมื่อวานที่ซักแห้งแล้วเรียบร้อย ก่อนจะมุ่นคิ้วเข้าหากันจังหวะที่ได้ยินเสียงผู้หญิงดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท “เราไม่อยากให้สิงห์เดือดร้อน เราจะจัดการปัญหาด้วยตัวเอง” เสียงที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเอ่ยอย่างสั่นคลอน “เธอคนเดียวไม่ไหวหรอกลิน” สิงหราชตอบกลับ ฟังดูเหมือนว่าเขาเองก็เครียดตามไปด้วยเหมือนกัน “ลินว่าลินไหว เราจะไม่ยอมให้เขากลับเข้ามาในชีวิตเราอีกแน่นอน แล้วเราก็จะไม่ยอมให้เขาทำร้ายสิงห์เหมือนกัน” “แล้วเด็กล่ะ” “ลูกต้องอยู่กับลิน.. ลินไม่ยอมให้ลูกอยู่กับเขาเด็ดขาด” ปลายฟ้าที่เสียมารยาทแอบฟังอยู่นานสองนาน ก้าวเท้าออกไปคล้ายกับว่าไม่ได้ยินอะไรก่อนหน้านี้ แล้วเธอก็ได้พบเข้ากับเจ้าของเสียงหวานนุ่มที่เหมือนจะมีปัญหาหนักหน่วง กำลังปรึกษาสิงหราชอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าสะสวยปล่อยผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลัง ผิวพรรณผุดผ่องจนดูเหมาะสมอย่างบอกไม่ถูกตอนปลายฟ้าได้เห็นเธอนั่งข้างสิงหราชในเวลานี้ อีกฝ่ายระบายยิ้มส่งให้ปลายฟ้า ก่อนจะหันไปมองสิงหราชด้วยสีหน้าหนักใจ “เตรียมข้าวเช้าไว้ให้แล้ว ไปทานได้เลย” สิงหราชเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เชิงว่าจะคุยต่อกับอีกคนแต่ไม่อยากให้เธออยู่ด้วย “ค่ะ” ปลายฟ้าพยักหน้ารับคำ รู้ตัวทันทีว่าพวกเขาคงไม่อยากให้เธออยู่ตรงนี้ เพราะเรื่องราวที่พูดถึงเมื่อครู่ก็ดูจะหนักหน่วงไม่น้อย คนตัวเล็กเดินไปที่ห้องครัวแล้วพบเข้ากับข้าวต้มกุ้งหอมฉุยตั้งอยู่ ปลายฟ้าเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้แต่ในหัวยังคิดวกวนกับเรื่องสาเหตุการตายของสิงหราชตลอดเวลา ปลายฟ้าไม่อยากสงสัยคนในครอบครัวราพณา พวกเขาดูรักกันดีเกินกว่าจะฆ่าแกงกันเป็นผักปลาได้ แล้วถ้าหากเป็นใครสักคนที่คับแค้นใจกับสิงหราชเป็นการส่วนตัว ประเด็นนี้จะพอเป็นไปได้หรือเปล่าที่ทำให้สิงหราชถูกปองร้าย “หรือบางที.. จะมีใครสักคนแค้นเฮีย แล้วก็อยากให้เฮียตาย” ใครสักคนที่อาจจะสะใจจากการตายของสิงหราช.. ใครสักคนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการตายของเขา.. “ใครกัน..”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD