ช่วงเช้าของวันนั้นงามวิไลที่อดหลับอดนอนมาค่อนคืนถึงแม้จะกินกาแฟไปแล้วแต่ร่างกายก็ยังรู้สึกเพลียอยู่ เดินไปพลางป้องปากห้าวไป แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคุณหมอหนุ่มกำลังเดินมาพอดี งามวิไลเลยเดินหลบมายังโต๊ะตัวเอง ปล่อยให้หมอได้เข้าห้องไปก่อน สักพักเธอจึงลุกเอารายงานเข้าไปส่ง
"ขออนุญาตค่าา"
เสียงแจ้วนั้นโพล่งออกมาแต่หมอที่นั่งก้มลงเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ตอบอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาถึงกับตกใจ
"เฮ้ยย!! ตกใจหมด!"
งามวิไลชะโงกหน้ามาใกล้ๆหมอจนหมอจิณณ์ต้องผละร่างออก
"ยืนห่างๆผมก็ได้ ขยับมาใกล้ขนาดนี้ผมหัวใจวายพอดี"
"แหม..คุณหมอออกจะแข็งแรงไม่ตายง่ายหรอกค่ะ!"
"...."
หมอจิณณ์หมดคำพูด อีกอย่างขี้เกียจต่อปากต่อคำ วันนี้ขอให้ทำงานราบรื่นบ้างเพราะยังเช้าอยู่
"แล้วเข้ามาทำไม หมอยังไม่ได้เรียกนะ"
"เอางานมาส่งค่ะ"
พูดแล้วงามวิไลก็ยื่นเอกสารรายงานให้หมอทันที หมอยื่นมือรับและเปิดดูคราวๆ ก่อนจะพูดขึ้น
"เดี๋ยวตรวจให้นะ ตอนนี้ยังไม่ว่าง"
พูดแล้วก็วางเอกสารไว้ที่โต๊ะส่วนตัวคุณหมอก็เตรียมงานตัวเองเบื้องหน้า
แต่งามวิไลก็ยังไม่ออกจากห้องตรวจนั้น จนหมอตั้งเงยหน้ามาพิจารณาอีกครั้ง
"รออะไรหรือครับ"
"คุณหมอน่าจะตรวจให้เรียบร้อยนะค่ะ เพราะว่าหนูตั้งใจทำมาก ถ้าผิดก็จะได้รีบแก้ คุณหมอไม่เห็นความตั้งใจบนใบหน้าของหนูหรอค่ะ"
หมอจิณณ์เพ่งพินิจพิจารณาอยู่นานก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงเรียบ
"ไม่เห็นอ่ะ"
"หมอ!!...ขอบตาหนูดำขนาดนี้คุณหมอยังไม่เห็นอีกหรอค่ะ"
พูดแล้วเธอก็ชะโงกหน้ามาให้หมอมองเต็มที่ จนหมอจิณณ์ถึงกับสะดุ้ง สองสายตาประสานกันแต่ด้วยความโก๊ะของงามวิไลเธอก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แต่หมอจิณณ์ตัวชาไปเลยทีเดียว
"หมอเห็นไหมตาเนี้ย หนูต้องเสียเงินซื้ออายครีมนะ"
"..."
หมอตั้งสติได้รีบถอยเก้าอี้ออกห่างทันที ก่อนจะพูดขึ้น
"เห็นแล้ว ไม่ต้องเอาหน้ามาใกล้หมอขนาดนั้นก็ได้ ตกใจหมด" พูดแล้วก็ถอนหายใจทันที
"โถ่..แม่อายของแม่เขาบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ แล้วใครกันเล่าจะมาเปิดหน้าต่างเพราะมันมืดขนาดนี้"
งามวิไลหยิบกระจกพกบานเล็กที่อยู่ในถุงเสื้อ ขึ้นมาส่องพูดไปก็ลูบใต้ตาไป จนหมอจิณณ์ไปต่อไม่ได้
"โอเคๆ หมอจะรีบตรวจให้ละกัน ออกไปได้แล้ว"
"ก็แค่นี้แหละค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนงามวิไล หมอลืมบอกไม่ต้องรอคนมาเปิดหรอกนะ เพราะหมอคิดว่าหน้าต่างน่าจะปิดตายเปิดไม่ได้!!!"
หมอจิณณ์อดแซวไม่ได้จึงพูดขึ้น ก่อนสาวแก้มยุ้ยจะหันมามองแล้วค้อนใส่หมอทันที
"หมออ!! ชิ"
งามวิไลเดินต๊อกแต๊กกลับมานั่งที่เดิมพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง จนเพื่อนที่นั่งข้างๆถามขึ้น
"หมอดุมาหรองาม"
"ไม่เชิงดุ แต่หมอว่ามากกว่า ว่าฉันจะไม่มีแฟน คอยดูนะฉันจะมีแฟนหล่อๆ หล่อกว่าหมออีก"
พูดแล้วก็งุดหน้าทำงานตามเดิม แต่ในวันนั้นเกือบครึ่งวันเอกสารที่ต้องส่งถึงมือหมอต้องเป็นวิลาวัลย์เอาไปส่งเนื่องด้วย เธอไม่อยากเจอหมอจิณณ์
จนถึงเวลาต้องพักกลางวัน พยาบาลแจ้งผู้ป่วยทั้งตามหมอนัดและพึ่งมาให้ลงไปทานข้าวก่อนเพราะเป็นช่วงพักเที่ยงหมอก็ต้องพักเช่นกัน ให้เข้ามาตามคิวอีกทีคือบ่ายโมงตรง
หมอจิณณ์ที่นั่งดูงานในคอมอยู่นั้น อยู่ๆเสียงหมอหนุ่มคู่ใจก็เดินมาพร้อมประโยคที่งามวิไลนั้นชินหูเป็นอย่างดี
"ที่รักกินข้าวได้แล้ว"
หมอณัฐเป็นเพื่อนสนิทของหมอจิณณ์เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอปลายจนจบหมอ แต่หมอณัฐนั้นอยู่แผนกเด็กอ่อน เขาจะแกล้งเรียกกันแบบนี้เพราะตัวติดกันจนคนอื่นแอบคิดว่าเป็นแฟน แต่หมอณัฐนั้นกำลังศึกษาดูใจกับแฟนสาวซึ่งเป็นหมอด้วยกัน แต่งามวิไลนั้นสิเธอดูไม่ออกหรอกว่าชายแท้ชายเทียมเป็นแบบไหนเพราะเธออินกับซีรี่ส์วายจนมองเรื่องราวของหมอแล้วจิ้นไปหมด
"เห็นไหมแฟนหมอมาแล้ว"
งามวิไลพูดขึ้นกับวิลาวัลย์ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หมอจิณณ์ในห้องก่อนที่เธอจะเดินไปโรงอาหาร
"เมื่อไหร่มึงจะเลิกเรียกแบบนี้สักที เด็กเข้าใจผิดหมด"
"เอ้ากูนึกว่ามึงชอบเมื่อก่อนไม่เห็นว่า"
"เมื่อก่อนคนอื่นเขาก็ดูออก มึงดูเด็กฝึกงานกูสิยิ้มแบบ...เหมือนกำลังคิดว่ามึงกับกูถึงขั้นไหนแล้ว"
หมอจิณณ์หมายถึงงามวิไล เพราะตั้งแต่มาฝึกงานแล้วมาเจอหมอณัฐพูดหยอกล้อ งามวิไลก็คิดเองเอ่อเองจนหมอจะเสียความมั่นใจซะแล้ว
สองหนุ่มเดินลงมาพร้อมกัน ความสูงเท่าๆกัน แต่หมอณัฐจะผิวคล้ำกว่าหมอจิณณ์ เมื่อทั้งคู่เดินเคียงข้างกันมายังโรงอาหารเดียวกันกับงามวิไล งามวิไลก็มองหมอทั้งสองแล้วยิ้มกลิ่มขึ้นทันที
"น่ารักเนาะ เหมาะสมกันมาก ถ้าหากหมอจิณณ์ดูใจดีกว่านี้ หมอจะเป็นนายเอกในดวงใจของงามทันที"
นั้นพูดไปนั้นอีก ยายงามวิไลเพ้อภพไปจนถึงดาวเสาร์แล้ว แค่เห็นหมอทั้งสองเดินคู่กันมาโดยที่ไม่ได้มีฉากหวานอะไรด้วยซ้ำ
"งาม..แกก็อินเกินไป หมอณัฐกับหมอจิณณ์เป็นเพื่อนสนิทกันพี่วารินก็บอกอยู่"
"หึยย..แกจะไปรู้อะไรพี่วารินไม่เคยดูซีรี่ส์ ความรักมันเกิดขึ้นกับคนสองคนใครจะไปแสดงให้คนอื่นเห็นวะ"
เอาเข้าไปงามวิไลผู้เชี่ยวชาญด้านซีรี่ส์พอหมอเหลือบมองมายังเธอเท่านั้นแหละ งามวิไลก็ยกมือส่งยิ้มให้หมอทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"นั้นลูกศิษย์ในสังกัดใช่เปล่าวะที่ส่งยิ้มให้"
"อืม...อย่าใส่ใจเลย เหวิ้นเว้อสมองก็ปลาทอง"
เมื่อหมอจิณณ์พูดออกมาแบบนั้นแต่ณัฐก็หันไปยิ้มตอบเบาๆ ก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร ปล่อยให้งามวิไลฉีกยิ้ม จินตนาการไปตามอารมณ์ จนเพื่อนอย่างวิลาวัลย์ถึงกับถอนหายใจแทน