ตอนที่5 จินตนาการ

1144 Words
ช่วงเช้าของวันนั้นงามวิไลที่อดหลับอดนอนมาค่อนคืนถึงแม้จะกินกาแฟไปแล้วแต่ร่างกายก็ยังรู้สึกเพลียอยู่ เดินไปพลางป้องปากห้าวไป แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคุณหมอหนุ่มกำลังเดินมาพอดี งามวิไลเลยเดินหลบมายังโต๊ะตัวเอง ปล่อยให้หมอได้เข้าห้องไปก่อน สักพักเธอจึงลุกเอารายงานเข้าไปส่ง "ขออนุญาตค่าา" เสียงแจ้วนั้นโพล่งออกมาแต่หมอที่นั่งก้มลงเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ตอบอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาถึงกับตกใจ "เฮ้ยย!! ตกใจหมด!" งามวิไลชะโงกหน้ามาใกล้ๆหมอจนหมอจิณณ์ต้องผละร่างออก "ยืนห่างๆผมก็ได้ ขยับมาใกล้ขนาดนี้ผมหัวใจวายพอดี" "แหม..คุณหมอออกจะแข็งแรงไม่ตายง่ายหรอกค่ะ!" "...." หมอจิณณ์หมดคำพูด อีกอย่างขี้เกียจต่อปากต่อคำ วันนี้ขอให้ทำงานราบรื่นบ้างเพราะยังเช้าอยู่ "แล้วเข้ามาทำไม หมอยังไม่ได้เรียกนะ" "เอางานมาส่งค่ะ" พูดแล้วงามวิไลก็ยื่นเอกสารรายงานให้หมอทันที หมอยื่นมือรับและเปิดดูคราวๆ ก่อนจะพูดขึ้น "เดี๋ยวตรวจให้นะ ตอนนี้ยังไม่ว่าง" พูดแล้วก็วางเอกสารไว้ที่โต๊ะส่วนตัวคุณหมอก็เตรียมงานตัวเองเบื้องหน้า แต่งามวิไลก็ยังไม่ออกจากห้องตรวจนั้น จนหมอตั้งเงยหน้ามาพิจารณาอีกครั้ง "รออะไรหรือครับ" "คุณหมอน่าจะตรวจให้เรียบร้อยนะค่ะ เพราะว่าหนูตั้งใจทำมาก ถ้าผิดก็จะได้รีบแก้ คุณหมอไม่เห็นความตั้งใจบนใบหน้าของหนูหรอค่ะ" หมอจิณณ์เพ่งพินิจพิจารณาอยู่นานก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงเรียบ "ไม่เห็นอ่ะ" "หมอ!!...ขอบตาหนูดำขนาดนี้คุณหมอยังไม่เห็นอีกหรอค่ะ" พูดแล้วเธอก็ชะโงกหน้ามาให้หมอมองเต็มที่ จนหมอจิณณ์ถึงกับสะดุ้ง สองสายตาประสานกันแต่ด้วยความโก๊ะของงามวิไลเธอก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แต่หมอจิณณ์ตัวชาไปเลยทีเดียว "หมอเห็นไหมตาเนี้ย หนูต้องเสียเงินซื้ออายครีมนะ" "..." หมอตั้งสติได้รีบถอยเก้าอี้ออกห่างทันที ก่อนจะพูดขึ้น "เห็นแล้ว ไม่ต้องเอาหน้ามาใกล้หมอขนาดนั้นก็ได้ ตกใจหมด" พูดแล้วก็ถอนหายใจทันที "โถ่..แม่อายของแม่เขาบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ แล้วใครกันเล่าจะมาเปิดหน้าต่างเพราะมันมืดขนาดนี้" งามวิไลหยิบกระจกพกบานเล็กที่อยู่ในถุงเสื้อ ขึ้นมาส่องพูดไปก็ลูบใต้ตาไป จนหมอจิณณ์ไปต่อไม่ได้ "โอเคๆ หมอจะรีบตรวจให้ละกัน ออกไปได้แล้ว" "ก็แค่นี้แหละค่ะ" "เดี๋ยวก่อนงามวิไล หมอลืมบอกไม่ต้องรอคนมาเปิดหรอกนะ เพราะหมอคิดว่าหน้าต่างน่าจะปิดตายเปิดไม่ได้!!!" หมอจิณณ์อดแซวไม่ได้จึงพูดขึ้น ก่อนสาวแก้มยุ้ยจะหันมามองแล้วค้อนใส่หมอทันที "หมออ!! ชิ" งามวิไลเดินต๊อกแต๊กกลับมานั่งที่เดิมพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง จนเพื่อนที่นั่งข้างๆถามขึ้น "หมอดุมาหรองาม" "ไม่เชิงดุ แต่หมอว่ามากกว่า ว่าฉันจะไม่มีแฟน คอยดูนะฉันจะมีแฟนหล่อๆ หล่อกว่าหมออีก" พูดแล้วก็งุดหน้าทำงานตามเดิม แต่ในวันนั้นเกือบครึ่งวันเอกสารที่ต้องส่งถึงมือหมอต้องเป็นวิลาวัลย์เอาไปส่งเนื่องด้วย เธอไม่อยากเจอหมอจิณณ์ จนถึงเวลาต้องพักกลางวัน พยาบาลแจ้งผู้ป่วยทั้งตามหมอนัดและพึ่งมาให้ลงไปทานข้าวก่อนเพราะเป็นช่วงพักเที่ยงหมอก็ต้องพักเช่นกัน ให้เข้ามาตามคิวอีกทีคือบ่ายโมงตรง หมอจิณณ์ที่นั่งดูงานในคอมอยู่นั้น อยู่ๆเสียงหมอหนุ่มคู่ใจก็เดินมาพร้อมประโยคที่งามวิไลนั้นชินหูเป็นอย่างดี "ที่รักกินข้าวได้แล้ว" หมอณัฐเป็นเพื่อนสนิทของหมอจิณณ์เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอปลายจนจบหมอ แต่หมอณัฐนั้นอยู่แผนกเด็กอ่อน เขาจะแกล้งเรียกกันแบบนี้เพราะตัวติดกันจนคนอื่นแอบคิดว่าเป็นแฟน แต่หมอณัฐนั้นกำลังศึกษาดูใจกับแฟนสาวซึ่งเป็นหมอด้วยกัน แต่งามวิไลนั้นสิเธอดูไม่ออกหรอกว่าชายแท้ชายเทียมเป็นแบบไหนเพราะเธออินกับซีรี่ส์วายจนมองเรื่องราวของหมอแล้วจิ้นไปหมด "เห็นไหมแฟนหมอมาแล้ว" งามวิไลพูดขึ้นกับวิลาวัลย์ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หมอจิณณ์ในห้องก่อนที่เธอจะเดินไปโรงอาหาร "เมื่อไหร่มึงจะเลิกเรียกแบบนี้สักที เด็กเข้าใจผิดหมด" "เอ้ากูนึกว่ามึงชอบเมื่อก่อนไม่เห็นว่า" "เมื่อก่อนคนอื่นเขาก็ดูออก มึงดูเด็กฝึกงานกูสิยิ้มแบบ...เหมือนกำลังคิดว่ามึงกับกูถึงขั้นไหนแล้ว" หมอจิณณ์หมายถึงงามวิไล เพราะตั้งแต่มาฝึกงานแล้วมาเจอหมอณัฐพูดหยอกล้อ งามวิไลก็คิดเองเอ่อเองจนหมอจะเสียความมั่นใจซะแล้ว สองหนุ่มเดินลงมาพร้อมกัน ความสูงเท่าๆกัน แต่หมอณัฐจะผิวคล้ำกว่าหมอจิณณ์ เมื่อทั้งคู่เดินเคียงข้างกันมายังโรงอาหารเดียวกันกับงามวิไล งามวิไลก็มองหมอทั้งสองแล้วยิ้มกลิ่มขึ้นทันที "น่ารักเนาะ เหมาะสมกันมาก ถ้าหากหมอจิณณ์ดูใจดีกว่านี้ หมอจะเป็นนายเอกในดวงใจของงามทันที" นั้นพูดไปนั้นอีก ยายงามวิไลเพ้อภพไปจนถึงดาวเสาร์แล้ว แค่เห็นหมอทั้งสองเดินคู่กันมาโดยที่ไม่ได้มีฉากหวานอะไรด้วยซ้ำ "งาม..แกก็อินเกินไป หมอณัฐกับหมอจิณณ์เป็นเพื่อนสนิทกันพี่วารินก็บอกอยู่" "หึยย..แกจะไปรู้อะไรพี่วารินไม่เคยดูซีรี่ส์ ความรักมันเกิดขึ้นกับคนสองคนใครจะไปแสดงให้คนอื่นเห็นวะ" เอาเข้าไปงามวิไลผู้เชี่ยวชาญด้านซีรี่ส์พอหมอเหลือบมองมายังเธอเท่านั้นแหละ งามวิไลก็ยกมือส่งยิ้มให้หมอทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "นั้นลูกศิษย์ในสังกัดใช่เปล่าวะที่ส่งยิ้มให้" "อืม...อย่าใส่ใจเลย เหวิ้นเว้อสมองก็ปลาทอง" เมื่อหมอจิณณ์พูดออกมาแบบนั้นแต่ณัฐก็หันไปยิ้มตอบเบาๆ ก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร ปล่อยให้งามวิไลฉีกยิ้ม จินตนาการไปตามอารมณ์ จนเพื่อนอย่างวิลาวัลย์ถึงกับถอนหายใจแทน ​ ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD