และในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปปลาย่างก็ส่งกลิ่นหอมฉุยแผ่กระจายออกมา ม่านนีนั่งปิ้งปลาและกินปลาตัวเดียวกันกับบุรุษตรงหน้าอยู่ที่ริมลำธารด้วยท่าทางเป็นมิตรเพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงน้ำไปจับเอง
ม่านนีหาได้สนใจอันใดกับบุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ นางสนใจอยู่กับการกินปลา นางมิได้นึกสนใจชมชอบบุรุษคนไหน จากประสบการณ์ของมารดาที่นางได้รับรู้มาทำให้นางไม่อยากนึกนิยมผูกสมัครรักใคร่ใยดีบุรุษคนใด
แต่ถึงกระนั้นการนั่งกินปลาด้วยกันอย่างนี้ก็ไม่นับว่าเป็นอันใด นางเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่
ที่ป่าใหญ่แห่งนี้ กับบุรุษแปลกหน้าผู้นี้จึงไม่นับว่าเป็นอะไร นางถือว่าเขาเป็นแขกของนางก็เท่านั้น
ม่านนีนั่งกินปลาหาได้สนใจบุรุษข้างกายไม่
ส่วนบุรุษผู้นั้นก็ทำแค่นั่งกินปลาไปอย่างเงียบงัน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขายังคงเฉยชาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
เมื่อปลาตัวที่หนึ่งถูกกินไปจนหมดแล้ว ปลาตัวที่สองก็สุกได้ที่ มันจึงถูกยกออกมาวางบนใบหน้าใบใหญ่แล้วตามด้วยปลาตัวที่สามถูกเสียบไม้ยกขึ้นย่างแทนที่ ปลาตัวที่สองนี้จึงถูกบุรุษและสตรีฉกกินอยู่ด้วยกันอย่างใจเย็น
“เจ้าหนีออกจากวังมาอย่างนี้ กลับเข้าไปอาจได้รับโทษ”
เส้นเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาทางม่านนีด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงแต่กลับทำให้ม่านนีถึงกับสำลักปลาที่กำลังกินเข้าไป หญิงสาวก้มหน้าลงมองอาภรณ์ของตนที่เป็นชุดนางกำนัลแห่งวังหลวงก่อนเอ่ยออกมา
“อา...ท่านดูออกด้วยหรือ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
“อืม...แล้วอย่างไร” นางตอบรับอย่างไม่สะทกสะท้านอันใด นางไม่เห็นจะต้องกลัวเกรง
“เช่นนั้นเจ้าก็ถูกจับได้เสียแล้ว” เขาตอบกลับมาอย่างนั้น
ม่านนีถึงกับชะงักงันก่อนเงยหน้าขึ้นมองบุรุษหน้าตายที่กล่าวประโยคอันตรายออกมา
“ท่านเป็นทหาร” นางเอ่ยเสียงเบา
และคำตอบที่ได้รับก็เป็นเพียงการยกยิ้มมุมปากบางเบาจากบุรุษตรงหน้า
“อะไรกัน” ม่านนี้ยกยิ้มเช่นเดียวกันพลางเอ่ย “อย่ามาขู่ข้าเลยน่า” ว่าแล้วก็ทำท่าทางเขินอายได้อย่างน่าเอ็นดู ดวงตาคู่สวยพลันทอประกายอย่างไม่ตั้งใจ รอยยิ้มหวานล้ำพลันปรากฏบนใบหน้างดงามตามธรรมชาติหาได้ปรุงแต่งแต่อย่างใดไม่
บุรุษผู้นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับจ้องมองม่านนีก่อนลุกขึ้นพรวดพราดทำเอาม่านนีถึงกับสะดุ้งตกใจ
“อะไรของท่าน” หญิงสาวขมวดคิ้วพันกันยามถามออกไป
แต่ก็หาได้รับคำตอบจากชายหนุ่มผู้นี้ไม่ เขาหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันไร้ซึ่งการกล่าวต่อคำอื่นใดต่อม่านนี
หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่ตั้งตรงเป็นสง่าของเขานิ่งงันอย่างงุนงง
“อะไรกัน” ม่านนีสบถออกมาได้แค่นั้นก่อนจะหันหน้ามาสนใจปลาตรงหน้าต่อโดยหาได้สนใจบุรุษรูปงามท่านนั้นไม่
แต่เพียงอึดใจ ม่านนีจึงเริ่มตระหนัก พลันเลื่อนสายตาออกจากปลาเนื้อหวานแล้วมองไปยังบุรุษผู้นั้นอีกครา
เขาดูคุ้นหน้า...
ม่านนีคิดในใจพลางลุกขึ้นแล้วออกวิ่งอย่างเร็วจนมาถึงร่างสูงใหญ่ของบุรุษแปลกหน้า
บุรุษผู้นั้นถึงกับหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อม่านนีมายืนขวางหน้าของเขาเอาไว้
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงสด เรียวคิ้วเข้มหนา ดวงตาคมดุนุ่มลึก แต่ทว่าแววตาคล้ายกับพญาเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อ
อา...ใช่เขาจริงๆ
เขาเป็นราชองครักษ์ผู้นั้น
“ท่านราชองครักษ์นี่เอง ข้าน้อยจำท่านได้แล้ว” ม่านนีเอ่ยคำเสียงใสแต่ทว่าแววตากลับซ่อนความเจ้าเล่ห์ไม่จริงใจ
บุรุษหนุ่มตรงหน้ามองตอบกลับสายตาอย่างนั้นของม่านนีนิ่งๆ ด้วยดวงตาคมดุไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทางเย็นชาของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน เขาเบี่ยงตัวออกเดินต่อไปยังทิศทางเบื้องหน้าด้วยท่วงท่าสง่างามแผ่นหลังตั้งตรงโดยไม่สนใจม่านนี
หญิงสาวหมุนตัวเดินตามแผ่นหลังนั้นของชายหนุ่มอย่างต้องการตีสนิทก่อนเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยหวังว่าท่านจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร”
ชายหนุ่มปรายหางตาคมมองม่านนีนิ่งๆ เป็นเชิงตำหนิออกมาอย่างฉายชัด
ม่านนี่เห็นอย่างนั้นจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแว่วหวาน
“อืม...อันที่จริง ท่านก็หนีออกมาเที่ยวใช่หรือไม่เจ้าคะ”
และประโยคนั้นก็ทำเอาเขาถึงกับหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินอีกครา ม่านนีจึงหยุดเดินเช่นเดียวกัน แต่ยังคงส่งสายตาทอประกายอ่อนหวานมองเข้าไปในสายตาคมดุของเขาอย่างใจกล้า
“ข้าจะไม่บอกใครเช่นกัน ดีหรือไม่ ถือเป็นความลับของเราสอง” นางเอ่ยเสียงออดอ้อนไม่ต่างจากดวงตา
บุรุษตรงหน้ายิ่งถลึงตาจ้องมองอย่างดุดัน
ม่านนีคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้อย่างไม่นึกกลัวเกรง ใบหน้างดงามหวานล้ำที่มิเคยได้มีโอกาสพิศมองกระจกเงากำลังทอประกายเจิดจ้าอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าไม่ควรทำเยี่ยงนี้” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาจากบุรุษสูงใหญ่ตรงหน้าพร้อมด้วยสายตาคมเฉี่ยวเข้าฟาดฟันไม่สร่างซา
“ข้าจะไม่หนีออกมาอีกเจ้าค่ะ” นางกล่าวออกไปอย่างนอบน้อมคลี่ยิ้มพริ้มเพราดวงตาฉ่ำหวาน
“ข้าหมายถึงกิริยาอย่างนี้” เขาดุออกมาอีกครา
“หือ!?”
“ห้ามเจ้าทำกับใคร” จบคำก็สะบัดชายผ้าเสียงดังแล้วเดินออกไป
“หา!”
ม่านนีถึงกับอุทานพลางอ้าปากค้างอย่างงุนงง