ตอนที่6สอนนับลูกดิ้น

1092 Words
เมื่อทานข้าวอิ่มงามวิไลก็เดินมาซื้อผลไม้ที่หน้าตึกปล่อยให้วิลาวัลย์เดินขึ้นไปก่อน มันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญอีกนั้นแหละที่หมอจิณณ์ก็เดินมาเช่นกัน "คุณหมอทานผลไม้เหมือนกันหรอค่ะ" "อืม.." หมอจิณณ์จอมเนี๊ยบก็ตอบเพียงสั้นๆแต่งามวิไลก็เบ้ปากเบาๆเช่นกัน "มะละกอไหมค่ะหมอ ทานแล้วผิวสวยด้วยนะ" งามวิไลเสนอไปหมอจิณณ์ก็นิ่งไม่ตอบ ทำเอาคนที่เสนอหมั่นไส้ไม่น้อย งามวิไลไม่ได้พูดอะไรต่อได้เพียงยืนรอผลไม้ที่สั่งก่อนที่พ่อค้าจะเรียก "ได้แล้วครับห้าสิบบาทครับ" ก่อนที่งามวิไลจะยื่นมือหยิบแล้วหมอก็พูดขึ้น "อิ่มหรอ แค่นี้!?" "อิ่มค่ะ จะกินอะไรเยอะแยะ" "ดูจากรูปร่างไม่น่าจะกินน้อยนะ" "หมอ!...แต่หนูว่าหมอไม่น่าทานผลไม้นะค่ะ เพราะชีวิตก็หวานพอแล้ว ระวังนะคะจะเป็นเบาหวาน" พูดแล้วก็ยกยิ้มพร้อมกระพริบตาซ้ายให้หมอหนึ่งที ก่อนจะเดินสะบัดก้นไป ปล่อยหมอมองตามเพราะพูดไม่ออก ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วพูดเบาๆ "ยายตัวดี" เมื่อเดินขึ้นมาที่ห้องพักแล้ว เวลาก็ยังเหลืออีกตั้งยี่สิบนาทีก่อนที่จะเข้างาน พี่วารินก็เดินเข้ามาเหมือนกัน พี่วารินหย่อนสะโพกลงก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้งามวิไลแทบสำลัก "พรุ่งนี้จะมีอบรมเจาะเลือด น่าจะเรียกมาฝึกทั้งหมด แต่...เจาะจริงนะจับคู่กัน" แค๊กๆๆๆ "เจาะจริงหรือค่ะ" งามวิไลโพล่งเสียงออกมาทันที "ใช่ไง...งามก็คู่กับวิอยู่แล้วนิ" พี่พยาบาลสาวหันมาทางวิลาวัลย์ทันที "ไม่นะ วิไม่อยากคู่กับงามอ่ะ" "ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกเพื่อนก็แค่เจาะเลือด" "เจาะเลือดฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวแกเจาะไม่ถูกเส้นเลือดต่างหาก" วิลาวัลย์สวนขึ้น ส่วนงามวิไลก็ทำหน้าทะเล้นใส่ ใครจะกลัวก็แค่เจาะเลือด คิดไปก็ขนลุก งามวิไลแทบกินผลไม้ไม่ลงเมื่อนึกถึงเข็มที่จิ้มลงมาแล้วดูดเลือดเธอไปเต็มหลอด "พรุ่งนี้จะมีอาจารย์หมอหลายคนเข้าไปดู ส่วนพวกพี่พยาบาลจะค่อยให้คำแนะนำนั้นแหละ" พี่วารินพูดแล้วยิ้มแฉ่งขึ้น แต่ก็ส่งสายตามาให้น้องงามคนสวยที่นั่งยิ้มแห้งๆเพราะในความคิดตอนนี้คือการเจาะเลือดจริงๆครั้งแรกของเธอเลย ตอนเรียนแค่ฝึกปฏิบัติยังไม่ถึงขั้นต้องเจาะจริงแบบนี้ "แล้วคุณหมอท่านไหนบ้างค่ะ" วิลาวัลย์ถามขึ้น พร้อมมองหน้าพี่วาริน "พี่ก็ไม่รู้ว่าหมอคนไหนบ้าง" เมื่อนั่งอยู่สักพักก็ถึงเวลาทำงาน สองสาวพยาบาลฝึกหัดก็ต้องเดินออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง วิลาวัลย์ สอบประวัติคนป่วยที่มาฝากครรภ์ใหม่ ส่วนงามวิไลก็เปลี่ยนหน้าที่พาคุณแม่ที่มาฝากครรภ์หรือมาตามนัดนั้น เข้าห้องตรวจตามคิว "งามวิไลได้แนะนำคุณแม่เรื่องการนับลูกดิ้นไหมครับ" คุณหมอจิณณ์ถามนักเรียนพยาบาลฝึกหัดเพื่อทดสอบว่าได้แนะนำคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ยี่สิบแปดสัปดาห์ขึ้นไปหรือยัง "เอ่อ...ยังค่ะ" สายตาพิฆาตหันมาทางงามวิไลทันที ถึงจะใส่แมสให้เห็นแค่แววตาแต่ทว่ามันก็พอบ่งบอกได้ถึงความอำมหิตที่ส่งมาให้ หมอก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะตรวจและแนะนำคุณแม่ตามขั้นตอน เมื่อเสร็จแล้วคุณแม่รายนั้นก็เดินออกไปทันที "งามวิไล อยู่ก่อน" ด้านงามวิไล เอ้าแล้วฉันคิดในใจทันทีเลยว่าหมอต้องลงโทษที่ไม่ทำการบ้านมาให้เรียบร้อย สมุดพกแม่และเด็กที่พยาบาลต้องตรวจทุกครั้ง และแนะนำแก่คุณแม่ที่ตั้งท้อง ฉันค่อยๆหันมาทีละนิด แล้วหยุดยืนตัวตรงข้างหน้า ส่วนหมอก็นั่งหน้าขาวพร้อมกับถอดแมสที่ปิดจมูกออกแล้วพูดขึ้น "ขยับมานี่สิ" "แหม..คุณหมอไม่ต้องอยากอยู่ใกล้หนูขนาดนั้นก็ได้ค่ะ" ฉันพูดแล้วฉันก็ยิ้มแป้นแล่นใส่หมอทันที "จะขยับมาหรือจะให้หมอเดินไป" หมอพูดมาแบบนี้ฉันก็ต้องทำตามนั้นสิ ฉันค่อยๆก้าวขาขยับไปทีละนิด เหมือนหนอนที่กระดืบกระดืบไปข้างหน้า ก่อนจะถามหมอ "ใกล้พอรึยังค่ะ" "ยัง" ฉันถอนหายใจเลยจะสั่งอะไรก็ไม่สั่งยังจะให้ขยับตัวมาใกล้ๆอีกหรือว่าหมอจะทำมิดีมิร้ายกับร่างกายอันสวยสดงามงามของฉันกันแน่ ฉันกระดืบไปอีกก้าวแล้วหมอก็พูดขึ้น "ก้มหัวมา" หมอจิณณ์ให้ก้มหัวทำอะไร ก้มไปไหนฉันก็เลิ่กลักนั้นสิ ส่วนหมอก็นั่งพิงเก้าอี้สายตาหมอจ้องจนฉันไม่กล้าสบตาเลย ก่อนจะค่อยๆก้ม ก้ม ลงที่ละนิด จนกระทั้ง โป้ก! "โอ้ยย....หมออ่ะ" แฟ้มเอกสารบางๆนั้นมันประทับลงกลางหัวฉันทันทีแล้วคนที่ทำก็พูดขึ้น "ทีหลังเปิดสมุดคู่มือของแม่ทุกหน้า เพราะมันเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องแนะนำวิธีต่างๆในสมุด และการนับลูกดิ้นก็จำเป็นเช่นกัน ฝึกให้คุณแม่นับ จำได้ไหมว่าต้องนับยังไง" "นะ..นับ..123.....โอ้ยย" เอาอีกแล้วหมอคราวนี้แรงกว่าเดิมอีก ฉันถึงกับลูบหัวเลย "หมอหมายถึงวิธีนับต้องแนะนำอย่างไร" อึกอักเลยค่ะ คือมันก็ลืมยิ่งเอาแฟ้มมาทุบแบบนี้ใครจะไม่ลืมละใช่ไหม ฉันก็คิดในใจแต่ก็ไม่พูดจนกระทั้งหมอเอ่ยขึ้น "กลับไปทำการบ้านมา แล้วเขียนรายงานมาส่ง" "หมอ...อีกแล้วหรอ" "อะไรอีกแล้ว เรียนมาไม่เคยจำ สมองปลาทองจริงๆ พูดวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืม.. ออกไปได้แล้ว" ฉันยืนมองหน้าหมอพร้อมกับหน้าบึ้ง คนอะไรขยันลงโทษจริงๆ รายงานที่เอาไปยังไม่มีเวลาตรวจเลยยังจะให้ทำเพิ่มอีก ไม่รู้ว่าจะเอาไปแทนหมอนหนุนนอนรึเปล่า พูดแล้วเซ็ง ฉันเลยเดินสะบัดออกมาเลย "หน้าบึ้งมาอีกแล้วโดนอะไรมาอีกหละ" วิลาวัลย์ ถามขึ้นขณะที่เพื่อนเดินมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะทันที "ใจฮ้าย" (โมโห!)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD